“ตู่ ภพธร” เผยพยายามเก็บเกี่ยวเวลาช่วงที่ว่างให้กับครอบครัวเต็มที่ พอเริ่มซ้อมละครเวทีเวลาก็จะน้อยลง ลูกคนเล็กก็เริ่มเรียกร้องหาตนมากขึ้น แต่ภรรยาก็ให้กำลังใจอย่างดี และเป็นคนอนุมัติให้ทำงานได้เยอะๆ เอง ยอมรับสมัยก่อนภรรยาเคยมีหึงหวงบ้าง เหตุเคยมีสาวๆ เข้าหา กระแนะกระแหนใส่ภรรยา แต่ไม่เคยมีปัญหากันเพราะตนไม่เล่นด้วย ยันไม่เคยสร้างภาพให้เป็นผู้ชายอบอุ่น
แม้จะเป็นคุณพ่อลูกสองไปแล้ว แต่นักร้อง-นักแสดงหนุ่ม “ตู่ ภพธร สุนทรญาณกิจ” ก็ยังคงฮอตในหมู่สาวๆ อยู่เสมอ ล่าสุดเจ้าตัวมีทั้งงานละครเรื่อง ใต้เงาตะวัน และเตรียมมีละครเวทีด้วย งานนี้แม้จะยุ่งแค่ไหน ก็ไม่ลืมต้องหาเวลาให้ลูกเมีย
“ครอบครัวก็ดีครับ ช่วงนี้ก็พยายามกอบโกยเวลาที่ยังพอมีอยู่ เวลาก็จะน้อยลงเยอะมากครับ เรียกว่าเรานั่งดูตารางเลย ถึงบ้านเที่ยงคืนคือเร็วแล้วนะ อาบน้ำก็คือวิ่งผ่านน้ำเลย (หัวเราะ) พอเช้าถ้าอยากจะเจอลูกต้องไปส่งลูก 6 โมงเช้า ซึ่งช่วงหลังๆ อาจจะเริ่มไม่ไหว ไม่อย่างนั้นเราอาจจะลากยาว ไปซ้อมอีก เราจะพัง เพราะฉะนั้นลูกเลิกเรียน เราไปซ้อม 4 โมง เราก็จะไปซ้อมไม่ทัน บางวันอาจจะไม่ได้เจอลูกเลย เพราะฉะนั้นช่วงนี้ผมจะเล่นให้สุด และใช้เวลาให้เต็มที่มากๆ ครับ
ภรรยาเขาปลอบใจเรามากกว่าครับ เราไม่ต้องบอกเขาให้เตรียมใจ เขาบอกเราว่า ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป (หัวเราะ) ส่วนกับลูก เราก็เกริ่นเขาไว้ก่อน แต่เขาโอเคอยู่แล้วครับ ก็จะไม่ได้บอกอะไรมาก แต่เราจะเห็นจากรีแอคชั่นของเขาเวลาที่เรายุ่งๆ บางทีเขาเล่นกับเราเขาก็ดูน้อยใจ ผมว่าก็มีบ้าง แต่พ่อก็จะพยายามไม่หายไปเยอะครับ เวลาไปเล่นต่างจังหวัดก่อนหน้านี้ผมไปได้ยาวๆ แต่ตอนนี้พอมีลูกแล้ว คืนเดียวก็ถือว่าเยอะแล้ว 2 คืนเยอะสุดแล้ว ลูกสองคนด้วย”
บอกลูกคนเล็กเริ่มเรียกร้องหาตนมากขึ้น
“คนเล็กสนุกมากเลยครับตอนนี้ เขาก็เริ่มเรียกร้องหาพ่อบ้าง อย่างเมื่อเช้าแทนที่ผมจะได้รีบเตรียมตัวออกจากบ้าน ลูกจะต้องเปลี่ยนผ้าอ้อม พี่เลี้ยงต้องเปลี่ยนให้ แต่เขาบอกว่าให้ป่ะป๊าเปลี่ยน ให้ป่ะป๊าใส่กางเกงให้อีก ให้ป่ะป๊าอุ้มลงข้างล่าง ซึ่งเร่งแค่ไหนผมก็จะไม่เป็นไร เราไปรีบเอาช่วงอื่น แต่ตอนนี้เขาขอเรา เราก็ต้องทำให้เขาให้ได้
แต่พอจะให้ป๊าอ่านหนังสือให้ฟัง อันนี้อาจจะไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) เพราะจะยาว ก็จะพยายามเบี่ยงเบนให้เขาไปทางอื่น นี่คือคนเล็กนะครับ เพราะคนโตเขาเริ่มเข้าโรงเรียนแล้ว เขาติดเพื่อน มีเพื่อนมากขึ้น ก็พอผมเริ่มซ้อมละครเวที ผมก็จะขอภรรยาว่าให้พาลูกๆ ไปดูที่โรงละครบ้าง เพราะอย่างน้อยเขาจะได้เห็นว่าพ่อทำงาน พ่ออยู่ตรงนี้ และให้เขาชินกับบรรยากาศตรงนั้น”
บอกไม่มีปัญหาเรื่องเวลาที่ให้ภรรยา เพราะฝ่ายหญิงเป็นคนหางานให้เอง
