xs
xsm
sm
md
lg

“ก้อย อรัชพร” ให้เอามีดมากรีด! ตอบเรื่องเลิก “นิกกี้” อีกครั้ง ลั่นไม่สนิท “นุ่น สุทธิภา” กลัวบาปจิ้น “บี้ เดอะสตาร์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ก้อย อรัชพร” ให้เอามีดมากรีด ฟัง “อรัชพร” ตอนนั้นกับตอนนี้ ต่างกันไหม? ลั่นไม่สนิท “นุ่น สุทธิภา” ไม่อยากให้ทัวร์ลง “นิกกี้” เลิกไม่ได้มีมือที่สาม รักรอดไม่รอดอยู่ที่คนสองคน บอกแค่เหนื่อยจนไม่อยากพยายามแล้ว กลัวบาปมากถูกจับจิ้น “บี้ เดอะสตาร์” ขอให้ปล่อยเขาไป

ออกงานครั้งแรกหลังเลิกรากับ “นิกกี้ ณฉัตร จันทพันธ์” สำหรับ “ก้อย อรัชพร โภคินภากร” โดยเจ้าตัวออกงานประกาศรางวัลคมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 19 เคียงข้างเพื่อนซี้ นัตตี้ นันทนัท ฐกัดกุล และ ดรีม อภิชญา พานิชตระกูล ยืนกรานว่ารักนิกกี้จบกันด้วยดี ไม่มีมือที่สามมาเกี่ยวข้องจริงๆ 
 
ก้อย : “ก็โอเคนะคะ อย่างที่บอกคือจบกันดี ได้คุยกันดี แล้วก็รู้สึกว่าคุยกันมามากพอแล้ว ตอนนี้ก็รู้สึกว่าทำงานเยอะมาก ทำทุกวันให้ดี สบายใจขึ้น ก็โอเค”

นัตตี้ : “ถามว่ากี่เปอร์เซ็นต์ ความรู้สึกมันละเอียดอ่อนมาก ให้บอกเป็นตัวเลขมันก็จะอธิบายยาก”

ก้อย : “ถ้าโดยรวมก้อยรู้สึกว่าโอเคเกิน 50 เปอร์เซ็นต์”

ประกาศเร็ว จนไม่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง
ก้อย : “มันไม่นานขนาดนั้น เหมือนค่อนข้างตีๆ กันนิดนึง แต่ว่าข้อดีคือแม้มันจะไม่ได้นาน แต่วันที่เราตกลงตัดสินใจร่วมกัน ก้อยว่าวันนั้นมันเป็นวันที่ชัดเจน ก็เลยโอเค ก่อนที่จะมาพูดมันชัดเจนก่อนหน้านั้นแล้ว แค่ว่าระยะเวลามันสั้นแค่นั้นเอง มันเหมือนว่าเราได้คุยกัน ตกลงแล้วนะว่าเราจะแยกกันนะ เพราะมันแค่แป๊บเดียวแค่นั้นเองเราก็ต้องออกมาบอกผู้คนแล้ว เหมือนว่าไม่ได้มีเวลาอยู่กับตัวเองหรือว่าให้อารมณ์มันสงบ ก็ต้องออกมาแล้ว มันเลยดูเหมือนอารมณ์เยอะ”

ยันเลิกกันเป็นเรื่องคนสองคน รักจะรอดหรือไม่รอด ก็เป็นที่คนสองคน
ก้อย : “(เรื่องนุ่น สุทธิภา?) เอาอย่างนี้ดีกว่า ในการเลิกกันไม่มีเรื่องของมือที่สามเลย อันนี้ก้อยยืนยัน แต่ในความที่เราต้องปรับจูนกัน เอางี้ หนูขอบอกว่าไม่เกี่ยวกับมือที่สาม การเลิกกันเป็นแค่เราสองคนจริงๆ เป็นนิสัยและทัศนคติที่มันเหนื่อยที่จะปรับกันแล้ว เพราะฉะนั้นหนูไม่อยากต้องโทษใคร หนูไม่อยากรู้สึกผิดกับใคร คนสองคนจะไปรอด ไม่รอด มันคือสองคนค่ะ”

