“เป้ย ปานวาด” เผยไม่เคยห้าม “น้องปาลิน” เรื่องกิน แต่ให้เพิ่มของที่มีประโยชน์เข้าไปด้วย เพราะตอนเด็กๆ ตนก็เคยอ้วนกว่านี้ ชี้เทคโนโลยียุคใหม่ช่วยได้ เผยไม่กล้าแนะนำเทคนิคการใช้ชีวิตคู่กับใคร แต่สำหรับตนใช้วิธีชั่งระหว่างข้อดี-ข้อเสีย และคิดถึงอนาคตของลูก
ทำเอาหลายๆ คนทั้งสงสารและเอ็นดูหลังจากคุณแม่ลูกสอง “เป้ย ปานวาด เหมมณี” ลงคลิปลูกสาวอย่าง “น้องปาลิน” ขณะกำลังร้องไห้ บอกว่าไปชั่งน้ำหนักแล้วพบว่าน้ำหนักเพิ่ม คลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัลให้คนเอ็นดู ซึ่งสาวเป้ยได้มาเผยถึงเรื่องนี้ในงานแถลงข่าว The Jintana Experience – Our passion for your solution ชุดชั้นใน จินตนา เปิดแผนรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ครบรอบ 65 ปี ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ลาน Central Court ชั้น1 บอกว่าได้แต่ปลอบใจลูก แต่ก็ไม่เคยห้ามเรื่องกิน ใช้วิธีเพิ่มของที่มีประโยชน์ให้
“เอาจริงๆ คลิปที่ปาลินร้องไห้ หลังจากที่ถ่ายเสร็จเขาก็เดินไปกินต่อนะ พูดไปก็งงนิดนึง เมื่อกี้เครียดเหรอ (หัวเราะ) ก็พยายามดูแลเรื่องอาหารของเขามากขึ้น แต่เป้ยไม่ได้จำกัดนะ อะไรที่เป็นความสุขของลูก เป้ยให้ลูกทานได้ แต่ต้องเน้นผัก เน้นผลไม้หน่อยไหม ก็จะเสนอเขาไป แต่เขาเป็นเด็กสายแป้ง จะชอบกินแป้ง เขาไม่ได้อ้วนเกินเกณฑ์นะ แต่เขาสูงมาก เรียกว่าสูงกว่าในวัยเดียวกันเป้ยว่า 2 ปีเลย เขาค่อนข้างจะสูงมากๆ แต่ไม่เป็นไรเราเรียลไซส์บิวตี้ ตัวใหญ่ได้ ไม่เป็นไรลูก
เป้ยก็จะอธิบาย เป้ยก็เอารูปเป้ยสมัยเด็กๆ ให้ดู ตอนนั้นเป้ยก็อ้วนมากเลยนะ อ้วนกว่าปาลินเยอะเลย แต่ว่าตอนนี้เทคโนโลยีต่างๆ มันช่วยเราได้ ดังนั้นไม่ต้องกลัว เป้ยก็ซัปพอร์ตความรู้สึกของลูก แต่ก็ต้องให้เขาเข้าใจว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ ถ้าเกิดวันนึงมีเพื่อนมาบูลลี่หรือมีเพื่อนมาแซว ก็จะบอกตามหลักความเป็นจริงว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ นะ แต่ไม่ต้องกังวล จงภูมิใจและมั่นใจในตัวเรา เราเป็นเด็กที่มีสุขภาพจิตดี เป็นเด็กสุขภาพแข็งแรงแค่นี้พอแล้ว”
บอกไม่กล้าให้เคล็ดลับรักษาความรักกับใคร แต่ของตัวเองจะชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสียเป็นหลัก
“อย่าขอเคล็ดลับจากเป้ยเลย (หัวเราะ) คือเป้ยเคารพความคิดเห็นของแต่ละครอบครัว ของแต่ละคู่นะ พอเราเห็นข่าวของแต่ละคู่ เราก็ได้แต่ส่งกำลังใจ เรียกว่าเราก็เคยผ่านจุดนั้นไปแล้ว แต่ความคิดเห็นของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ก็ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นของเป้ยพยายามจะชั่งน้ำหนักว่าข้อดีข้อเสียยังไง แล้วลูกเรายังไง ถ้าเกิดเราใช้อารมณ์ของเราในการตัดสิน แล้วลูกล่ะ
คือมันจะจบที่เรา แต่ปัญหาของลูกมันไม่จบในระยะยาว โอเคเราสบายตัว เราอาจจะมีชีวิตใหม่ในอนาคต คุณป๊อป (สามี) ก็อาจจะมีชีวิตใหม่ในอนาคต แต่ลูกเราเขาไม่ได้มีอะไรใหม่ๆ อันนี้คือความคิดของเป้ยเท่านั้นนะคะ แต่สุดท้ายถ้ามันเหลือบ่ากว่าแรง มันก็จะเป็นอีกสเต็ปนึง แต่ทุกวันนี้ของเป้ยเรายังแก้ปัญหากันได้ และข้อดีมันมีมากกว่าข้อเสีย”
บอกนอกจากจะมองถึงลูก ก็ต้องมองตัวเองด้วยว่ามีความสุขไหม
“เราก็มองจากตัวเป้ยเองด้วย เป้ยก็ต้องสบายใจและต้องมีความสุขนะ ไม่ใช่หวานอมขมกลืน แล้วลูกเห็นเป้ยนั่งร้องไห้ ไม่ได้ ลูกจะเห็นในเวอร์ชั่นที่เราทุกข์ไม่ได้ ตัวลูกสำคัญ แต่จิตใจเราก็ต้องสำคัญ ว่าเราโอเคกับมันจริงๆ หรือเปล่า เอาเป็นว่าเป้ยจะไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน เป้ยจะไม่เอาอารมณ์เป้ยเป็นใหญ่ ก็จะถอยตัวเองออกมาก่อนให้ใจเย็น และคิดเป็นสเต็ปๆ ไปว่าจะต้องแก้ปัญหายังไง
แต่เอาจริงๆ ไม่มีใจเย็นหรอกวันแรกน่ะ พูดเลย ไม่มี น้ำตาพรั่งพรู กินอะไรไม่ได้ เจ็บปวดหัวใจ มีคำถามหมื่นคำถามเข้ามามากมาย มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ให้หยุดตรงนั้น เสียใจให้ถึงที่สุด แล้วก็ค่อยๆ ใจเย็นๆ และค่อยๆ คิด ตั้งสติใหม่ อันนี้เฉพาะครอบครัวเป้ยนะ ไม่ได้แนะนำใครนะคะ เป้ยไม่สามารถแนะนำใครได้จริงๆ ขออนุญาต (หัวเราะ) เรารู้แหละเวลาแก้ปัญหาอะไรต่างๆ เขาก็จะมีความคิดแนวทางเป็นของเขาเอง
ทุกความคิดเห็น ทุกการตัดสินใจเป็นสิ่งที่ถูกต้องหมด ไม่มีอะไรผิด แต่ในทางของเราเป็นแบบนี้ดีกว่า แต่ก็ไม่ได้บอกว่าอนาคตจะยังไงนะ (หัวเราะ) แต่ ณ ตอนนี้มันเป็นแบบนี้ เรามีความรู้สึกว่ามันใช่แบบนี้ ไม่มีใครเพอร์เฟกต์ 100% หรอก ถ้าเราคิดตรงนี้ได้ว่าเขามีข้อดี ข้อเสียอะไร เรามีข้อดี ข้อเสียอะไร มันต้องปรับหากัน แล้วมันก็จะดีเอง สุดท้ายถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีๆ ในรูปแบบเป้ยนะคะ”