“กานต์ ชนนิกานต์” เปิดใจหลังคว้ามงฯ “นางสาวไทย 2566” มาครอง บอกรู้สึกเหมือนฝัน เกินความคาดหมายจนช็อก ส่งภาษามือตอนได้ตำแหน่ง เพราะอยากสื่อสารกับผู้บกพร่องทางการได้ยิน ขอบคุณทุกกำลังใจ จะไม่ทำให้ผิดหวังในเวที Miss World
ประกาศผลไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับเวที “นางสาวไทย 2566” ที่ได้สาวเชียงใหม่วัย 24 ปี อย่าง “กานต์ ชนนิกานต์ สุพิทยาพร” มาเป็นผู้คว้าตำแหน่ง “นางสาวไทย คนที่ 54” ไปครอบครอง ซึ่งงานนี้ก็บอกเลยว่า สวย เก่ง สมมงฯ สุดๆ เพราะเจ้าตัวมีดีกรีเป็นถึงนายกสโมสรนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย โดยสาวกานต์ได้เผยความรู้สึกกับสื่อมวลชนทันทีหลังได้รับตำแหน่ง ว่ารู้สึกเหมือนฝันมากที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ และจะไม่ทำให้ผิดหวังกับการตัวแทนหนึ่งเดียว ไปประกวดเวทีระดับนานาชาติ อย่าง “Miss World” แน่นอน
“ตื่นเต้นมาก รู้สึกว่าเหมือนฝันจริงๆ ค่ะ รู้สึกว่ามันใช่ความจริงไหมเนี่ย มันเหนือความคาดหมายเหมือนกัน ที่เราได้มายืนตรงนี้ ตอนจับมือกันลุ้นมงฯ เราก็คุยกันว่าไม่ว่าใครจะได้เราเป็นกำลังใจให้ค่ะ เพราะเราต้องไปประกวดต่อ ถามว่าลึกๆ ในใจคิดว่าคือเราไหม ก็นิดหนึ่งค่ะ (หัวเราะ) เราตั้งเป้าหมายไว้อยู่แล้วค่ะ ว่าเราอยากได้มงฯ นางสาวไทย แต่มันเป็นการคาดหวังที่มาจากตัวเรา จริงๆ แล้วคนตัดสินใจคือคณะกรรมการ เราเลยรู้สึกว่ามันช็อกอยู่เหมือนกัน ที่บอกว่าเหนือความคาดหมาย เพราะมันช็อก มันเกิดขึ้นจริงๆ อย่างที่เราตั้งใจไว้”
คิดว่าตัวเองได้คำถามดี เอาประสบการณ์มาตอบได้
“คิดค่ะ แต่คำถามรอบแรกเนี่ยช็อกค่ะ เพราะคิดว่าตอบอะไรดีนะ แต่คำถามรอบที่สอง รู้สึกว่ามันคลิกมาก เราสามารถนำประสบการณ์ที่ผ่านมาของเรามาตอบ และนำเสนอให้ทุกคนได้รู้จักเรามากขึ้นได้”
เผยกว่าจะมาถึงวันนี้ได้มันยากมาก
“ยากมากค่ะ เป็นเวทีระดับประเทศครั้งแรกของกานต์ เราใช้เวลาเก็บตัวกับเพื่อนๆ ไปพัทลุง กลับมาที่กรุงเทพฯ เก็บตัวกันหลายวัน ทำกิจกรรมกันหลายอย่าง รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ยากมาก ที่จะมายืนอยู่ตรงนี้อะค่ะ”
สมการรอคอย 2 ปี ที่กลับมาประกวดอีกครั้ง
“ใช่ค่ะ 2 ปีที่กลับมาประกวดอีกครั้งหนึ่ง (อะไรทำให้เราได้มงฯ นี้มา?) อย่างที่ทีพีเอ็นตั้งเป้าไว้เลยค่ะ หนึ่งคือเราต้องเป็นคนที่สามารถพัฒนาตัวเองได้ แล้วก็ปรับปรุงได้ตลอด กานต์รู้สึกว่าการนต์เป็นคนที่สู้ค่ะ ถึงแม้จะมีบางอย่างที่กานต์ยังไม่ได้เพอร์เฟคร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่กานต์เป็นคนที่สามารถปรับได้ค่ะ (ยิ้ม) หนูรู้สึกว่าอยากฝึกภาษาเพิ่มขึ้นค่ะ หลายๆ คนก็คงเห็นว่าเราพอสื่อสารได้ แต่เรายังไม่เก่งขนาดนั้น”
ทำภาษามือตอนได้รับตำแหน่ง เพื่อสื่อสารกับน้องๆ ที่โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร.