แจงกรณีเพื่อนรำคาญผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ก้อยไม่ให้เอ่ยชื่อ
ก้อย : “หลักๆ มันคือว่า เพื่อนรู้สึกว่าไม่อยากให้ใครพูดแทนเรา ก่อนที่เราจะออกมาพูด นั่นคือพ้อยต์เดียวเลยนะ ที่เพื่อนโดยส่วนใหญ่ออกมาแสดงความคิดเห็นกัน จริงๆ เพื่อนก็อยู่ตรงนี้ ให้เพื่อนพูดก็ได้”

นัตตี้ : “จริงๆ ทั้งตี้และดรีมเราชัดเจนนะคะ ข้อความที่เราโพสต์ ข้อความที่เราเลือกใช้ ตี้และดรีมชัดเจนมาก ว่าที่พูดต้องการอะไร เพราะฉะนั้น อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของก้อยกับพี่นิกกี้เลย มันแค่ว่าสาเหตุที่เขาเลิกกันคืออะไร อยากให้ฟังจากปากก้อย และไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจไปก่อน พูดไปก่อน อยากให้เป็นสารที่เกิดจากก้อยและพี่นิกกี้จริงๆ”

ไม่ได้สนิทกับ “นุ่น สุทธิภา” เนื้องานเกินเลย อยู่ที่รสนิยม
ก้อย : “เขาเป็นเพื่อนร่วมงานของพี่นิกกี้ แต่ตัวก้อยเองไม่เคยทำงานหรือว่าสนิทสนมกับเขาเป็นพิเศษค่ะ (คลิปต่างๆ ที่ออกมา เรารู้สึกว่ามันเป็นการทำงานที่เกินเลย เกินไปหรือเปล่า?) ก้อยรู้สึกว่า ในเนื้องานของแต่ละคน มันมีรสนิยม ขอบเขตวิจารณญาณ ในการมองงานงานหนึ่ง แตกต่างกัน ก้อยไม่อยากมานั่งแสดงความคิดเห็น ว่างานนี้ดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ ก้อยรู้สึกว่าใครสะดวกที่จะดูแบบนั้น มันเป็นสิทธิ์ของเขา หรือใครที่รู้สึกว่าไม่ใช่ทางของเขา ก็ไม่ดูเท่านั้นเอง ถามว่าเราเคยคุยกับพี่นิกกี้ไม่ให้เกินขอบเขตไหม จริงๆ ทั้งก้อยและพี่นิกกี้ค่อนข้างเคารพในการทำงานกันมากๆ โดยส่วนใหญ่เราให้เกียรติเขา ในการตัดสินใจว่านี่คือพื้นที่ของเขา ช่องของเขา เราก็เช่นกันนี่คือพื้นที่ของเราช่องเรา เฉพาะฉะนั้นเราแทบไม่เคยก้าวก่ายงานกัน”

ขอคิดก่อน เห็นแล้วรู้สึกอะไรไหม
ก้อย : “เอ่อ… ขอคิดก่อนนะๆ (หัวเราะ)”

นัตตี้ : “ตี้ว่าแต่ละคนมีความรู้สึกต่างกัน (หัวเราะ)”

ก้อย : “เอางี้ๆ คือก้อยไม่อยากเทกคอมเมนต์พยายามจะบอกว่าเรารู้สึกไม่ดีหรือเรารู้สึกดีกับสิ่งนี้ ก้อยแค่รู้สึกว่ามันแตกต่างจากสิ่งที่เราเคารพแค่นั้นเอง แล้วในวันที่เราคบกันนะสมมุติมีอะไรที่ตัวเราไม่ได้รู้สึกดีแล้วเราดันเห็นเราสื่อสารสิ่งนั้นออกไปแล้ว แล้วเขาพยายามอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อที่จะให้ความสัมพันธ์ไปรอด เพราะฉะนั้นก็ถือว่าถ้ามีอะไรไม่พอใจก็ถือว่าคุยกัน”

