xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชาย “เสี่ยแหบ วิทยา” ฟ้องรพ.ดัง เรียกค่าเสียหายกว่า 191 ล้าน เชื่อประมาทเลินเล่อร้ายแรง เตรียมปล่อยคลิปเด็ด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ลูกชาย “เสี่ยแหบ วิทยา ศุภพรโอภาส” ฟ้องรพ.ดัง และแพทย์รักษา เรียกค่าเสียหายกว่า 191 ล้าน เชื่อประมาท เลินเล่อร้ายแรงในการรักษา ทำให้พ่อเสียชีวิต ลั่นชีวิตคนน่าจะดูแลให้ดีกว่านี้ ย้ำที่ผ่านมารพ.ติดต่อครั้งแรกและครั้งเดียว เตรียมปล่อยคลิปเด็ด

กรณีการเสียชีวิตของ “วิทยา ศุภพรโอภาส” หรือ เสี่ยแหบ นักจัดรายการชื่อดังระดับตำนาน เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2565 หลังเข้ารับการผ่าตัดชิ้นเนื้อมะเร็งปอดทั้งสองข้าง ที่โรงพยาบาล BNH เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2565 นั้น “เป้ ศุภวิทย์ ศุภพรโอภาส” ลูกชายของเสี่ยแหบ และญาติ ๆ ต่างติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เหตุเสี่ยแหบได้ตรวจรักษาที่โรงพยาบาล BNH เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนผ่าตัดเป็นอย่างดี และทีมแพทย์ประเมินแล้วว่าทำการผ่าตัดที่โรงพยาบาล BNH ได้ ซึ่งหลังการผ่าตัดเสี่ยแหบปลอดภัย สามารถทักทายกับญาติได้ โดยพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู

แต่ปรากฏว่า คืนวันเดียวกันนั้น เสี่ยแหบมีอาการวิกฤตจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แต่อาการไม่ดีขึ้น จนต้องขอยืมเครื่องพยุงปอดและหัวใจ (ECMO) มาจากโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งใช้ระยะเวลาขนย้ายเครื่องมาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงได้ใช้ในการช่วยเหลือชีวิต แต่ก็ต้องย้ายเสี่ยแหบไปที่ห้องไอซียู ของโรงพยาบาลจุฬาฯ ในที่สุด จน 48 ชั่วโมงต่อมา ทางทีมแพทย์ได้ยืนยันว่าเสี่ยแหบสมองตาย จากนั้น ในวันที่ 18 เมษายน 2565 เสี่ยแหบก็จากไป 
 
หลังเสี่ยแหบเสียชีวิต ทางโรงพยาบาล BNH ได้เรียกทางครอบครัวเข้าไปพูดคุยและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมด โดยแจ้งว่าทางโรงพยาบาล BNH ได้ทำตามขั้นตอนและมาตรฐานต่างๆ แล้ว ขณะที่ลูกชายและญาติต่างติดใจสาเหตุการเสียชีวิต จึงเรียกร้องความเป็นธรรม ถึงเหตุจากการเสียชีวิตของ ว่าเกิดจากความบกพร่อง หรือประมาทเลินเล่อของทางโรงพยาบาล BNH และผู้เกี่ยวข้องหรือไม่

วันนี้ เป้ ศุภวิทย์ ในฐานะตัวแทนครอบครัวศุภพรโอภาส และตัวแทน บริษัท เอ็กซ์เพรส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด จึงได้ยื่นฟ้อง โรงพยาบาล BNH (บริษัท บีเอ็นเอช เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด) และผู้เกี่ยวข้อง ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในข้อหาหรือฐานความผิด ละเมิด ตัวการ ตัวแทน และเรียกค่าเสียหาย 191 ล้านบาทเศษ โดยเป้ เดินทางมาที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ พร้อม “นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์” นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยและทีมทนาย พร้อมเปิดใจถึงการฟ้องร้องในวันนี้ว่า
 
