xs
xsm
sm
md
lg

“มิ้นต์ ชาลิดา” ยอมรับผิดคิดน้อย ปมดรามาแก๊งม.ม้า เครียด รู้สึกแย่ วอนหยุดขุด อยากให้จบที่ตรงนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มิ้นต์ ชาลิดา” เคลียร์ปมดรามาแก๊งนางเอกม.ม้า เม้าธ์คนอื่น ยอมรับผิดคิดน้อย ยกเป็นบทเรียน ต่อไปจะระวังมากขึ้น บอกตัวเองเจอมาเยอะมีภูมิคุ้ม ห่วงแต่ “ใหม่ ดาวิกา” เพราะเป็นคนเซนซิทีฟ วอนหยุดขุด ให้ทุกอย่างจบตรงนี้ อัปเดตรักหวาน 11 ปี ยังไม่คิดแต่ง “ภูผา”

ถึงคิวสาว “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” หนึ่งในสมาชิกแก๊งนางเอก ม.ม้า ออกมาพูดบ้างแล้ว สำหรับดรามาแรงเม้าธ์แรงถึงบุคคลที่สาม ในรายการ “เพื่อนใหม่” ทางช่องยูทิวบ์ของสาว “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่” โดยสาวมิ้นต์ได้เผยในงาน รอยัล ไอวี รีกัตตา ที่ร้าน รอยัล ไอวี รีกัตตา ว่าตกใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่อไปจะระมัดระวังมากขึ้นในการพูดถึงบุคคลอื่น

“ตอนแรกก็ตกใจค่ะ เพราะว่าด้วยความที่มันเหมือนเป็นคลิปที่เราเล่าคุยกันกับเพื่อนๆ แชร์ๆ ก็มารู้ข่าวตอนกลางคืนที่มีดารามาลงทวิตเตอร์ ก็ทราบตอนช่วงค่ำๆ จะนอนแล้ว 5 ทุ่ม ก็ได้อ่านข้อความค่ะ ก็ได้เข้าไปเช็กทวิตเตอร์ เช็กถึงดึกเลยค่ะ ตี 2”

รู้สึกว่าต้องขอโทษ เพราะคิดน้อยไป
คือมิ้นต์รู้สึกว่าก็ต้องขอโทษค่ะ เพราะเป็นคอนเทนต์ที่เราคิดน้อยไป ไม่คิดว่าจะมีการเกี่ยวโยง พาดโยง ไปถึงการขุดถึงบุคคล ก็เป็นความผิดพลาดและเป็นความที่คอนเทนต์ที่เราไม่ได้ระมัดระวังกันอย่างถี่ถ้วนดีพอค่ะ คือด้วยรายการมันเป็นการจับฉลากคำถาม เหมือนมันจะมี 2 คำถามที่เป็นดรามา ซึ่งมิ้นต์ก็ไม่ได้รับคำถามนั้น แต่ว่าเหมือนเพื่อนคุยกัน เม้าธ์กัน เหมือนเพื่อนผู้หญิงก็มีความเล่าไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมากับตัวเอง เป็นเหตุการณ์ที่ได้พบได้เจออะไรแบบนี้ค่ะ”

ตอนอัดรายการไม่คิดว่าจะมีการขุดอดีต ถือเป็นบทเรียนของการคิดน้อย
“เอาจริงๆ ตอนที่อัดคลิปไม่ได้คิดอะไรเลยว่าจะมีการถูกขุดอะไร เพราะเราไมได้บอกเป็นอักษรย่อหรืออะไรอย่างนี้ ก็ไม่คิดจริงๆ ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่เราคิดน้อยไป แล้วก็เป็นบทเรียนให้เรา คือเราผิดแล้วก็ขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วก็ต้องระมัดระวังหลังจากนี้”

ไม่คิดว่าเป็นการนินทาลับหลัง เพราะไม่มีเจตนาพูดทำร้ายใคร
“จริงๆ มิ้นต์ว่ามันเหมือนเป็นการได้จับฉลากแล้วได้คำถาม มันเหมือนเป็นการคุยกันในกลุ่มเพื่อน ซึ่งมิ้นต์คิดว่าเราเล่าถึงประสบการณ์ที่เราเคยพบเคยเจอ เราไม่ได้คาดคิดไปถึงว่ามันจะเป็นการหยิบจับอะไรขึ้นมาให้เป็นเรื่องเป็นราว เราไม่ได้มีเจตนาจะไปพูดพาดพิงทำร้ายใครอยู่แล้วค่ะ