สื่อสารกันน้อยเกินไป กลายเป็นความเหนื่อย ไม่อยากพยายามแล้ว
ก้อย : “หลักๆ เลย ปัญหาของคู่ก้อยคือเราสื่อสารกันน้อย เรารู้สึกว่าเราคาดหวังให้อีกฝ่ายเขาเข้าใจ และคาดหวังให้อีกฝ่ายนั้นรู้ว่าเราคิดอะไร ทั้งคู่เลยนะ มันเลยทำให้เกิดการสื่อสารกันน้อย พอสื่อสารน้อยไปเรื่อยๆ ทำให้มาถึงวันหนึ่งที่เราเหนื่อยจากเรื่องอื่นๆ เรื่องงานทั้งคู่ มันเลยรู้สึกว่าโห …ไม่อยากจะพยายามแล้ว แทนที่เราจะสื่อสารกันมาแต่ต้นแล้วว่า เฮ้ย…ตรงนี้เธอปรับสิ เหมือนเราละเลยมัน เราก็แค่ไม่เป็นไรหรอก คุณเป็นแบบนี้ แล้วมันก็สะสมไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งมันเหนื่อย เราแค่คุยกันว่าตอนนี้มันเหนื่อยนะ เราแยกกันไปก่อนดีกว่า ถ้าเราอยู่ด้วยกันไปมันอาจจะเหนื่อย แล้วนำพาไปสู่สิ่งที่ไม่ดีกว่านี้เพราะในวันที่หนูอยู่กับเขา เขาดีกับหนูมาก”

ยันปรับด้วยกันทั้งคู่ แต่ไม่เจอตรงกลางสักที
ก้อย : “ไม่ๆ ปรับทั้งคู่ ปรับทั้งคู่แน่นอน แค่ว่าทางของเรามันมีตัวตนชัดเจน ทั้งตัวเขาก็แข็งแรงของเขามาก ตัวหนูก็แข็งแรงมากเหมือนกัน ถึงพยายามปรับแล้วมันก็ไม่เจอกันตรงกลางสักที มันยังเจอจุดที่เหนื่อยจังเลย เลยรู้สึกว่างั้นแยกกันก่อนดีกว่า”

เป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ทุกคน
ก้อย : “ในชีวิตหนู หนูเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ทุกคนอยู่แล้ว หนูรู้สึกว่าในวันที่ดี หนึ่งคือเราเลิกกันดี เราคุยกันดี แล้วในความทรงจำ 3 ปีที่เขามีให้ ไม่ว่ากับหนู เพื่อนหนู แล้วก็ที่หนูมีต่อครอบครัวเขา ที่เขามีต่อครอบครัวหนู หนูรู้สึกว่าหนูอยากให้มันจบแบบนั้น ไม่ได้รู้สึกว่าฉันไม่ชอบเธอเพราะแบบนี้ หรือเกลียดเขา เพราะหนูไม่อยากใช้ชีวิตแบบนั้น หนูเลยรู้สึกว่านี่เป็นเส้นทางที่เราเลือกแล้ว ว่าเราเป็นเพื่อนกันได้”

คุยแค่เรื่องหมา
ก้อย : “ส่วนใหญ่ถ้าหนูคุยกับเขา คุยเรื่องเดียวคือเรื่องไนล่า (น้องหมา) หนูรู้สึกว่าตอนนี้ทั้งคู่ให้สเปซกันและกันสูงมากค่ะ แทบจะไม่ได้คุยกันมากเลย แต่วันเกิดเขาเราก็รู้สึกว่ามันเป็นวันที่ดี เป็นวันที่เราอยากอวยพรให้เขามีสิ่งดีๆ เราก็แค่แสดงความยินดีกับวันเกิดเขาไป”

เพลงอรัชพรมีคุณค่า แม้ไม่ได้ไปถึงวันนั้น
ก้อย : “จริงๆ เพลงนี้มันเป็นโปรเจกต์ที่จะทำเป็นปีแล้วค่ะ ตั้งแต่ก่อนจะเลิกกัน เพราะฉะนั้นมันเป็นเพลงที่เราเคยฟังอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่ามันน่ารัก พี่ปอนด์ P-HOT เขาก็แต่งคู่กับพี่นิกกี้มาตลอดอยู่แล้ว เราก็รู้สึกว่ามันน่ารักดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้… ด้วยความที่มันเป็นชื่อเราเนอะ มันอาจจะไม่ได้ไปจนถึงวันนั้น แต่หนูรู้สึกว่ามันเป็นเพลงที่มีคุณค่าและเขาก็ตั้งใจทำ เนื้อเพลงเขาก็บอกนะคะ ว่าเพลงมันเป็นแบบนี้นะ