“ผมว่าเราแค่ต้องพยายามหาโมเมนต์มาเติม เราเข้าใจว่างานของเรามันทำให้ยุ่ง เวลากับลูกก็มีค่า การที่เขาได้เห็นเราอยู่กับลูกบางทีก็มันก็มีความสุขแล้ว การที่เราเห็นเขาแฮปปี้กับลูก เราก็มีความสุขครับ แต่เราก็อาจจะหาเวลาช่วงว่างของวัน เราไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งเขาเป็นคนยัดงานให้ผมเอง (หัวเราะ) ถามว่าเขาเข้าใจคำว่าสามีแห่งชาติไหม เขาเข้าใจว่าถ้าผมไปร้องเพลงแล้วมีคนกรี๊ดอยู่ ก็แปลว่ายังมีคนจ้างอยู่ถูกไหมครับ เขาเข้าใจตรงนั้นเป็นอย่างดี
แต่ในแง่ของความเป็นสามีภรรยาถามว่าหวงไหม ผมว่าไม่นะ เขามีแต่จะบอกว่าพี่ตู่ต้องไปทำนั่นนี่นะ ต้องดูแลตัวเองนะ เขาจะพยายามช่วยเรา เพราะเขาเข้าใจในแง่ของงานเรา ว่าเราต้องดูแลตัวเอง มันเป็นสิ่งที่ทำให้งานของเรายังคงมีอยู่ ถ้าคนไม่กรี๊ดสามีเขาเมื่อไหร่ แปลว่าสามีจะไม่มีงานไปร้องเพลงแล้วนะ ใครเขาจะจ้างไปร้องเพลงถ้าไม่มีคนกรี๊ด เรื่องความหล่อเขาก็จะเป็นคนดูแลให้เลย จริงๆ ผมว่านอนสำคัญที่สุด ซึ่งช่วงนี้ผมนอนน้อย ก็จะรู้สึกว่าตาผมจะลืมยากนิดนึง โทรมนิดนึง ก็จะต้องพยายามพักผ่อนให้เยอะๆ ออกกำลังกาย คลินิกดีๆ ก็มีส่วนครับ (หัวเราะ)”
ยอมรับภรรยาเคยมีหึงหวงในช่วงแรกๆ เพราะมีสาวๆ เข้ามายั่วยุ
“มีครับ นานแล้วครับ (หัวเราะ) สมัยก่อนเวลาที่เขาไปดูคอนเสิร์ตกับเราที่เราเล่น ตอนท้ายก็จะมีคนมาขอถ่ายรูป ถ่ายเสร็จ ก็จะมีผู้หญิงบางคนที่มาถ่ายด้วยแล้วไม่ใช่แค่ใกล้ชิดอย่างเดียว แต่ใกล้ชิดแล้วกระแนะกระแหนเขา เขาก็จะรู้สึกว่าทำทำไม เพื่ออะไร ซึ่งผมเองก็จะรู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน คือก็ถ่ายไปสิ อย่าสร้างดรามาให้เราเลย (หัวเราะ) ซึ่งนุชเขาก็ไม่ได้อะไร เพราะเราไม่ได้ทำอะไร เราก็จะรู้ได้ว่าทำอย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ
แต่เขาแค่โกรธในโมเมนต์นั้นแค่นั้นเอง วันรุ่งขึ้นก็ไม่ได้อะไร ผมเองก็ทำตัวเองให้นิ่งเฉยที่สุดในโมเมนต์ที่เกิดเหตุการณ์นั้น (หัวเราะ) ยิ้ม แล้วก็รีบทำให้เหตุการณ์ผ่านไปให้เร็วที่สุด ถ้าเขาจะโกรธ เราก็ต้องนิ่ง ก็ตามฟีลเขา ให้เขาได้ระบาย แต่ผมว่าหลังๆ มันเกิดขึ้นน้อยมากแล้วครับ และด้วยความที่มีลูกด้วย นุชก็ไม่มีโอกาสได้ไปตามทัวร์เราเท่าไหร่ เพราะต้องพาลูกนอน และการวางตัวของเราก็ต้องเป็นสุภาพบุรุษแหละ ไม่ใช่ว่าเราจะไปถึงเนื้อถึงตัวใครเขา เราก็วางตัวเราให้ดีแค่นั้นเอง เพื่อให้ทุกคนรู้สึกสบายใจด้วย ตัวเราเองก็สบายใจ
ถามว่าเคยเจอหนักกว่านั้นไหม จริงๆ ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ ส่วนมากก็มาซบ มากอด กรี๊ดแบบน่ารักๆ แหละครับ ผมไม่เคยเจอล้วง เจอจับอะไร ไม่มีใครอยากจะล้วงอะไรผมเลยครับ (หัวเราะ) มีแต่มาหยิกแก้ม ไม่เคยเจอล้วง คือเวลาเราร้องเพลงอยู่บนเวทีก็จะมีเล่นบ้าง แต่พอลงมาเราก็จะต้องวางตัวให้มันโอเค ผมว่าเขาเกรงใจมั้ง”