รู้สึกแย่และเครียด ที่มีการโยงไปถึงบุคคลที่สาม
“ใช่ค่ะ ก็เห็นแล้วก็รู้สึกไม่ดีจริงๆ รู้สึกแย่ที่มันพาดพิงไปถึงบุคคลอื่น ที่จริงเราคิดน้อยไปค่ะ ถามว่าเครียดไหม วันนั้นที่อ่านก็เครียดค่ะ เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดว่ามันจะเลยเถิดไปถึงขึ้นนั้น ก็รู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดี ก็ได้คุยกับเพื่อนๆ กัน ว่าเราระมัดระวังกันน้อยไป คิดกันน้อยไปจริงๆ”

เป็นเรื่องที่นานมากแล้ว ที่ผ่านมาร่วมงานได้กับทุกคน ไม่เคยขอไม่ร่วมงานกับใครเลย
“จริงๆ มิ้นต์ว่ามันเป็นเรื่องที่ยาวนานมามากแล้ว ที่ผ่านมามิ้นต์ก็ร่วมงานกับคนในช่องได้ ไม่เคยมีว่าขอไม่ร่วมงาน ไม่ขึ้นเวที ไม่ทำงานกับคนนี้ ถ้าเกิดว่าจะย้อนกลับไปดู ตลอดเวลามิ้นต์ก็ร่วมงานกับทุกคนได้นะคะ”

ไม่มีหลังไมค์ไปคุยกับคนที่ถูกโยง ส่วนใหญ่คุยแต่กับเพื่อนที่อยู่ในคลิป
“ไม่ได้คุยค่ะ ส่วนใหญ่จะคุยกับเพื่อนๆ ที่อยู่ในคลิป”

เห็นที่มีออแกไนซ์ออกมาชี้แจง แต่ส่วนตัวจำไม่แล้วว่าเป็นใคร
“ก็งานนี้มันยาวนานมามากแล้ว หลายปีแล้ว แล้วมิ้นต์ก็จำไม่ได้ด้วยว่าออแกไนซ์เป็นใคร แต่มิ้นต์ก็เห็นในที่มีเฟซบุ๊กออกมา แต่พอมิ้นต์กดข้าไปดูลิงก์มันก็หายไป มิ้นต์ก็เลยไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร เรื่องจริงเป็นยังไง เพราะพอเข้าไปดูในเฟซบุ๊กที่โพสต์ลงก็ไม่เห็นข่าวที่โพสต์ค่ะ”

ไม่รู้เจตนาคนโพสต์ เพราะเข้าไปดูไม่รู้ว่าทำงานด้านไหน
“มิ้นต์ก็ไม่ทราบ เพราะก็เข้าไปดูเหมือนกันในวันที่โพสต์เลย ก็เหมือนได้เห็นลิงก์ในทวิตเตอร์ก็กดเข้าไปดูเหมือนกัน เท่าที่มิ้นต์ดู มิ้นต์ก็ไม่เห็นว่าเขาทำงานเกี่ยวกับอะไร เป็นอะไรด้านนี้ ก็คือเห็นเขาขายของออนไลน์ มิ้นต์ก็เลยไม่ทราบว่าเป็นยังไง”

