วันนี้ (17 มี.ค.66) ภายหลังจากที่ “นายอนิวัติ ประถุมถิ่น”หรือ “นารา เครปกะเทย”พร้อม “ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์”ประธานเครือข่าย ทนายคลายทุกข์ ยื่นหนังสือต่อ “ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์”เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ช่วยไกล่เกลี่ยคืนเงินผู้เสียหายจากกล่องสุ่มและเปิดบิลหลายล้าน นาราพร้อมทนายเดชา ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวต่อสื่อมวลชน โดยนารามั่นใจจะใช้หนี้คืนได้หมดในเดือนพฤษภาคมนี้ ยืนยันไม่หนี พร้อมเดินหน้าสู้เพื่อใช้หนี้ อีกทั้งเคลียร์กรณีถูกพาดพิงว่าเปิดบัญชีม้า ระดมทุนขายเครป และต่างๆ นานา
ทนายเดชา : “วันนี้ผมพาน้องนารา เครปกะเทยมาพบกับท่านรัฐมนตรีโดยผ่านท่านเลขารัฐมนตรี ที่ผมพาน้องมา คือ มาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทโดยให้ท่านรัฐมนตรี มอบหมายให้ท่านเลขารัฐมนตรีเป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อคืนเงินให้กับลูกค้าทุกรายที่มีปัญหาเกี่ยวกับการซื้อกล่องสุ่ม และมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเปิดบิล
สองหลายคนสงสัยว่าการมาพบรัฐมนตรี เป็นการดึงคดีที่ผู้เสียหายมีการแจ้งความไว้หรือไม่ ตอบเลยว่าการดำเนินคดีอาญา หากเห็นว่านาราทำผิดกฎหมาย ผู้เสียหายดำเนินคดีได้ตามสิทธิ์เลย เราจะดึงคดีให้มันล่าช้า ไม่เกี่ยวเลย
สามเหตุที่ต้องมาพบที่กระทรวงยุติธรรม เพราะว่ากระทรวงยุติธรรมมีกรมคุ้มครองสิทธิ์ มีเจ้าพนักงานตามกฎหมายเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ย ที่นี่สามารถระงับข้อพิพาทก่อนฟ้องได้ในส่วนแพ่งโดยไม่จำเป็นต้องไปศาล กระทรวงยุติธรรมช่วยท่านได้ ส่วนคดีอาญา ผู้เสียหายหรือลูกค้ารายใดประสงค์ดำเนินตามกฎหมายก็ไปแจ้งความตามท้องที่ที่เกิดเหตุ ที่กองปราบปรามได้เต็มที่เลย แต่สำหรับใครที่ต้องการได้เงินในส่วนแพ่ง มาที่กระทรวงยุติธรรมได้เลย
คดีหลอกลวงทางคอมพิวเตอร์ วันนี้เป็นวันแรกที่มีกฎหมาย มาตรการปราบปรามเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีผลบังคับใช้วันนี้เลย ใครรับจ้างเปิดบัญชีม้า ติดคุก 3 ปี โฆษณาชวนเชื่อ 5 ปี มีคนถามว่านารามีการใช้ชื่อบัญชีม้าหรือไม่ เท่าที่สอบถามมาก็คือยังไม่มี ถ้ามีพยานหลักฐาน เอามา วันนี้มีกฎหมายบังคับใช้วันแรก”
ลั่นทำผิดก็สารภาพ ติดคุกแป๊บเดียว ให้ดูตัวอย่าง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”
