xs
xsm
sm
md
lg

“แพททริคอนันดา” ยันไม่เคยทำร้ายร่างกายแฟนเก่า ผิดเองพูดให้ความหวัง แต่ไม่ควรบิดเบือนความจริงขนาดนี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“แพททริคอนันดา” รับสาวปริศนแฉว่าถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจนต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นอดีตคนรักของตนจริง แต่ตนไม่เคยทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย รับผิดทำให้เสียใจเพราะคำพูดให้ความหวัง ไม่โกรธที่ถูกใส่ร้าย แต่ไม่จำเป็นต้องบิดเบือนความจริงแบบนี้

หลังจากที่นักร้องหนุ่ม “แพรทริคอนันดา” (Patrickananda) หรือ “แพททริค อนันดา ชื่นสมทรง” เจ้าของเพลงฮิต “คนไกล” ถูกสาวปริศนาออกมาแอบอ้างแฉว่าถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจนต้องเข้าโรงพยาบาล จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทย #patrickananda

โดยวันนี้ (9 มี.ค.66) แพททริค พร้อมด้วย “คาล คงขำ” กรรมการผู้จัดการบริษัทวอร์นเนอร์ มิวสิค ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเผยว่าทางค่ายไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ตัดสินแพททริค จึงเปิดโอกาสให้แพททริคได้เล่าเรื่องราวในมุมของตน ดังนี้…

“ผมขอแบ่งเป็นส่วนนะครับ ส่วนแรกเรื่องของการคบหากันกับอีกฝ่ายนึงว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ส่วนที่สองเรื่องคลิปกับการทำร้ายร่างกายที่เขาพูดถึงผมที่เขาโพสต์ แล้วก็ส่วนที่สามก็คือเรื่องของการทำร้ายจิตใจ

เรื่องแรกเรื่องการคบหากัน เคยคบหากันจริง เป็นการคบที่ไม่เคยปิดบังเลย เราคบหากันช่วงที่ผมเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เกือบๆ 4 ปีที่คบหาดูใจกัน เพื่อนๆ ครอบครัวทราบดีครับ แต่ว่าในระยะ 2 ปีที่ผ่านมาที่เขาพูดถึง คือระยะที่เราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว แต่ว่าเราก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน แล้วก็มีความสัมพันธ์ที่เป็นเพื่อน มีหลายช่วงมากๆ สลับกันไป เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากๆ แล้วก็มีหลายอย่างที่เกิดขึ้นนะครับ”

ในส่วนที่สอง คลิปทำร้ายร่างกาย ยันตนไม่เคยทำร้ายร่างกาย หรือเคยใช้ความรุนแรงกับอดีตแฟนเลย และตนก็ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงด้วย
“ผมไม่เคยใช้ความรุนแรงหรือทำร้ายร่างกายผู้หญิงหรือว่าใครเลย ผมไม่เคยทำร้ายร่างกายใครทั้งสิ้น ผมไม่สนับสนุนความรุนแรงแล้วก็ไม่เคยทำร้ายร่างกายผู้หญิงครับ ในส่วนของคลิปและแคปชั่นที่ว่าผมทำร้ายร่างกาย ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องจริงครับ ในคลิปนั้นเป็นคลิปที่เกิดขึ้นนานแล้ว เป็นคลิปเก่าเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ณ วันนั้นที่คลิปลงผมไม่ได้อยู่นั่น ผมอยู่สตูดิโอ ผมทำเพลงอยู่ ไม่ใช่เหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ไม่ใช่ที่เกิดขึ้น ณ เวลาที่เขาลง คลิปนั้นเป็นคลิปเก่า ซึ่งไม่มีความรุนแรง ไม่มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นในคลิปนั้นหรือว่าในเหตุการณ์นั้นเลย คลิปนั้นน่าจะได้เห็นกันแล้วว่ามี 2 วินาที มันมีเหตุการณ์มากกว่านั้นที่มากกว่า 2 วินาที แล้วผมก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