“คือหนูอยากสื่อสารกับน้องๆ โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทรค่ะ ว่าพี่ทำได้แล้วนะ น้องๆ ทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน คือตอนแรกที่กานต์มาประกวดนางสาวไทย เราก็ห่วงว่าเราอยากจะชนะใช่ไหมค่ะ แต่ภาพมันชัดเจนขึ้นเมื่อหนูได้มาพบกับน้องๆ ที่โรงเรียนโรงเรียนโสตศึกษาฯ อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยทำกิจกรรมร่วมกัน แล้วมันทำให้ภาพที่เราอยากจะได้มงฯ อยากที่จะนำเสนอความสามารถของน้องๆ เพิ่มมากขึ้น มันทำให้เราเหมือนมีแพชชั่นเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราสื่อสารกับน้องตลอดเวลา ทุกครั้งที่หนูออกมายืนบนเวที หนูจะพยายามสื่อสารเกี่ยวกับน้องตลอด เพราะรู้สึกว่ามันทัชหนูมาก”
“มันมีเหตการณ์หนึ่ง ที่น้องผู้หญิงคนหนึ่งเขาเพ้นท์เสื้อกับหนู แล้วเขาเดินมาพูดภาษามือกับหนู ว่าพี่คะช่วยนำผลงานของหนูออกไปสู่ระดับประเทศและระดับโลกได้ไหม ช็อตนั้นคือหนูน้ำตาไหลเลย น้องๆ ทุกคนคิดเหมือนกันหมด ว่ามันยังมีพื้นที่ที่ยังไม่เปิดโอกาสให้กับน้องๆ กลุ่มนี้ หรือกลุ่มอื่นๆ ที่มีข้อบกพร่อง กานต์อยากเป็นสะพานเชื่อมโอกาสให้น้องๆ ได้แสดงศักยภาพของตัวเอง เป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญเลยค่ะ”
จะนำโครงการนี้ไปสู่เวที Miss World
“กานต์คิดว่าจะนำโครงการนี้แหละ I’m Possible อย่าให้ข้อจำกัดมาขีดเส้นความสามารถของเราค่ะ อยากไปสู่ระดับโลกให้ได้เลย เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีประเทศไทยที่มีผู้พิการ หรือผู้บกพร่องทางการได้ยิน การมองเห็น แต่มันคือทั่วโลกค่ะ ถ้าเราสามารถเปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงศักยภาพอย่างเท่าเทียม มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากๆ”
สื่อสารภาษามือได้ ตั้งแต่ตอนเป็นนายกสโมสรนักศึกษามช.
