เชื่อว่าแทบจะทุกคนล้วนเคยมีผู้ที่ตัวเองแอบหลงรักอย่างหัวปักหัวปำสมัยยังอยู่ในวัยเรียนมัธยม
ทั้งผู้ชาย ทั้งผู้หญิง ต้องเคยมี ‘ประสบการณ์ร่วม’ ในเรื่องราวนี้แน่นอน
เพราะแม้แต่คนขี้ริ้วขี้เหล่อย่างผู้เขียนยังมิวายบังเกิดขึ้น
ที่บรรทัดต้นๆ เขียนว่า ‘แอบหลงรัก’ เพราะผู้เขียนประจักษ์กับตัวเองเช่นนั้น แต่หลายคนโดยส่วนใหญ่มักจะต่างคนต่างรัก บางคู่กลายเป็นสามี - ภรรยา อยู่กินด้วยกัน แต่บางคู่ก็มีเหตุให้พลัดพราก เลิกร้างห่างลากันในท้ายที่สุด
หลายวันก่อนรู้สึกเครียด อยากหาอะไรให้ใจร่มๆ เลยหาเพลงฟังจากโน๊ตบุ๊ค เจอเพลง ‘นางไอ่ของอ้าย’ ที่จำได้ว่าเคยได้ยินจากหลายที่หลายแห่งตอนไปตระเวนเที่ยวอีสานก่อนจะบานปลายไปไกลถึงสปป. ลาว กัมพูชา เวียดนาม
เจอปุ๊บก็กดคลิก
นอกจากเสียงเพลงยังมีมิวสิกวิดีโอประกอบให้ดูด้วย
ฟังไป ดูไป เอ้า! น้ำตาไหลซะงั้น!?!
จำได้ว่าตอนไปอาศัยนอนในกระท่อมปลายนาของเพื่อนรุ่นน้องที่อำเภอหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น เขาเอ่ยถึงเพลง ‘นางไอ่ของอ้าย’ ที่ร้องโดย มนต์แคน แก่นคูน ว่าเพลงนี้มีที่มาที่ไปก็คือ มีรุ่นพี่เขาคนหนึ่งซึ่งเพื่อนรุ่นน้องของผู้เขียนได้เอ่ยถึงเพลง ‘นางไอ่ของอ้าย’ ด้วยความชื่นชอบ แล้วเอาไปเอามาคนผู้นั้นบอกว่าเพลงนี้มีต้นตอมาจากเขาเอง
ฟังมาว่าตอนเขาเรียนมัธยมปลายเขาได้เป็น ‘ผาแดง’ ของโรงเรียน และแน่นอนว่าต้องมี ‘นางไอ่’ อันเป็นตำนานรักที่เล่าขานมาตั้งแต่บรรพกาลด้วย
เป็นยุคนี้น่าจะประมาณ ‘คู่จิ้น’
หลังจาก ‘ผาแดงกับนางไอ่’ ประจำโรงเรียนแยกย้ายกันไปตามวิถี วันหนึงอดีตผาแดงกลับไปบ้านเกิดซึ่งมีงานใหญ่ประจำปี จู่ๆ มีมือมากอดเขาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองต้องตกใจมากเมื่อเห็นว่าคนที่มากอดเขาเป็นหญิงขี้เมาที่ใกล้หมดสภาพ
เหนือยิ่งสิ่งใดเขายังคงจำได้ว่าเธอคือ ‘นางไอ่’ อดีตคู่จิ้นวัยมัธยมนั่นเอง
เขานำมาเขียนเป็นเรื่องสั้นก่อนจะผันมาเป็นเนื้อเพลงจากปลายปากกาของ ภาณุวัฒน์ วิเศษวงษา ซึ่งทำออกมาอย่างเปี่ยมพลังเหลือเกิน
ฟังไป ดูเรื่องราวในมิวสิควิดีโอไป ไพล่คิดถึงใครบางคนที่แม้จะไม่ได้พบพานกันอีกเลย
แล้วคุณละ....?