เป้ : “วันนี้มาเรื่องการเสียชีวิตของคุณพ่อวิทยา ศุภพรโอภาส นะครับ คุณพ่อได้เข้าทำการผ่าตัดรักษามะเร็งปอด และเราเชื่อว่าน่าจะเกิดข้อผิดพลาด เราใช้เวลาใกล้ครบ 1 ปี เราได้นำปรึกษาทั้งในข้อเท็จจริงต่างๆ ทั้งกับทีมทนายและบุคลากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดูข้อเท็จจริง ดูรายงานต่างๆ ของทางโรงพยาบาล ทางคุณหมอทั้งหมด เราเชื่อว่าน่าจะมีข้อผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นทางทีมแพทย์ก็ดี ทางคุณหมอก็ดี ทางโรงพยาบาลและบุคลากรที่เกี่ยวข้องก็ดี น่าจะมีการผิดพลาดในขั้นตอนการรักษา ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทำให้ถึงแก่ความตาย

ถามว่าผิดพลาดอย่างไร มีหลายๆ ส่วน ทั้งเรื่องขั้นตอนที่เริ่มจากวิธีการผ่าตัดรักษาว่าสมควรไหม ขั้นตอนที่คุณพ่อผ่าตัดมาฟื้นแล้ว พูดคุยได้แล้วและเกิดเหตุวิกฤตขึ้น ขั้นตอนเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร มีบุคลากรในการช่วยชีวิตว่ามีความน่าสงสัยในข้อบกพร่อง ไม่อย่างนั้นคุณพ่อคงไม่เสียชีวิตไป และมีเรื่องขั้นตอนในการย้ายโรงพยาบาล อุปกรณ์ไม่มีต่างๆ นานา เป็นเหตุทำให้เราเชื่อว่ามีจุดบกพร่อง น่าจะมีจุดบกพร่องเหล่านี้อยู่ เราจึงต้องการนำเสนอข้อเท็จจริงที่เราค้นพบ เข้านำเสนอต่อศาล เพื่อให้ดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ ก็ต้องพึ่งกระบวนการของศาลว่าจะนำสืบอย่างไร”

ทนาย : “วันนี้บรรดาข้อเท็จจริงต่างๆ มันจะได้ข้อเท็จจริงที่นำเสนอสื่อได้เท่านั้น ลงรายละเอียดต่างๆ พูดไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างอยู่ในกระบวนการที่ทีมทนายความและโจทก์ได้พยายามหาข้อมูลในสิ่งต่างๆ ที่โรงพยาบาลก็ดี หรือสื่อการแพทย์ก็ดี อยู่ในสำนวนแล้ว และข้อสรุปว่าการเสียชีวิตของคุณวิทยาน่าจะเกิดจากความผิดพลาด บกพร่อง หรือจะร้ายแรงถึงประมาทเลินเล่อด้วยหรือเปล่า ก็เป็นเรื่องที่โจทก์เองประสงค์ที่จะนำเรื่องดังกล่าว มาสู่การพิจารณาของศาล เพื่อพิสูจน์กันว่า หากโรงพยาบาลได้ทำหน้าที่ที่ดีที่สุดแล้ว ชัดเจนว่าเป็นการถูกต้องของโรงพยาบาล ก็นำมาเข้าสู่กระบวนการที่เราต้องสู้กัน แต่ส่วนเราเอง เราก็จะมีข้อเท็จจริงทั้งหมดอยู่ในสำนวนผม ที่ยื่นฟ้องและศาลรับฟ้องแล้ว ว่าเป็นเรื่องที่มีขั้นตอนๆ จะออกมาหลังจากคดีมีคำพิพากษาครับ ว่าสุดท้ายใครจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้

วันนี้ในสำนวน มีโจทก์คือคุณเป้ จำเลยคือโรงพยาบาลและแพทย์ที่ผ่าตัด ที่จะต้องรับผิดชอบในทางละเมิด เราฟ้องคดีแพ่ง เราไม่ได้ฟ้องคดีอาญา ว่าโรงพยาบาลประมาทเลินเล่อทำให้คุณวิทยาเสียชีวิตนะ ที่ละเมิดเราต้องรู้ว่าละเมิดอะไร เสียหายหมดครอบครัว ธุรกิจ มันแย่ไปหมด วันนี้โจทก์มอบหมายให้ฟ้องเป็นค่าเสียหายประมาณ 190 ล้านเศษๆ เนื่องจากคุณวิทยาเอง เป็นบุคลากรที่มีต้นทุนทางสังคมค่อนข้างสูง มีธุรกิจเยอะแยะไปหมด ในสำนวนจะบรรยายทั้งหมด เกี่ยวกับสภาพข้อหา เกี่ยวกับความจำเป็นต้องเรียกเงิน ทุกอย่างอยู่ในสำนวนหมด”

