สรุป #แบนสุพรรณหงส์ ทำไมเพิ่งมาแบนกันตอนนี้?

กำลังเป็นประแสอยู่ในสังคมออนไลน์อยู่ในตอนนี้สำหรับการประกาศผลรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติอย่าง "สุพรรณหงส์" หลังคนในวงหลายต่อหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยกับวิธีการคัดเลือกหนังที่จะเข้าชิงรางวัลในปีนี้ต่างพากันติด #แบนสุพรรณหงส์

เกิดอะไรขึ้นทำไมเรื่องนี้ถึงกลายมาเป็นกระแสขึ้นมาได้?

เรื่องของเรื่องเริ่มจากการที่นายศราวุธ แก้วน้ำเย็น ผู้กำกับศิลป์-ออกแบบงานสร้าง ภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘เวลา’ (Anatomy of Time) ได้มีการโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 29 มีนาคม ระบุว่าเป็นที่น่าเสียดายที่หนังเรื่องนี้ซึ่งกำกับโดย "จักรวาล นิลธำรงค์" หรือ "เก่ง" ที่เพิ่งคว้าทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวที 'คมชัดลึกอวอร์ด" มาหมาดๆ แต่กลับไม่มีสิทธิ์เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติสุพรรณหงส์ครั้งที่ 31

โดยเจ้าตัวระบุเหตุผลว่าเป็นเพราะทางสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติผู้จัดงานมีการเปลี่ยนกฏเกณฑ์การคัดเลือกใหม่ คือภาพยนตร์ที่จะเข้าชิงรางวัลได้นั้นจะต้องเป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายอย่างน้อย 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ ชลบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมาและนครศรีธรรมราช หรือต้องมีคนดูตั้งแต่ 50,000 คนขึ้นไป

งานนี้ก็เลยทำเอาบรรดาชาวเน็ตพากันวิจารณ์กันมากมายว่าการคัดเลือกดังกล่าวนั้นเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับนายทุน-ค่ายหนังใหญ่ ไม่สนใจหนังอินดี้ หนังทุนต่ำ พร้อมชี้ว่าการกระทำแบบนี้แล้วหนังไทยเมื่อไหร่จะพัฒนา ฯลฯ

ขณะที่บรรดาคนในวงการมากมายทั้งนักแสดง ผู้กำกับ อาทิ คุณชายอดัม มรว.เฉลิมชาตรี ยุคล, เต๋อ นวพล, คงเดช จาตุรันต์รัศมี, บาส นัฐวุฒิ, ปิ๊ง อดิสรณ์ ฯลฯ ประกาศไม่ขอร่วมงานกับการประกวดเวทีนี้ ขณะที่บางคนที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลต่างๆ ต่างก็ประกาศขอถอนตัว คืนรางวัล จนเกิดกระแส #แบนสุพรรณหงส์ ขึ้นมา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบของทีมข่าวพบว่ากติกาในการคัดเลือกที่เป็นชนวนเหตุของเรื่องนั้นเกิดขึ้นมาในสมัยที่นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ" (อดีตสส. 3 สมัย 3 พรรค ทั้ง ชาติพัฒนา, ไทยรักไทยและ รวมใจไทยชาติพัฒนา) นั่งเป็นประธานสมาพันธ์

โดยสมาคมภาพยนตร์แห่งชาติมีความพยายามที่จะผลักดันให้มีการใช้กฏที่ว่ามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 แล้วแต่ก็ถูกคัดค้านจนยกเลิกไป

กระทั่งในการประกาศผลรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่แล้วกติกานี้ก็ถูกนำมาใช้แม้หลายคนจะไม่เห็นด้วย แน่นอนว่ารวมถึงสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในบรรดาหนังไทยจำนวน 17 เรื่องที่มีการเข้าชิงรางวัลในครั้งที่แล้วนั้นก็มีหนังนอกกระแสอย่าง “พลอย” ของ "ประพัทธ์ จิวะรังสรรค์" ที่ฉายแบบจำกัดโรงฯ รวมถึง "พญาโศกพิโยคค่ำ" จาก บริษัท 185 ฟิล์มส์ จำกัด รวมอยู่ด้วย