บอกเหตุการณ์ผ่านมานานมากแล้ว ไม่อยากให้โยงไปถึงงานไหนอีก ยอมรับความผิดพลาด อยากให้จบที่ตรงนี้
“มันนานมากแล้ว มิ้นต์ก็จำไม่ได้ แล้วงานนั้นมิ้นต์เดินคนแรกแล้วมิ้นต์ก็ไปงานต่อที่เอ็มควอเทียร์ นั่งรถไฟฟ้าไปเลย มิ้นต์ไม่ได้อยู่ในจุดฟินาเล่ มิ้นต์เดินคนแรกแล้วก็ไปเลย มิ้นต์จำได้ว่ามิ้นต์ก็สัมภาษณ์พี่ๆ สื่อก่อนแล้วก็ขึ้นไปเดินบนเวที คือเอาจริงๆ นะ มิ้นต์ก็ไม่ได้อยากให้โยงไปถึงงานไหนหรือว่าอะไรเลย ก็อยากให้ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในคลิปค่ะ ว่ามันเป็นคอนเทนต์ที่มันอาจจะมีการกล่าวถึงบุคคลอื่น ที่เราไม่ได้ระมัดระวังอย่างถี่ถ้วน อย่างที่มิ้นต์บอก มันคือความผิดพลาดของเราเอง ก็อยากให้จบที่ตรงนี้ แล้วรู้สึกว่าไม่อยากให้ไปโยงถึงใคร แล้วก็เป็นบทเรียนให้กับหนูว่าครั้งหน้าต้องระมัดระวังมากกว่านี้”

รู้สึกไม่ดีกับคลิปที่ออกไป จะจำไว้เป็นบทเรียน
“จริงๆ มิ้นต์ก็รู้สึกไม่ดีกับคลิปที่ออกไป เพราะว่ากับสังคมที่เห็นก็รู้สึกแย่ รู้สึกว่าเราผิดพลาดก็ยอมรับความผิดพลาดนี้ ครั้งหน้าก็เป็นบทเรียนให้ระมัดระวังแล้วโตขึ้นไปอีกขั้นว่าเราควรจะต้องทำยังไง”

จะระมัดระวังมากขึ้นเรื่องการพูดคนอื่น พร้อมน้อมรับและแก้ไข ถ้าไม่ใช่การขุดอดีตมาพูด
“คือมิ้นต์ว่ายุคนี้มันก็คาดเดาไม่ได้เหมือนกัน ว่าอะไรมันจะเกิดดรามาขึ้น ก็เรียกได้ว่าเราก็ระมัดระวังเกี่ยวกับการพูดถึงบุคคลอื่นแล้วกัน แต่ว่าถ้าเรามาเกี่ยวกับตัวมิ้นต์ มิ้นต์ไม่ซีเรียสค่ะ ก็อะไรที่เป็นเรื่องจริง มิ้นต์ก็น้อมรับ รับฟังมาแก้ไข แต่ถ้าเกิดเป็นดรามาขุดเรื่องอดีต ขุดเรื่องเก่าๆ มาพูด มิ้นต์ว่ายุคนี้แล้ว อืม

ไม่ฟ้องเพราะเจอมาเยอะ ครั้งนี้เลยมีภูมิคุ้มกัน แต่เป็นห่วง “ใหม่” มากกว่า
“คือมิ้นต์คิดว่าตัวเองเจอมาเยอะ พอเจอเรื่องนี้มิ้นต์ก็เลยมีภูมิคุ้มกันค่ะ ที่เป็นห่วงตอนแรกคือความรู้สึกของใหม่ เพราะเขาอารมณ์ค่อนข้างเซนซิทีฟที่ได้คุย แล้วเขาก็เจอเรื่องดรามาตลอดเลยช่วงนี้ (จะมีฟ้องบ้างไหม?) ไม่ค่ะ เต็มที่เลยค่ะ (หัวเราะ)”

อัปเดตรัก “ภูผา เตชะณรงค์” 11 ปีดีเหมือนเดิม ยังไม่คิดเรื่องแต่งเพราะยังสนุกกับการทำงาน
“ก็ดีค่ะ รู้สึกว่าเวลาผ่านไปไวมากเลยค่ะ 11 ปีแล้วค่ะ แต่หนูยังสนุกกับการทำงาน ยังเอ็นจอยกับการที่ได้ออกมาทำงาน ได้มาเจอทุกคน ได้ถ่ายละคร การถ่ายละครมันค่อนข้างนาน ปีหนึ่งมันเอาไปทั้งปี ถ้ามิ้นต์ต้องแต่งงาน ต้องมีลูก มิ้นต์จะทำอะไรแบบนี้ไม่ได้แล้ว มิ้นต์เลยใช้คำว่ามิ้นต์ยังเอ็นจอยกับการทำงานตรงนี้”