เรื่องในคลิปเขามาหาผมที่คอนโด แล้วก็อยากจะพูดคุยด้วย เวลาประมาณตอนเช้าประมาณ ตี 5 ถึง 6 โมงเช้า แต่ผมก็บอกเขาว่าทำไมไม่นัดมาก่อน เพราะผมง่วงนอนและมันไม่ใช่เวลาที่ปกติผมจะตื่น แล้วที่มีการถ่ายหรือปัดกล้อง เพราะว่าผมเอากุญแจรถเขามา เพราะผมไม่อยากให้เขาขับรถ ตอนนั้นเขาจะกลับบ้านแต่ว่าผมบอกเขาว่าผมไม่อยากให้เขากลับ ไม่อยากให้เขาขับเอง เพราะเขาอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้อต่อการขับขี่ยานพาหนะ

ผมเลยบอกว่าเราขอกุญแจเธอนะ แล้วไม่คืนด้วยเพราะว่าไม่อยากให้ขับรถ ผมเลยบอกว่าผมไม่ให้กุญแจนะ เดี๋ยวขอโทร.หาคุณแม่ให้มารับแล้วกันถึงจะคืนกุญแจให้ แต่ทีนี้มีปากเสียงกันนิดน่อยที่เขาไม่ได้อยากให้คุณแม่มารับหรือมารู้เกี่ยวกับตรงนี้ แต่ผมก็ยืนยันว่าผมจะไม่ให้เขาขับเอง ก็เลยมีการไม่พอใจนิดหน่อย แต่ไม่มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว แล้วคุณแม่เขาก็มารับเขากลับ

ประเด็นที่ 3 ทำร้ายจิตใจ “แพททริคอนันดา” ยอมรับผิดเองที่ในวันนั้นคำพูดของตนอาจจะทำให้อดีตแฟนสาวเข้าใจผิด คิดว่าตนไปให้ความหวัง
“ผมแค่ถามแล้วก็พูด ผมบอกว่าผมอยากพูดกับเขา ให้กำลังใจเขา ผมเลยพูดเรื่องเก่าๆ เรื่องที่เราเคยคบกัน เขาพูดถึงความเหนื่อยล้าในการทำงาน ผมก็พูดให้กำลังใจว่าจริงๆ เขาเป็นคนเก่งนะ เขาเป็นคนที่เข้าใจเรื่องเพลงมากๆ เป็นคนน่ารัก มุ่งมั่น ในตอนนั้นเขาเป็นแฟนที่ดีนะ ผมชื่นชมเขาในหลายๆ อย่างไป การรีแอ็กของผมไปพูดให้เขารู้สึกไม่ดี ไปให้ความหวังเขา เขารู้สึกไม่โอเคเลย

ตัวผมเองพอเขาทักมา ผมก็นึกว่าเขาโอเคแล้ว ไม่ได้โกรธเคืองกันแล้ว ทำใจได้แล้ว แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น ถือว่าผมคิดไปเองแล้วกัน แล้วผมก็รูัสึกผิดตรงนี้ด้วย ผมขอโทษจริงๆ ที่ผมไม่รู้ว่าเขายังไม่โอเค แต่ที่ผมพูดออกไปอย่างนั้นเพราะผมรู้สึกจริงๆ เราไม่ได้อยากจะเล่นกับความรู้สึกของเขา ไม่ได้ต้องการพูดเพื่อง้อให้เขากลับมา พอเขาบอกว่าเขารู้สึกไม่ดี ผมเองก็เข้าใจได้นะ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกมันพูดยาก ผมก็พยายามขอโทษเขา ผมไม่ได้อยากให้ความหวังเขา ก่อนเหตุการณ์นี้เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้แล้ว”

คาดที่อดีตแฟนโพสต์แบบนั้นเพราะโกรธกับคำพูดตนที่อาจจะทำให้รู้สึกว่าให้ความหวังที่ตน ซึ่ง “แพททริค” ยืนยันว่าพูดจากความรู้สึก แต่ไม่ได้เจตนาจะให้ความหวังอีกฝ่าย
“เขาแค่ไม่แฮปปี้ที่ผมพูดอย่างนั้น เหมือนผมไปให้ความหวังเขา ผมพยายามอธิบายแล้วว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ถ้าผมไปก้าวก่ายผมขอโทษจริงๆ จากนั้นก็มีการทะเลาะกันนิดหน่อย เขาก็พยายามบอกว่าจริง ๆแล้วผมไม่ควรจะพูดอย่างนี้ เพราะเขาเองก็พยายามจะจบแล้ว