“ผมได้บอกนาราไปแล้วว่าถ้ามาหาพี่แล้วต้องพูดความจริง ไม่ไปโกหกตอแหลอะไรไม่เอา จะพูดความจริงอะไร ทำผิดก็รับสารภาพไป ติดคุกแป๊บเดียวก็ออกมาแล้ว ดูอย่างคุณชูวิทย์สิ รับสารภาพติดคุกแป๊บเดียวไม่กี่ปีก็ออกมาเป็นคนดีของสังคม ผมก็บอกเขาให้ดูอย่างเฮียชูไว้ เข้าคุกแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ออกมา ไม่ต้องซีเรียสอะไร ถ้าเราทำผิดไม่ต้องสู้คดี ให้ดูเฮียชูไว้ ทำผิดรับสารภาพ ไม่ต้องสู้ เปลืองงบประมาณ เสียเวลาเจ้าหน้าที่ให้เขาได้ไปทำคดีอื่น แต่ถ้าใช้หนี้จบปุ๊บก็ไม่ต้องเข้าคุก”
นารา : “วันนี้ไม่ได้มาต่อสู้คดี อยากจะมาด้วยเจตนาของนาราให้ทุกคนได้รู้ว่านาราไม่หนี อยากจะเดินหน้าต่อสู้ใช้หนี้ให้กับเจ้าหนี้ทุกคน เริ่มแรกเลยที่นาราขายกล่องสุ่มเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จนวันที่ 3 ก.พ.ที่เกิดเรื่องที่ไม่ไหวกับการขายกล่องสุ่มนี้แล้ว มีผู้เสียหายอยู่ประมาณ 500 กว่าคน นารามีระยะเวลาเคลียร์กับผู้เสียหายตลอด จนเหลือหลักสิบ เมื่อวันที่ 7 มี.ค. มีผู้เสียหายบางคนที่เขารู้สึกไม่ยอม นาราก็ใช้วิธีผ่อนใช้ เพราะเขารอสินค้ามาเป็นเวลานานแล้ว เลยมีปากเสียงทะเลาะกันจนเกิดเป็นเรื่องราวจนถึงวันนี้ เรื่องราวของกล่องสุ่มทำให้เกิดผลกระทบต่อการขายของและการเปิดบิลที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้
นาราไม่มีเจตนาหลอกใครทั้งสิ้น สิ่งที่นาราทำอยู่คือการหาเงินเพื่อใช้หนี้ และหาเงินเพื่อที่จะนำต้นทุนตรงนี้มาซื้อของ และขายอย่างชัดเจนอย่างที่ทุกคนเห็นว่าระยะเวลาที่ให้คนมาเปิดบิลเราก็ขายของและแสดงออเดอร์ให้ทุกคนเห็นวันนี้ขายไปได้เท่าไหร่บ้าง ตลอดระยะเวลาเราแจ้งยอดขาย แจ้งยอดสต็อกสินค้า แต่เป็นเพราะเรื่องราวของกล่องสุ่มที่ลูกค้าไม่พอใจจึงทำให้เรื่องราวมันเป็นอย่างนี้ เลยทำให้มีปัญหากับการเปิดบิลกับตัวแทนนาราทั้งหมด
กล่องสุ่มเราขายตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท 50,000-100,000 สูงสุดอยู่ที่ 250,000 บาท มองว่าตรงนี้ทุกคนมองว่ามันเป็นกำไร ใครอยากได้ก็จะซื้อของเรา โดยเรามีระยะเวลาว่า 1-2 เดือนคุณจะได้สินค้า ที่ผ่านมามีหลายคนที่ได้ทองจริง แต่พอมันเกิดปัญหาเราก็คิดว่าเราจะต้องคืนเงินเขาทุกบาททุกสตางค์ เราก็ทำการเคลียร์ ใครได้กำไรไปแล้วเราก็จะไม่หักลบอะไรทั้งสิ้น แต่เพียงแค่ขอเวลาให้เราได้ใช้หนี้สิน อาจจะไม่มีเงินก้อนคืนทีเดียว แต่จะขอผ่อนคืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์
ถามว่าเราทำแล้วได้อะไร นาราขาดทุนนะ แต่เรารู้สึกว่าเราสามารถหามาได้ เวลา 1 เดือนที่เราได้เงินกล่องสุ่มมา เราเอาไปจัดแจง ขายของ แล้วเอาเงินตรงนี้มาคืนให้กับคนที่เล่น 1 เดือนได้ ตลอดระยะเวลาที่ทำมา7-8 เดือน นาราสามารถทำได้อย่างที่นาราพูด ถ้าเรียกเงินหมุนสำหรับหลายคนก็อาจจะใช่ แต่สำหรับเราเราเอามาลงทุนในบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เกิดกำไรขึ้นมากกว่าพูดตรงๆ เลย ที่ผ่านมาเราขายมาได้ดีตลอด แต่ที่ตัวเรารู้สึกไม่ไหวแล้วคือเราอยากคืนทีละคน แต่เคสแรกที่เราคืน เราไม่ได้ให้กำไรเขา เขาเลยรู้สึกไม่พอใจ ฉันรอมาตั้งนานแล้วแต่ทำไมฉันไม่ได้กำไร เขาก็เลยโพสต์จนกลายเป็นข่าว มันเลยทำให้คนอื่นกังวลว่าแล้วฉันจะได้ไหม เราก็เลยโอเค งั้นตอนนี้นาราขอยุติการขายกล่องสุ่มทั้งหมด ยุติการขาย ลูกค้าก็โอเค และยอมที่จะให้เราทยอยใช้คืน จาก 500 กว่าคน นาราใช้คืนมาตั้งแต่ 3 ก.