บอกไม่ได้สร้างภาพว่าเป็นผู้ชายอบอุ่น แค่ใช้ชีวิตปกติให้ลูกเห็น
“คือเราก็มีคาแรกเตอร์ของเรา ไม่ได้เป็นคนสุภาพเรียบร้อยได้ตลอดเวลา กับเพื่อนเราก็อีกแบบนึง แต่เราคิดว่าพยายามวางตัว คือทุกอย่างที่เราเป็น เราก็อยากให้มันไม่ยากในการใช้ชีวิตด้วย เราไม่ได้ต้องการมาสร้างภาพข้างนอกให้คนเห็น แล้วพอที่บ้านไม่เหมือนกัน แต่มันคือตัวตนในมุมที่ทุกคนเห็นครับ และอะไรที่เราทำออกไป เราอยากให้ลูกเรามองเรายังไงในอนาคตขึ้นมา ผมว่ามันเป็นส่วนสำคัญ
ผมว่าไม่กดดัน เพราะเราก็เป็นของเราแบบนี้ ผมไม่ได้บอกว่าผมเพอร์เฟกต์ แต่ในมุมที่เขามองอาจจะเห็นเวลาที่เราอยู่กับภรรยาหรืออยู่กับลูก ตัวผมเองมีมุมอย่างนั้นเยอะ เพราะว่าผมโตขึ้นมากับครอบครัวที่แสดงความรักแบบนั้น กอดกันทุกวัน หอมกัน คุณแม่บอกรักลูกทุกวัน บอกรักพี่สาวทุกวัน มันก็เลยอยู่ในตัวผมมาตลอด ด้วยความที่ตัวผมเองก็มีแค่งานและครอบครัว ฉะนั้นมันไม่ยากที่จะมีเวลาตรงนี้”
เผยไม่ค่อยออกตัวดุลูกเอง แต่จะให้ภรรยาเป็นฝ่ายจัดการแทน
“พยายามดุให้น้อยลงเรื่อยๆ ครับ คือพยายามเลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่ที่เลี้ยงเขาด้วยเหตุผล พูดให้เขาเข้าใจ เพราะฉะนั้นการเลี้ยงแบบนี้ผมมองว่าเราจะต้องมีความอดทนสูงมาก เวลาที่เขาทำอะไรที่ไม่ดี เราพยายามเก็บเอาไว้ เพื่อมาสอนเขาทีหลัง คือจะไม่ดุเลยทันที แต่ถ้ามันไม่ดีจนถึงขั้นไม่ไหว เราต้องห้ามเขา แต่เราจะไม่ทำโทษทันที รอให้เขาเย็นลงในบางเรื่องเราค่อยมาพูดคุยกับเขาทีหลัง
แต่ก่อนหน้านี้ก็ตามอารมณ์เรา พอเขาทำอะไรไม่ดี เราก็จะดุทันที ก็รู้สึกว่าเขารับสิ่งที่เราพยายามจะบอกน้อยกว่าการที่เราจะรอให้เขาใจเย็นขึ้น แล้วค่อยมาคุยกับเขา หรือให้คุณแม่เขาเป็นคนคุย และเราก็สื่อสารกับแม่เขาว่าเมื่อกี้เป็นอย่างนี้ๆ ผมว่าด้วยน้ำเสียงเราด้วย เวลาเราจริงจัง เราก็รู้สึกว่าเขากลัวเราดุ บางทีผมก็จะส่งสารที่ผมต้องการให้คุณแม่เขาเป็นคนที่อาจจะมีน้ำเสียงที่ลูกฟัง (หัวเราะ) แล้วไม่รู้สึกกดดันมาก”
เผยรับบทบาทในละครมาหลากหลาย ไม่ติดว่าต้องเป็นผู้ชายอบอุ่น
“งานละครผมก็เคยเล่นหลากหลายรูปแบบนะ ตัวร้ายผมก็เคยเล่น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนอบอุ่น เป็นคนตาบอดผมก็เคยเล่น หรือ LGBT ผมก็เคยเล่น เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่ผมก็ท้าทาย คือในเรื่องมันก็เทากันหมด มันชีวิตจริงที่ทุกคนก็มีสองด้าน ไม่มีใครดีไปทั้งหมด ทุกคนมีปม
แต่ถ้าคนติดภาพเราเป็นผู้ชายอบอุ่น คือตัวละครนี้มันก็ยังคงเป็นแบบนี้นะ มันก็ยังดูอบอุ่นคือตัวผมเองก็เล่นได้ทุกบท ถามว่าจะตัดภาพผู้ชายอบอุ่นยังไงผมว่ามันก็คงอยู่ที่ตัวแสดงมากกว่าครับ”