เผยรพ.ติดต่อมาวันแรกครั้งเดียวเท่านั้น อธิบายว่ารักษาตามขั้นตอน ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ
เป้ : “วันแรกที่คุณพ่อเสียชีวิต ก็มีติดต่อมาอธิบายขั้นตอนต่างๆ ให้ฟัง และบอกว่าขั้นตอนต่างๆ ที่รักษา ทำดีที่สุดแล้ว ซึ่งในช่วงนั้นเรายังไม่ได้อะไรมาก เพราะเป็นช่วงแรกๆ แต่พอหลังจากจัดงานคุณพ่อเสร็จ ก็มาดูรีพอร์ตต่างๆ ของโรงพยาบาล ของไอซียู ก็ทำให้เราเชื่อว่ามันไม่น่าจะได้ดีที่สุด มันควรจะได้ดีกว่านี้ 1 ปีเรารวมรวบหลักฐาน ซึ่งรพ.ก็มีการคุยแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ไม่มีการคุยใดๆ เลย ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบเลยครับ ก็จบอยู่ที่ว่า ทำขั้นตอนทุกอย่างถูกต้อง และทำดีที่สุดแล้ว เราก็ไม่ได้ติดต่อรพ. ครับเพราะว่าเราติดต่อเบื้องต้น หลังจากนั้นก็ได้เอกสารต่างๆ มาจากทางโรงพยาบาล ทั้งรีพอร์ตต่างๆ ในการรักษา เราก็นำมาศึกษาและค้นหาความจริงกัน เอกสารก็น่าจะครบครับ มีจุดบกพร่องหลายอย่างเลย จนทำให้เป็นที่มาของวันนี้ ว่าเราเห็นจุดบกพร่องและข้อสงสัยว่ามีข้อนี้ 1 2 3 4 ข้อนี้ ทำไมไม่แบบนี้ เราถึงนำมาฟ้องครับ”

ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใคร ชีวิตคนน่าจะดูแลให้ดีกว่านี้
เป้ : “ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับใครอีก จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น เรื่องเล็กๆ ซึ่งหายแล้ว โอเคถ้าคุณพ่อเสียชีวิตระหว่างการผ่าตัด เรื่องทั้งหมดก็จะจบไป ก็เหมือนกับบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่เข้ารับการรักษา แต่นี่ฟื้นแล้ว รู้สึกตัว พูดคุยได้แล้ว อ้าว… แล้วทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้ ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นตัวอย่าง ว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้ ชีวิตคนน่าจะดูแลให้ดีที่สุดครับ”

ทนาย : “ถามว่ารพ.สู้ยังไง เป็นเรื่องที่เขาถูกกล่าวหา เขาก็คงต้องมีเหตุผล การฟ้องโรงพยาบาลต้องเรียนว่ามันยากเย็นมากนะ เรื่องนี้ผมบอกคุณเป้แล้ว ว่าทะเลาะกับโรงพยาบาลเนี่ย โอกาสชนะน้อยมากนะ เพราะหนึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ สองพี่วิทยาไปตายในโรงพยาบาลเขา ไม่ได้ตายที่บ้านเรา เพราะฉะนั้นตอนนี้โอกาสที่เราจะแสวงหาความยุติธรรมได้ เราคงไม่ได้มุ่งหวังอะไรมาก เราเพียงแต่เอาความจริงไปบอกศาล แล้วคำพิพากษาจากศาลจะเป็นตัวชี้แจงเจตนา ว่าสรุปแล้วสิ่งที่เราคิดมันถูกหรือผิดอย่างไร