พ. จนถึงปัจจุบัน ก็เหลือแค่หลัก 10 คนแล้ว เงินก็ประมาณหลักล้าน มันไม่หนักเท่ากับตอนแรกแล้ว
แต่จะมาหนักในเรื่องของเปิดบิล ที่เขามาเปิดบิลเป็นตัวแทน จะมีลูกค้าเยอะหน่อย แต่จะไม่มีผู้เสียหายหลักล้านเท่ากล่องสุ่ม จะเป็น 500-1,000 บาท สูงสุดคือ 500,000 บาท แต่นารายังไม่ได้คิดรวมค่าเสียหายของการเปิดบิลมันเท่าไหร่ แต่เราได้ทำตารางยอดเงินของแต่ละคนเพื่อทำการจัดแจงคืนเงินให้”
ขอให้เชื่อใจว่าตนส่งจริงๆ จะไม่ทรยศใคร
นารา : “เอาไปสต็อกสินค้า ทำสินค้าตัวใหม่ออกมา แล้วพูดตรงๆ คือส่วนนึงก็เอาไปจ่ายคนที่ติดกล่องสุ่มเก่าด้วย เราเอาเงินไปเปิดบิลจริงๆ ด้วย ถ้าขายหมดเราสามารถเยียวยาและใช้หนี้ผู้เสียหายที่มาเปิดบิลกับเราได้ แผนสำรองมีแล้ว แต่ขอเก็บไว้ก่อน เพราะมันยังไม่ชัดเจนและกระจ่าง ส่วนแผนที่จะทำตอนนี้หลายคนอาจจะหลงประเด็นในสิ่งที่คิดว่านาราจะไม่ส่งจริง ก็ขอความเห็นใจตรงนี้ว่าเชื่อหนูเถอะ หนูขายของจริง หนูส่งจริง ถ้าลูกค้าเข้าใจ นาราคิดว่าสินค้าของนาราจะไปได้ นาราทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ เชื่อว่าความจริงใจ ความไม่ทรยศใคร กับการที่นารามีความรับผิดชอบก็เชื่อว่าทุกคนจะมอบโอกาสให้กับนารา
ผู้เสียหายประมาณ 500 กว่าคน เรามีการจัดตารางคืนเงิน ให้พูดตรงๆ ถ้าจะให้คืนก้อนเดียวทุกคนพร้อมกัน นาราหาไม่ทัน เรามีการผ่อนคืนตามตาราง ซึ่งลูกค้าทุกคนได้ตารางของตัวเองไปแล้ว นาราก็ผ่อนมาเรื่อยๆ”
ยืนกรานไม่มีบัญชีม้า
นารา : “บอกเลยว่านาราไม่มีบัญชีม้า รู้สึกว่าการที่เรามีบัญชีม้ามันไม่ได้ทำให้เรารอดพ้น หรือหลีกเลี่ยงอะไรได้ เพราะในเมื่อเราทำแล้วบัญชีเราก็ต้องเป็นบัญชีเรา ถ้าเราใช้บัญชีม้ามันเป็นการทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว เราไม่อยากจะทำ การจะโอนเงินไปให้คนอื่น หรือหลีกเลี่ยงไปโอนเงิน นาราไม่ทำ ทุกคนสามารถเช็คได้เลยว่าทุกคนที่โอนเงินมาให้จะเป็นชื่อบัญชีของนาราเท่านั้น ไม่มีชื่อบัญชีคนอื่นเลย”
มีการอ้างชื่อ เป็นอักษรย่อ นาราไม่รู้จักใครเลย ทุกคนดูได้เลยว่าตัวอักษร ที่พิมพ์ นาราเป็นคนพิมพ์ผิดอยู่แล้ว เขาจะมีการตัดต่อ ดัดแปลง ใส่สีเติมแต่ง ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด อยากจะบอกทุกคนที่อ่านเพจนี้มันไม่ใช่ข้อมูลจริงของนาราเลย อย่าไปหลงเชื่อ”
