พรุ่งนี้ (19 มีนาคม 2566) ก็จะได้รู้แล้วว่าสาวงามคนใดจะครองตำแหน่ง “นางสาวไทย 2566” ซึ่งปีนี้มีผู้ร่วมชิงมงกุฏทั้งหมด 46 คน จากทั่วประเทศ ต้องบอกว่าแต่ละคนมีดี และสวยเริ่ดไม่แพ้กัน ยิ่งใกล้วันมงฯ ลง ออร่ายิ่งพุ่งขึ้นแท่นตัวเต็งที่แฟนนางงามเชียร์ขาดใจ
โดยหนึ่งในสาวงามที่เต็งจ๋าตั้งแต่เริ่มประกวดจนหลายคนพูดถึงเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือสาวตาคม “เบลล่า อะราเบล่า สิตานัน เกรโกรี่” เจ้าของตำแหน่งนางสาวไทยพัทลุง 2566 ลูกครึ่งอังกฤษ - ไทย วัย 21 ปี สูง 181 เซนติเมตร เรียนที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ปี 2 สาขาวิชานวัตกรรมการบริการ BSI
นอกจากความสวยที่สะดุดตาแล้ว เบลล่ายังมีดีกรีไม่ธรรมดา เคยติด 1 ใน 10 ของเวทีประกวด Thai Supermodel ปี 2019 ทั้งยังครองตำแหน่งรองอันดับหนึ่งในรายการประกวดเวที Miss Tourism World ปี 2020 อีกทั้งยังผ่านงานโฆษณามามากมาย จึงไม่แปลกที่หลายคนจะเทใจให้และยกให้เป็นตัวเต็ง “นางสาวไทย 2566” ที่ทำเอาเพื่อนสาวงามร้อนๆ หนาวๆ
วันนี้บันเทิง MGR ออนไลน์ มีโอกาสเปิดใจเบลล่าแบบ Exclusive ถึงกระแสที่เกิดขึ้น พร้อมถามความคิดเห็นส่วนตัว ถึง 10 เหตุผล ที่ทำให้ตนเองโดดเด่นจนเป็นตัวเต็งรอสวมมงฯ
“ข้อแรกเบลว่าเพราะเบลเป็น Fighter เบลเชื่อว่าการเป็น Fighter คือเริ่มมาจากข้างใจ เริ่มมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาประกวด มันเป็นไฟที่อยู่ข้างในเรา แล้วมันพุ่งออกมาให้คนอื่น ได้เห็นถึงความตั้งใจของเรา ความมุ่งมั่นของเราค่ะ
ข้อที่สองเบลเชื่อว่าเบลมี Passionate เรามุ่งมั่น เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน คนอื่นก็สามารถมองเห็นเป้าหมายเราได้ เขาถึงเห็นว่าเราเป็นตัวเต็งได้ค่ะ
ส่วนข้อสามเบลเชื่อว่าเป็น Compassion คือไม่หยุดที่จะพัฒนา ข้อสี่คือ Beauty inside และ outside ค่ะ คือเบลจะบอกว่าที่เบลมาประกวด เพราะว่าเบลชอบทำกิจกรรม และเบลเชื่อว่าอันนี้คือ Beauty Inside และ ความงามภายนอกคือสิ่งที่คนอื่นเห็นค่ะ
ข้อที่ห้าเบลเชื่อว่าคือ Strong เพราะทุกดรามา ไม่ว่าใครจะติ ว่า ชม เบลไม่คิดมาก คือเบลจะดูก่อนว่าเป็นคำอะไร แล้วก็จะเอามาปรับปรุง ถ้าเบลคิดว่าควรจะปรับปรุงค่ะ
ข้อที่หกเบลคิดว่า Fierce ก็คือแตกต่างจาก Strong นิดหนึ่ง คืออาจจะเป็นคำที่แรงกว่านิดหนึ่ง คือสามารถพุ่งเข้าไปในเป้าหมายได้ ไม่กลัวว่าจะสะดุดหรือว่าล้ม หรือว่าจะเจอปัญหาอะไร สามารถเดินข้ามมันได้แบบชิลล์ๆ ค่ะ
ส่วนข้อที่เจ็ดคือ Colourful มีความคิดหลากหลาย สามารถทำงานกับใครก็ได้ เป็นคนชิลล์ๆ เป็นคนอารมณ์ดี