ไม่มีแพลนอนาคตว่าจะแต่งอายุเท่าไหร่
“ไม่เคยเลย มิ้นต์เป็นคนที่ไม่คิดถึงอนาคต ไม่ได้วาดภาพ มิ้นต์คิดแค่ปีต่อปี อย่างตอนนี้ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมานั่งเรียนปริญญาโท 2 ปี มิ้นต์รู้สึกว่าถ้าชีวิตนี้มิ้นต์จอยกับอะไร มิ้นต์ทำ แค่นั้นค่ะ”

มีความสุขที่ได้เลี้ยงหลาน ยังไม่อยากมีเป็นของตัวเอง
“มิ้นต์ก็มีความสุขที่ได้เล่นกับหลาน ได้เลี้ยงหลาน อย่างพี่ผาเอง เวลามีทริปกับพี่มิว (นิษฐา คูหาเปรมกิจ) พี่กี้ (มาร์กี้ ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์) บ่อยๆ เขาก็จะตื่นมาคนแรก มาเลี้ยงหลาน จนทุกคนก็แฮปปี้ที่มีเราไปด้วย เรารู้สึกว่าเราช่วยเขาเลี้ยงลูกได้ ถามว่าอยากมีเป็นของตัวเองไหม ต้องบอกว่าเป็นความโชคดี ที่ช่วงนี้มีหลานเยอะ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าต้องมีของตัวเอง เวลาเราเลี้ยงลูกเพื่อนกับเลี้ยงลูกตัวเองมันคนละฟีล นึกภาพออกเลยเพราะเรามีน้องชาย กว่ามันจะโตรู้เรื่องมันเหนื่อย ก็เลยไม่อยากมี (หัวเราะ)”

บอกพอคนถามเยอะ “ภูผา” ก็เริ่มถามบ้างแล้ว
“พอทุกคนถามเยอะๆ ที่สัมภาษณ์วันนั้น เขาก็เริ่มเออ เมื่อไหร่ดีนะ ถ้าทุกคนไม่ถาม มิ้นต์ก็ว่าเขายังไม่คิดหรอก ทุกคนกดดัน แล้วแป๊บๆ 11 ปี ทุกคนจะนับมากกว่าเรา บางทีมิ้นต์ลืมไปเลย ลืมนับปีไปเลย เพราะรู้สึกเอ็นจอยกับโมเมนต์ที่อยู่ ณ ปัจจุบันค่ะ ตอนเขาถามว่า เราก็ถามกลับว่านั่นนะสิ เมื่อไหร่ดี แล้วก็พูดเปรยๆ ว่ามีงาน เหลืออันนี้ (หัวเราะ) ถ้ามีงานละครที่ทำให้รู้สึกอยากรับต่อ เราก็จะรับ”

ถ้ามีครอบครัวก็ไม่หยุดรับงาน แต่คงโฟกัสได้ไม่เต็มที่
“ไม่ได้หยุดรับงาน แต่มิ้นต์ทำอาชีพนี้มาตั้งแต่อายุ 12 มันเกินครึ่งชีวิตของมิ้นต์แล้ว ก็รู้สึกว่าถ้าเกิดเราต้องไปโฟกัสอีกอย่าง เราจะไม่สามารถโฟกัสละครได้อย่างเต็มที่ค่ะ”

ไม่มีคำว่านานเกินไป เกิดขึ้นกับคู่ตน เพราะอยู่กับปัจจุบันมากกว่า
“ไม่มีค่ะ ต้องบอกเลยว่าโชคดีที่พี่ผาเป็นคนง่าย สบาย เราคุยกันด้วยโมเมนต์ ณ ปัจจุบัน มากกว่าการวางอนาคต ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะมิ้นต์รู้สึกว่าเราไมาอยากคาดหวังไปไกล เดี๋ยวได้ดั่งหวัง เลยแฮปปี้ที่จะคุยในโมเมนต์ปัจจุบันค่ะ”

ความหวานไม่เคยจืดจาง วันแรกยังไงก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“ไม่นะคะ เขาน่ารัก พี่ผาเป็นคนที่ วันแรกเทคแคร์ยังไง วันแรกบอกเรายังไง เขาก็ยังเหมือนเดิม มิ้นต์ยังไม่เคยเห็นความเปลี่ยนแปลงตรงนี้กับตัวเขาค่ะ”











กำลังโหลดความคิดเห็น