“แซน วิศาพัช” ลั่นฟ้องกลับแม๊เพราะอยากให้รู้ว่าทำเกินไปมาก แจกหลักฐานเท็จหน้าศาล จากนี้ไม่ต้องคุย ลั่น 1 ปีถูกสังคมตัดสินไม่ยุติธรรมไม่เครียด “ปอ-โรเบิร์ต” สารภาพ สิ่งที่พูดเป็นความจริง และขอให้เชื่อด้วย ย้ำจะโกหกสังคมทำไม
หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา “คุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน” คุณแม่ของนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์”ได้เดินทางไปที่ศาลจ.นนทบุรี เพื่อตรวจสอบพยานหลักฐานก่อนที่จะมีคำสั่งนัดหมายพิจารณาคดีต่อไป ซึ่งทางคุณแม่ได้เผยว่ามีคลิปหลักฐานใหม่จากกล้องหน้ารถของแตงโมมายื่นต่อศาล เป็นเหตุให้มีการเรียกค่าชดเชยเยียวยาเพิ่มจากฝ่ายจำเลยอีก 40.8 ล้านบาท
ล่าสุดทาง “แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์” 1 ในจำเลยในคดี พร้อมทั้ง "ทนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์"ได้มาเปิดใจถึงเรื่องนี้ในรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ณ อาร์เอส กรุ๊ป ถนนประเสริฐมนูกิจ บอกว่าสาเหตุที่ตนต้องฟ้องกลับคุณแม่ เพราะอีกฝ่ายไปบอกกับสื่อว่าตนไปข่มขู่พนักงานอัยการ ถือว่าเป็นการกระทำที่เกินไปมากสำหรับตน ทำให้ตนต้องฟ้องกลับคุณแม่เช่นกัน
ทนาย : “จริงๆ เรื่องราวไม่มีอะไรนะครับ เพียงแต่ว่าเรื่องที่แซนเขารู้สึกว่าโดนโต้แย้งสิทธิ และเรื่องที่มันมีการสื่อสารออกไป มันแรงเกินไปกว่าที่แซนเขาจะรับได้ เพราะว่ามันเป็นเรื่องของการละเมิดศาล ไปข่มขู่พยานหรืออะไรต่างๆ ก็เลยเป็นเหตุผลที่ต้องยื่นฟ้องครับ”
แซน : “จุดที่ต้องฟ้องกลับคือตรงที่คุณแม่แจกหลักฐานเท็จอยู่หน้าศาลค่ะ อันนั้นคือไม่ไหวแล้ว เกินไปแล้วค่ะ”
ทนาย : “คือเป็นหลักฐานที่ระบุชัดเจนเลยว่าแซนข่มขู่พนักงานอัยการ ระบุว่าคุณแซนยุ่งกับพยานหลักฐาน และละเมิดอำนาจศาล คือชัดเลย ระบุเลยครับ รวมทั้งกระติก อิจศรินทร์กับพวกครับ”
แซน : “ถามว่าได้มีการพูดคุยกับคุณแม่ก่อนไหม แซนว่าแซนไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแม่แล้วล่ะค่ะ และในส่วนหลักฐานของเรา เราก็มั่นใจค่ะ”
ทนาย : “คือพยานหลักฐานชัดมากโดยเอกสารอยู่แล้วครับ”
แซน : “ชัดเจนค่ะ เนื้อหาที่วันนั้นสื่อได้อ่านออกไป”
ทนาย : “เราทราบหลังจากสื่ออ่านด้วยซ้ำ เพราะว่าวันที่คุณแม่แจกเอกสารคือผมกับคุณแซนอยู่ในห้องพิจารณาคดี เรามาทราบจากสื่อภายหลัง ก็เลยลองตามดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็เลยได้ทราบว่ามีการแจกเอกสารครับ”
แซน : “ซึ่งแซนมาทราบทีหลัง ก็เลยไม่คิดที่จะต้องคุยแล้วล่ะค่ะ”
ทนาย : “คือตอนนี้เรายื่นฟ้องต่อศาลไป ศาลท่านรับคดีไว้ครับ อยู่ระหว่างการส่งหมายไป ศาลท่านนัดไต่สวนมูลฟ้อง 22 พ.ค. 13.30 น. ครับ คือคุณแม่เขาเคยทำหนังสือมอบอำนาจให้ประธานชมรมไปทำการยื่นฟ้องคดีคนบนเรือเรื่องฆาตกรรม อันนั้นแหละครับที่คุณแซนบอกจะเรียก 40.8 ล้าน แต่ที่เราเพิ่งฟ้องไปเป็นเรื่องการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เป็นเรื่องเอกสารที่คุณแม่แจกครับ คดีนี้คุณแซนเขาไม่เรียกเงินในคดีแพ่ง แต่เอาเป็นคดีอาญาอย่างเดียว”