ข้อที่แปดเบลเชื่อว่า open-minded คือการที่เราเปิดรับไอเดียใหม่ๆ และเปิดรับคนใหม่ๆ สามารถปรับตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมได้ง่ายค่ะ
ข้อที่เก้า เบลว่าเบลเป็นคน Flow การโฟลว์จะทำให้เบลทำงานง่ายขึ้น ทำให้เบลไม่คิดมาก ทำให้เบลทำงานแต่ละวันไม่เหนื่อย แล้วก็สบายใจค่ะ
ข้อสุดท้ายข้อที่สิบ เบลเชื่อว่าคือ Battery คือเบลอยากเล่าว่า ตอนที่เบลไปพัทลุง หลายคนถามว่าเบลเหนื่อยไหม ที่เบลไปถ่ายรูปกับแฟนๆ เพราะวันนั้นแฟนๆ เยอะมาก แต่เบลจะบอกว่าไม่เหนื่อยเลย เพราะเวลาเบลเจอผู้คนมากมาย มันคือแบตเตอรี่ มันมีพลังกับเบลมากๆ เลยค่ะ เวลาเบลเหนื่อยแล้วคนขอถ่ายรูป มันเป็นแบตเตอรี่ที่ทำให้เบลรู้สึกว่าเต็มขึ้นมาค่ะ”
เมื่อถามว่า อะไรที่ทำให้เบลล่าเหมาะสม และคู่ควรกับตำแหน่งนางสาวไทย 2566 เจ้าตัวก็บอกว่าเพราะตนเองตรงบริบทของเวทีนี้
“อย่างแรกเลยนะคะ เบลเชื่อว่าเป้าหมายของเบลมันชัดเจนมากๆ คือพอเบลรู้ว่านางสาวไทยปีนี้จะส่งไปต่อที่ Miss World ตั้งแต่เด็กๆ เบลเป็นคนชอบทำกิจกรรมมากๆ แล้ว Miss World ก็เน้นเรื่องโครงการ เน้นเรื่องการมีความสามารถที่หลากหลาย เบลก็รู้สึกว่าเบลตรงกับบริบทนี้ เช่น โมเดล การเล่นกีฬา การทำกิจกรรม การมีวัฒนธรรม อย่างการรำมโนราห์ เบลรู้สึกเบลครบและพร้อมมากค่ะ”
เป้าหมายต่อไปคือ Miss World
“แน่นอนค่ะ เพราะว่าเบลมาถึงจุดนี้แล้ว เบลเป็นนางสาวไทยจังหวัดพัทลุง เป้าหมายต่อไปก็คือ Miss World ค่ะ”
ความมั่นใจเกินร้อย เห็นภาพตัวเองมงฯ ลงแล้ว
“อยากจะบอกว่าเบลมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ มั่นใจทุกๆ วัน ยิ่งเข้ากองฯ คือยิ่งรู้สึกว่า ตัวเอง Passionate มากๆ เห็นเพื่อนๆ ก็มีความสุข ทุกอย่างมันลงตัว และเบลก็ดีใจมากๆ ค่ะ ตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนางสาวไทยจังหวัดพัทลุง คือเห็นภาพตัวเองแล้ว ว่าต้องมงฯ ลงแน่นอนค่ะ วันที่ 19 มีนาคม ก็จะทำเต็มที่ที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะทำให้เต็มที่ที่สุดค่ะ”
ถ้าคว้าตำแหน่งนางสาวไทยได้จริงๆ วินาทีนั้นคงร้องไห้บนเวที แค่พูดยังขนลุก
“เอาจริงๆ นะเบลร้องไห้ เพราะว่ามันคือภาพที่เบลเห็นตั้งแต่เด็กๆ เวลาที่เบลใส่มงกุฎ แล้วพอมันเป็นจริง ตอนนี้ยังขนลุกเลยค่ะ คือมันเป็นภาพที่เบลอยากให้มันเกิดมากๆ และเป็นภาพที่ทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ เขารอคอย เบลเองก็รอคอย เบลรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่สวยงามมากๆ และเบลก็สามารถจิตนาการได้ในตอนนี้ค่ะ คือครั้งนี้บอกเลยว่าแบบ…ไม่ได้มาเล่นๆ ค่ะ มาจริงๆ (ยิ้ม)”