“จริงๆ เป็นหนึ่งในนโยบาย ตอนกานต์หาเสียงเลือกตั้งค่ะ ตอนเป็นนายกสโมสรนักศึกษา คือไม่ว่าใครก็สามารถทำกิจกรรมได้ แล้วนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ทำให้กานต์ได้สื่อสารภาษามือกับน้องๆ เพราะที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของเรา มีทั้งนักศึกษาผู้พิการทางการได้ยิน ทางการมองเห็น หรือทางร่างกาย แล้วกานต์ก็รู้สึกว่าเราจะทำกิจกรรม เราจะเดินหน้าพร้อมกัน โดยที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังค่ะ”
ขั้นแรกในการเตรียมตัวไป Miss World คืออยากเรียนภาษาอังกฤษ และรื้อฟื้นความจำภาษามือ
“ขั้นแรกคืออยากเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มค่ะ แล้วก็ทำให้ภาษามือคล่องมากขึ้น เพราะพอเราไม่ได้ใช้นานๆ มันก็อาจจะไม่คล่องมากเท่าเดิม เลยอยากจะรื้อฟื้นความสามารถของเราที่มีอยู่ หลายๆ ภาษาก็เหมือนกันค่ะ เกาหลี อังกฤษ อยากจะทำหมดเลย การมองว่าจุดเด่นของกานต์คือการพูดค่ะ และมันจะยิ่งดีมากขึ้น ถ้ากานต์สามารถสื่อสารได้หลายภาษา และสามารถส่งสารที่อยากจะสื่อไปให้ได้ครบ เท่านั้นเองค่ะ กานต์ไม่ได้มองว่ามันยากมากหรือน้อยนะคะ แต่กานต์มองว่ามันเป็นความท้าทายที่กานต์ต้องทำให้ได้ เพราะมันเป็นเป้าหมายของกานต์ค่ะ”
ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจ และคอยช่วยเหลือทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
“ขอบคุณจั๊ดนักนะเจ้า ทั้งคนเชียงใหม่และทุกคนในประเทศที่เชียร์กานต์ เพื่อนๆ เภสัช เพื่อนๆ นักกิจกรรม เพื่อนๆ สโมสรนักศึกษา เยาวชนดีเด่น องค์กรต่างๆ ที่กานต์เคยเข้าร่วม ทุกคนเป็นกำลังใจให้กานต์หมดเลยค่ะ สิ่งที่กานต์อยากจะขอบคุณก็คือผู้สนับสนุนทุกคน ทั้ง CP กองนางสาวไทยเชียงใหม่ ทุกๆ ทีมที่ช่วยเหลือหนูทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ขอบคุณจริงๆ ค่ะ วันนี้กานต์ทำได้แล้วนะคะ วันนี้แม่กับน้าหนูมาด้วย อยากจะขอบคุณแม่ที่เลี้ยงกานต์มา ให้เป็นกานต์ทุกวันนี้ค่ะ กานต์ทำได้แล้วนะแม่ (ยิ้ม) ส่วนสิ่งที่อยากทำในวันพรุ่งนี้ คืออยากกินข้าวกับแม่ค่ะ”
กำลังใจที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว
“คือครอบครัวค่ะ เพราะกานต์ตั้งเป้าหมายในชีวิตว่าอยากทำให้ครอบครัวมีความสุข แล้วก็ภาคภูมิใจในตัวกานต์ทุกๆ วันเลยค่ะ เพราะฉะนั้นมันเลยเป็นแรงผลักดัน ให้กานต์ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง แล้วก็คว้าทุกโอกาสไว้ เพื่อที่จะได้ทำกิจกรรมพัฒนาความสามารถ เพื่อให้เราก้าวมาเป็นผู้นำของครอบครัวได้ เพราะกานต์เป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ แม่กานต์จะเป็นคนพูดน้อย แต่อยู่ข้างๆ เสมอค่ะ จะคอยเป็นคนรองรับทุกๆ อย่างที่หนูเจอมา รับฟังและเป็นกำลังใจให้หนูเสมอ ไม่ว่าหนูจะไปทางไหน”
ฝากเป็นกำลังใจในการไป Miss World จะไม่ทำให้เสียชื่อประเทศไทยแน่นอน
“กานต์ขอฝากเป็นกำลังใจให้กับกานต์ ในการประกวดครั้งถัดไปกับเวที Miss World นะคะ กานต์จะทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เสียชื่อประเทศไทยแน่นอนค่ะ รอติดตามเลยค่ะ (ยิ้ม)”
ด้านนางวันเพ็ญ สุพิทยาพร อายุ 49 ปี อาชีพเย็บผ้า คุณแม่ของน้องกานต์ ได้เผยความรู้สึกหลังลูกสาวได้ตำแหน่ง ว่าดีใจมาก กรี๊ดจนแสบคอไปหมดแล้ว
“ดีใจมากค่ะที่ลูกทำได้ แม่ตื้นตันใจ ร้องไห้ หลายรอบแล้วค่ะ (หัวเราะ) ตอนจับมือสองคนสุดท้าย ลุ้นจนคอนี่แสบไปหมดแล้วค่ะ มือชาหมดเลย พอประกาศเป็นชื่อน้องกานต์ก็กรี๊ดเลยค่ะ”