แซน : “แซนแค่อยากให้คุณแม่รู้สึกว่าสิ่งที่คุณแม่ทำไปมันไม่ถูกต้อง มันเกินไปเยอะเลยค่ะ แค่นั้นเลยค่ะ”
เผยจากนี้ไม่ขอคุยกับคุณแม่แล้ว ขอให้คุยกับทนายแทน
แซน : “ล่าสุดที่ได้คุยกับคุณแม่เป็นตอนช่วงปีใหม่ ก็มีชวนไปร้องเพลง แล้วก็ไม่ได้คุยเลยค่ะ แต่ความรู้สึกที่มีต่อคุณแม่ตอนนี้ ก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นคุณแม่โมเหมือนเดิมค่ะ ถ้าคุณแม่จะขอพูดคุยหลังจากนี้เหรอ แซนว่าคุยกับพี่ตุ๋ย (ทนาย) แทนได้ไหมคะ แซนไม่สะดวกใจแล้วค่ะ ถ้าเรื่องยอมความ ก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันนะคะ”
ทนาย : “ดูเจตนาหลายๆ อย่างกับสิ่งที่เสนอพฤติการการกระทำ อีกทั้งคดีเดิมที่ศาลจ.นนทบุรี เราต้องดูหลายๆ อย่างเพื่อประกอบกันครับ ถ้าเงื่อนไขดี คุณแม่เข้าใจ แล้วเราค่อยมาพิจารณาเรื่องเงื่อนไขครับ”
แซน : “ถามว่าหนักใจไหมที่คุณแม่เข้ามามีส่วนร่วม ไม่เลยค่ะ”
ทนาย : “ผมจะใช้สิทธิในการคัดค้านเต็มที่ในทุกทางที่คุณแม่ยื่นเข้ามา เนื่องจากคุณแม่ใช้สิทธิตามอำเภอใจเกินไป กฎหมายเขาคุ้มครองทุกคน รวมทั้งจำเลยหรือผู้ต้องหาในคดีด้วย และเหมือนที่น้องแซนเคยพูดว่าความยุติธรรมมีไว้สำหรับทุกคนครับ แต่คุณแม่ก็มีสิทธิเข้าไปมีส่วนร่วมได้ครับ แต่คุณแม่เป็นโจทก์ร่วมในคดีเดิมไว้แล้วนี่ครับ จะมายื่นใหม่ก็ยังมีสิทธิอยู่ครับ เพียงแต่ที่เรียนว่าเมื่อคุณแม่ใช้สิทธิ ตัวจำเลยเองก็มีสิทธิที่จะโต้แย้งตามกระบวนการ ทุกคนก็ใช้สิทธิไปตามกระบวนการเลย และให้ศาลท่านพิจารณาครับ”
เผยไม่ค่อยได้คุยกับ “ปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์” และ “โรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์” แต่ไม่เครียดที่ทั้งสองคนรับสารภาพ
ทนาย : “ถ้าศาลท่านตัดสินรอลงอาญา คุณแม่ยังใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ในคดีอาญาได้นะครับสำหรับคุณปอและคุณโรเบิร์ต อันนี้คือสิทธิตามกฎหมายเลย ยังใช้สิทธิได้อยู่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณแม่จะดำเนินการหรือเปล่าในสิทธิทางอาญา ส่วนทางแพ่งตามที่เป็นข่าว เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความไปแล้ว มันจะต้องยุติตามนั้น แต่คุณแม่อาจจะโต้แย้ง ก็เป็นเรื่องที่คุณแม่จะใช้สิทธิ แต่ส่วนตัวผมมองว่าไม่ได้แล้วครับ ไม่น่าเรียกเพิ่มได้ครับ”
แซน : “ถามว่าได้คุยกันบ้างไหม ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ แต่ไม่ได้เครียดอะไรเลยค่ะ แค่เหนื่อยกับการไปศาล คือตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมาที่แซนถูกสังคมชี้ว่าเป็นผู้กระทำผิด แซนคิดว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมเลยนะคะกับการตัดสินใจจากการที่ดูสื่อและฟังสื่อ และสรุปตัดสินโดยไม่รอผลจากศาล แล้วมาต่อว่าแซนด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลายอย่างมากค่ะ แซนก็รู้สึกไม่ดีนะคะ แต่หลังๆ ก็เริ่มที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ พวกนั้นได้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันนะคะ ไม่ค่อยได้ให้ค่ากับความเห็นหยาบๆ พวกนั้น