โต้เอาเงินจากกล่องสุ่มไปลงทุนคริปโต ลงทุนเงินออนไลน์ต่างประเทศ
นารา : “ไม่มีทั้งสิ้น สามารถเช็กได้เลย จะบอกว่าถ้านารามีเงินจริง คงไม่มายืนพูดอยู่ตรงนี้ ถ้าสมมตินารามีคริปโตสัก 100 ล้าน นาราจะไปแลกมาเป็นเงินแล้วเอามาใช้หนี้ทุกคนดีกว่า นาราจะได้อยู่อย่างมีความสุข ทุกวันนี้กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ เครียดไปหมด พยายามใช้แรงตัวเองมาขายของเพื่อใช้หนี้ในทุกวัน ต้องหาเงินมาคืนลูกค้าให้ได้”
ตอนนี้ไม่เหลือทรัพย์สินแล้ว
นารา : “ทุกวันนี้ทรัพย์สินของนาราไม่เหลืออะไรแล้ว นาราทำทุกอย่างเพื่อหาเงินใช้หนี้ทุกคนให้หมด รถขายแล้ว รถสีเหลืองก็ขายไปแล้ว นาฬิกาจำนำขายไปหมดแล้ว บ้านของคุณแม่ที่ทุกคนเห็น คุณแม่หนูก็เอาไปเข้าธนาคารออมสินแล้วเพื่อที่จะช่วยใช้หนี้ลูกค้าทุกคนที่เปิดบิลกับนารา ในส่วนบ้านของนาราเองก็เอาเข้าธนาคารไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็รอผลว่าจะได้วันไหน วันที่ได้มาก็คืนเงินให้ลูกค้าทุกบาททุกสตางค์เลยค่ะ ตอนนี้นาราก็ไม่เหลืออะไรเลย”
ยันถูกตัดต่อระดมทุนขายเครป
นารา : “อันนั้นตัดต่อ เครปนาราเปิดขายจริง แต่การระดมทุนเขาเอาไปตัดต่อว่าเราระดมทุน ตอนนี้ที่กลับมาเปิดร้านเครปกำไรอาจจะได้ไม่เยอะ แต่ถ้าอย่างน้อยเราขายทุกวัน เงิน 100,000 บาทเราก็สามารถเอาไปใช้หนี้ได้ นาราขยัน จะทำทุกอย่าง นาราจะหาเงินทุกทางเพื่อให้เราได้เอาเงินมาใช้หนี้ตรงนี้ วันๆ นึงตอนนี้สามารถใช้หนี้ได้ 10-20 คน
อยากยืนยันกับทุกคนว่านาราไม่หนีแน่นอน และอยากจะขอเวลาให้ได้ทำมาหากิน ถ้านาราพอจะทำมาหากินได้ นาราสามารถใช้หนี้คืนทุกคนได้จนครบทุกบาททุกสตางค์ ให้โอกาสนารานิดเดียว ถ้านาราทำไม่ได้จริงๆ นาราจะหนีไปตั้งแต่วันแรกแล้ว แต่ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้เราสู้มาตลอด ใช้ตามตรงมาตลอด ขอเวลาให้นาราหน่อย ให้นาราได้ตั้งสติ ให้เวลากับสังคมได้ลืมเรื่องราวต่างๆ เพื่อให้เขาให้โอกาสเราว่าเราทำได้”
มั่นใจพ.ค. ใช้หนี้หมดแน่นอน
นารา : “ตอบแบบคนดวงดีนะ พ.ค. คือหมด”
เคยโดนเรื่องเว็บพนัน เป็นบทเรียนที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
นารา : “หลายๆ คนจะรู้ว่าเราโดนในเรื่องของเว็บพนันมาแล้ว มันเป็นบทเรียนให้นาราแล้ว นาราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ขอยืนยันตรงนี้ว่านาราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะไปเล่นพนัน หรือทำธุรกิจพนันทั้งสิ้นค่ะ ส่วนที่เราท้าให้ฟ้อง อันนี้ต้องยอมรับว่าจริงอย่างที่เขาพูด เราเป็นคนอารมณ์ร้อน ด้วยความที่เราเป็นเด็ก นาราอายุ 23 ปี เขาก็อารมณ์ร้อนเลยมีปากเสียงกัน ตอนนี้เราตั้งสติตัวเองได้ และขอโทษไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งเขาก็ให้อภัยและให้โอกาสเราได้แก้ไขตัวเอง เราผิดที่เราใช้อารมณ์ในการตัดสิน