ผมขอเสริมนิดเดียวนะครับ ว่าผมเองในฐานะทนายความแล้ว ยังเป็นเพื่อนคุณวิทยามาตั้งแต่ 30-40 ปีแล้ว เราเที่ยว เราดื่ม เราเล่นกอล์ฟกัน เดือนมีนาคมก่อนจะเสียชีวิต เราไปตีกอล์ฟกันกลางวันร้อนๆ เลย กลางคืนก็นั่งคุยกัน แกคุยว่าหลังจากวันนี้ผมจะเข้าโรงพยาบาล ผ่าตัดแป๊บเดียว แล้วเดี๋ยวเราเจอกัน แกบอกว่าเชื่อใจโรงพยาบาลนี้ เราก็บอกว่าโอเคพี่ พี่ตีกอล์ฟ 2 วันติดแบบนี้ พี่ไม่แข็งแรงผมก็ว่าแย่แล้ว ผมเชื่อมั่นว่าเราต้องได้เจอกัน แต่หลังจากนั้นเดือนเมษายน ทราบจากเป้ ว่าไปนอนอยู่โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็มาไล่ขอเท็จจริงจนเป็นเหตุวันนี้”

เตรียมปล่อยคลิปที่เจอในมือถือคุณพ่อ
เป้ : “เราได้เจอคลิปในมือถือคุณพ่อ ที่ท่านถ่ายเล่นไว้ในวันที่ 25 มีนาคม คือ 1 สัปดาห์ก่อนคุณพ่อเข้าผ่าตัด เดี๋ยวผมจะโพสต์ไว้เฟซบุ๊กคุณพ่อครับ

ทนาย : “สิ่งหนึ่งที่ผมจำเป็นต้องเรียน คือคนสุขภาพดีขนาดนี้ พอบอกว่าปลอดภัยแล้วมาเสียชีวิต ผมไม่ได้เป็นครอบครัวผมก็สงสารนะ แต่หลังจากที่ผมเรียนคุณเป้ ว่าถ้าหากคิดจะฟ้องโรงพยาบาล คุณต้องมีข้อเท็จจริงที่ดีที่สุด คุณอย่าซี้ซั้วฟ้องเขา ถ้าเขาทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วเนี่ย เราไม่ควรจะไปแตะเขาเลย มันจะเสียชื่อเสียงเขา แต่เมื่อเรามีเหตุผล มีเหตุการณ์ มีรายงานหมอ มีบันทึกในการเกิดเหตุในวันดังกล่าว ก็เลยสรุปกันได้ว่า มันน่าจะมีเหตุที่นำเรื่องนี้มีสู่ศาลได้

ถามว่ามีโอกาสถูกฟ้องกลับไหม ไม่หรอกครับ ถ้าเราพูดเรื่องจริง เราไม่ได้กล่าวหา ว่าเป็นความผิดของโรงพยาบาล เพียงแต่เราบอกว่าทางครอบครัวคุณเป้ สงสัยการเสียชีวิต วันนี้เราก็ไม่ได้บอกว่าโรงพยาบาลเป็นคนผิดนะครับ เพราะถ้าไม่มีชื่อเสียง ไม่เป็นที่ยอมรับ คุณวิทยาคงไม่เข้าโรงพยาบาลนี้ เพียงแต่วันนี้ก็มาพิสูจน์กัน สุดท้ายถ้ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง กระบวนการก็ว่าไปตามกฎหมาย”
เป้ : “ถามว่าอะไรทำให้เรามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำจะเกิดผล ทั้งที่รู้ว่าฟ้องรพ.มันยาก คือข้อเท็จจริงครับ ข้อสงสัยต่างๆ เราคงไม่ลงลึกในรายละเอียด แต่มันต้องมีคำตอบให้ ซึ่ง ณ วันนี้ไม่มีคำตอบให้ในข้อสงสัยที่เกิดขึ้น”

ขึ้นศาลนัดแรก 15 พ.ค. 66 สองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย
ทนาย : “เรายื่นแล้วเมื่อเช้านี้ กระบวนการรับฟ้องเรียบร้อย ศาลจะนัดนัดแรกในวันที่ 15 พฤษภาคม นัดทั้งสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย อาจจะมีการพูดคุยกันก็ได้นะครับ แต่ยืนยันนะครับ ว่าโรงพยาบาลยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ท่านยังไม่ได้ถูกกล่าวหาว่าท่านเป็นคนกระทำความผิดนะครับ”

เป้ : “เรื่องนี้เป็นไปตามข้อเท็จจริงครับ วันนี้เราก็พึ่งอำนาจของศาล เราก็ได้คำตอบกันมา ไม่ว่าคำตอบมันจะเป็นอย่างไร ก็ต้องเป็นไปตามนั้นครับ”













กำลังโหลดความคิดเห็น