เพราะว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องแก้ไขไปตามขั้นตอนค่ะ ถามว่าที่ผ่านมาเราไฝว์อยู่คนเดียว แต่คนอื่นไม่ค่อยทำอะไรมาก อันนี้แซนก็ไม่ทราบว่าทำไมนะคะ แต่แซนเป็นคนเก็บอะไรไม่ค่อยอยู่ ถ้าเราไม่ผิด ถ้าเรารู้สึกว่าไม่โอเคกับความเห็นเรื่องนั้น เราก็ต้องออกมาบอกจากมุมเราบ้าง แต่ก็ได้คุยกับพี่กระติกตลอดค่ะ เรื่องที่คุณแม่บอกว่ามีคลิปหน้ารถในเรื่องนี้ไม่มีใครกังวลเลยค่ะ แซนไม่ทราบว่าคุณแม่มีหลักฐานอะไรด้วยซ้ำนะคะ ไปงัดมาจากไหนอีกแต่ถามว่าเป็นหลักฐานที่มีอยู่แล้วไหม แซนไม่ทราบรายละเอียดเชิงลึกค่ะ แต่เรารู้ความจริงว่ามันคืออะไร เราก็เลยไม่ได้กังวลอะไร”
ทนาย : “คลิปนี้มีอยู่ในสำนวนคดีเรียบร้อยแล้วครับตั้งแต่แรก เนื่องจากว่าทนายทุกคนไปคัดถ่ายเอกสารในสำนวนคดีเดิมไว้ รวมทั้งคลิปนี้ด้วย เราก็ต้องมานั่งไล่ดู เพราะมีเอกสารจำนวนมากครับ เยอะพอสมควร ต้องเรียนว่ามีอยู่แล้ว แต่ส่วนที่ถามว่ามีใหม่นอกเหนือจากสำนวนหรือเปล่า ก็ต้องมาดูกันว่าแตกต่างไหม แต่ถ้าเป็นตัวเดิมก็คืออยู่ในสำนวน ผมว่าคุณแม่คงใช้สิทธิให้เต็มที่ที่คุณแม่ต้องการครับ เชื่อว่าอย่างนั้นครับ ก็ไม่ได้กังวลครับ ก็ทำหน้าที่ปกติทุกอย่างเลยครับ คุณแม่ยื่นอะไรมา ผมก็ค้านไปตามกระบวนการหรือสิทธิของจำเลยที่มีในศาลครับ”
แซน : “แต่แซนเป็นห่วงคุณแม่มากกว่านะคะ ที่ออกมายื่นหลักฐานไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ เป็นห่วงว่าเดี๋ยวคุณแม่จะต้องไปนั่งอธิบายในรายการเท็จทอล์กหรือเปล่า”
บอกไม่เคยโกรธคุณแม่ แต่ถ้าจะขอไกล่เกลี่ย ก็คงต้องคุยกันอีกที
แซน : “คุณแม่ชมว่าแซนสวยเหรอคะ ขอบคุณค่ะคุณแม่ (หัวเราะ) คุณแม่สวยกว่าค่ะ แต่ถามว่าจะมีโอกาสไกล่เกลี่ยไหม ให้คุยกับพี่ตุ๋ยเลยค่ะ แซนไม่คุยกับคุณแม่แล้วค่ะ แซนไม่ค่อยสบายใจค่ะ เกรงใจคุณแม่ด้วย กลัวคุณแม่ลำบาก”
ทนาย : “จริงๆ ก็สามารถไกล่เกลี่ยได้ครับ เพราะที่เราฟ้องคุณแม่ไปเป็นเรื่องยอมความได้ สามารถไกล่เกลี่ยได้ตลอดเวลา ไม่เหมือนกับคดีการแจ้งความกับพนักงานสอบสวน จะแตกต่างกันครับ”
แซน : “แซนไม่เคยโกรธคุณแม่อยู่แล้วนะคะ แต่เรื่องนี้แซนคิดว่ามันเกินไป ก็เลยอยากให้คุณแม่รู้ว่ามันเกินไปจริงๆ แค่นั้นเองค่ะ แซนไม่เคยโกรธ ไม่เคยรู้สึกอะไรไม่ดีกับท่าน ก็ยังนับถือคุณแม่เหมือนเดิมค่ะ แต่จากนี้ก็ให้ทางทนายจัดการดีกว่าค่ะ วันนี้ในรายกายก็จะพูดทุกอย่างชัดเจนนะคะ แต่ก็ขอให้เชื่อกันด้วยนะคะ เพราะว่าแซนไม่มีเหตผลที่จะต้องโกหกค่ะ
แต่ถ้าใครยังไม่เชื่อก็ไม่ต้องออกความเห็นในพื้นที่ส่วนตัวแซนนะคะ เพราะรู้สึกว่าทำไมรู้ดีกว่าเราล่ะ อยู่บนเรือเหรอ แล้วเราจะโกหกทำไม เขาควรจะต้องคิดถึงตรรกะ และเหตุผล หลักความเป็นจริงก่อนเลย พื้นฐานง่ายๆ ว่าแซนจะโกหกทำไม โกหกแล้วได้อะไรแค่นั้นเลยค่ะ จะฟ้องชาวเน็ตไหมเหรอ เหนื่อยกับการขึ้นศาลแล้วค่ะ พอแล้ว(หัวเราะ)”