จะจำไว้เป็นบทเรียน และจะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีก นาราอยากจะขอโทษใครก็ตามที่นาราพูดอะไรไม่ดีออกไปแล้ว หรือทำอะไรผิดพลาดตรงไหนไป เด็กคนนี้ก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ สัญญาว่าจะควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองให้ดี จะใช้สติในการแก้ไขปัญหา และจะไม่ทำให้ปัญหาเดิมๆ เกิดขึ้นอีกค่ะ”
ด้านว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตนได้รับการประสานจากทนายเดชาในประเด็นที่นารามีการโพสต์ขายกล่องสุ่ม และวันนี้จากการพูดคุยกับนารา ทราบว่ามีจำนวนเงินค้างอยู่ แต่วงเงินไม่เกิน 12 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มีการแยกย่อยคนที่เข้ามาซื้อกล่องสุ่ม เนื่องจากแต่ละรายซื้อในเรตราคาไม่เท่ากัน โดยทางกระทรวงยุติธรรมจะเป็นตัวกลางในการเจรจากับผู้เสียหาย หากผู้เสียหายเข้ามาพบ เจ้าหน้าที่กระทรวงก็จะนัดหมายกับคู่กรณีเพื่อมาทำบันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหาย
โดยจะต้องทำเป็นสัญญาชดใช้ค่าเสียหาย หากผิดสัญญาก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเช่นกัน ซึ่งตามกฎหมายการไกล่เกลี่ยของกระทรวงยุติธรรมแล้ว ความเสียหายต้องไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือผู้เสียหายสามารถติดต่อศูนย์ไกล่เกลี่ยภาคเอกชนได้ ซึ่งวงเงินความเสียหายไม่เกิน 5 แสนบาทต่อราย และจะทำให้คดีต่างๆ มีความรวดเร็วและผู้เสียหายได้เงินเร็วขึ้น ซึ่งหากผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้วก็จะทำเรื่องต่อศาลให้บังคับคดีได้ทันที
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวอีกว่า ตนได้สอบถามนาราไปว่ามีผู้เสียหายเท่าไร ก็ขอให้เอารายชื่อผู้เสียหายเข้ามามอบให้กับเจ้าหน้าที่ จากนั้นกระทรวงฯ จะดำเนินการนัดหมายเพื่อไกล่เกลี่ย ซึ่งนารามีความตั้งใจดีเพื่อบรรเทาความเสียหาย โดยเบื้องต้นมีมูลค่าความเสียหายที่นาราต้องชดใช้ในกรณีของกล่องสุ่ม ประมาณ 12 ล้านบาท จำนวน 98 คน นอกจากนี้ ทางผู้เสียหายสามารถยื่นความประสงค์ผ่านทางออนไลน์ของกรมคุ้มครองสิทธิฯ ได้ โดยกรอกข้อมูลไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะประสานไปยังผู้เสียหายที่ได้บันทึกข้อมูล
ตนเชื่อว่าทุกคนอยากได้เงินคืน ส่วนทางนาราจะคืนเมื่อไหร่ หากจำนวนยอดเงินมาก นาราก็สามารถผ่อนจ่าย ทยอยคืนตามลำดับ หากยอดน้อย นาราก็สามารถจ่ายเต็มจำนวนให้ผู้เสียหานได้เลย อยู่ที่การตกลงระหว่างกัน ทั้งนี้ ในวันที่มีการทำบันทึกข้อตกลงไกล่เกลี่ยนั้น ทั้งผู้เสียหายและคู่กรณีจะต้องมาพร้อมหน้ากันเพื่อทำการตกลงต่อหน้าเจ้าพนักงาน