ถามว่าฟังตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันไหม เราไปเอามีดมาไหม แล้วเราจิ้มแล้วกรีดไหม (หัวเราะ) ถามว่าต่างกันไหม มันก็เป็นเพลงที่เพราะเหมือนเดิม อาจจะเพราะในตอนนั้นกับตอนนี้มันต่างกันนิดหน่อย แต่ว่าก็เพราะค่ะ” 
 
ไม่รู้ว่าง้อไหม เพราะให้ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตตัวเอง
ก้อย : “ง้อเหรอ หนูไม่รู้ว่าเขาบอกคนอื่นยังไง ต้องไปถามเขา แต่โดยส่วนตัวตอนนี้เขาก็ให้เราทั้งคู่ใช้ชีวิตของตัวเอง ค่อนข้างใช้ชีวิตของตัวเองเลยค่ะ ถามว่าเขาพยายามง้อไหม หนูรู้สึกว่าเขาเคารพในการตัดสินใจของหนู หนูรู้สึกแบบนั้นนะ แต่ว่าเขาคิดยังไงไม่รู้ต้องไปถามเขา ส่วนที่คนเชียร์ หนูก็ไม่รู้จริงๆ ไม่รู้อนาคตไง” 
 
เชื่อต่างฝ่ายต่างเลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเอง
ก้อย : “ถามว่าคนเชียร์ทำให้เรากดดันไหม หนูเข้าใจเขานะ เขาเห็นเราตั้งแต่วันที่ยังไม่ได้คบกัน จนวันที่คบกัน จนถึงวันที่มันแยกทางกันไป สุดท้ายหนูเชื่อว่า ทั้งหนูและเขาเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองอยู่แล้วค่ะ”

ห่วงทัวร์ลงหนัก ยันเขาเป็นคนที่หนูรัก
ก้อย : “นั่นเป็นสิ่งที่หนูบอกในคลิปเลย หนูรู้สึกสุดท้ายการเลิกกันเพราะคนสองคนไปด้วยกันไม่ได้ ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นอะไรแค่ไปกันไม่ได้ ไม่ต้องหาว่าใครผิดใครถูก และเขาก็เป็นคนที่หนูรัก เป็นรุ่นพี่ด้วย (ต่อไปก้อยก็ไม่ใช่คนขับแล้ว ต้องไปนั่งข้างหลัง?) หนูนั่งยาวเลย แขกเขาจะเบื่อหรือเปล่า”

เพื่อนๆ เคารพการตัดสินใจของก้อย
ดรีม : “ก้อยรู้อยู่แล้วว่าพวกเราอยู่ข้างๆ ซัปพอร์ต และยอมรับการตัดสินใจของเขาทุกอย่าง รู้ว่าเขาคิดมาดีแล้ว เราเคารพการตัดสินใจของก้อย”

เกรงใจ ถูกจับจิ้น “บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว” กลัวบาป
ก้อย : “อันนี้หนูเกรงใจเขามาก และหนูจะมีบาปไหม (หัวเราะ) พี่เขาเข้าวัด คือในวันที่เราสัมภาษณ์พี่บี้ รู้สึกว่าพี่เขาน่ารักมาก มีเส้นทางที่ชัดเจนในแบบของเขา หนูก็เกรงใจ คนเชียร์เยอะก็ขอบคุณค่ะ หนูว่าปล่อยพี่บี้ไปดีกว่า เพราะพี่บี้น่ารัก แต่ไม่ได้คุยกับพี่บี้เรื่องนี้นะคะ มันเป็นเรื่องที่น่ารักดี แต่ว่าไม่ได้คุย ถามว่าเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหม เป็นเรื่องที่ไม่รู้อนาคต ถ้าเจอพี่บี้ก็ไหว้สวยๆ และขอโทษที่มีเรื่องไปรบกวนค่ะ”











กำลังโหลดความคิดเห็น