ผมเองเป็นคนพูดจาแบบนี้จริงๆ ผมคิดอะไรผมก็พูด แล้วคนเคยรู้สึกดีต่อกัน มันก็อยากจะพูดอะไรดีๆ ให้เขาฟัง แต่ผมอาจจะผิดตรงที่ผมไม่ได้นึกถึงความรู้สึกเขา ว่าเราพูดไปแล้วมันจะทำให้เขานึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่ทำให้เขาเจ็บปวด ผมเองก็พยายามขอโทษ แต่เรื่องราวมันก็ไม่ได้เย็นลงเท่าที่ผมพยายามจะทำให้มันเย็นลง ผมต้องบอกครับว่าเขามีสภาพจิตใจที่เปราะบาง เขารักผมมาก ผมแค่ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ที่จะทำให้เขารู้สึกแย่”

ไม่โทษอดีตแฟนที่ทำแบบน้้น อาจจะเป็นที่ตนมากกว่าที่ไม่เข้าใจอีกฝ่ายเท่าที่ควร บอก 2 ปีที่เลิกกันไป ยังวนมาเจอกันและในบางช่วงอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน
“ไม่ครับ ผมมองว่าเป็นที่ผมที่ไม่เข้าใจเขามากเท่าที่ควร มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเคยทำให้เขารู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทะเลาะกันเรื่องนึ้หลังจากที่เราเลิกกัน ผมจะเป็นคนที่พูดสิ่งดีๆกับเขาเสมอแม้ในวันที่เราเลิกกันแล้ว บางทีอาจจะพูดเยอะเกินไปด้วย ผมเคยพูดว่าคิดถึงนะ ยังรักและห่วงใยเสมอ ซึ่งผมคิดอย่างนั้นจริงๆ ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาที่เราไม่ได้คบกัน แต่ผมไม่เคยคิดที่จะเล่นกับความรู้สึกเขาเลย แต่ผมเป็นคนที่พูดจาแบบนี้จริงๆ ไม่ว่าเราจะไม่ได้คบกันแล้ว เราต่างคนต่างมีคนใหม่กันแล้ว แต่สุดท้ายเราก็วนมาเจอกันอยู่ดี และทุกครั้งที่เราวนกลับมาเจอกัน ผมก็จะพูดแต่สิ่งดีๆที่ผมรู้สึกกับเขา เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกจริงๆ

เรามีปากเสียงกันเสมอ แต่ผมไม่เคยลงไม้ลงมือ ผมอาจจะเคยเป็นคนที่อารมณ์ร้อน สมัยอายุ 19-20 ปี แต่ตอนนี้ผมอายุ 25 ปีแล้ว ผมไม่ใช่คนอารมณ์ร้อน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ณ ตอนนั้นที่ผมเด็ก เวลาทะเลาะกัน มีปากเสียงกัน ผมไม่เคยลงไม้ลงมือกับเขาเลย หรือกับผู้หญิงคนไหน หรือใครก็แล้วแต่ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น”

คิดว่าอดีตแฟนมีเหตุผลในการใส่ร้ายตนแบบนี้ ลั่นสิ่งที่อีกฝ่ายโพสต์ไม่ใช่ตนเลย
“ผมคิดว่า…เขาน่าจะมีเหตุผลของเขา ด้วยความที่สภาพจิตใจเขาไม่ได้แข็งแรง เขามีสภาพจิตใจที่เปราะบางมากๆ แต่เขาไม่ใช่คนไม่ดี เขาเป็นคนน่ารัก เรารู้จักกันมาหลายปีมาก มันอาจจะเป็นอะไรบางอย่างที่ผมพูดแล้วไปสะกิดใจเขาให้เขารู้สึกไม่ดี อาจจะโมโห ก็เลยโพสต์ไป ผมมั่นใจว่าเขาไม่มีหลักฐานที่ผมไปทำร้ายร่างกายเขา ผมไม่เคยลงไม้ลงมือ ไม่ว่าจะโมโห โกรธกัน แรงแค่ไหน เรื่องการทะเลาะกันเป็นเรื่องปกติ

หลังจากที่เขาโพสต์ ผมก็โทร.หาเขา เราก็ได้พูดคุยกันด้วยความใจเย็น ตอนนั้นผมสับสนมากๆ ก็ไม่ได้คิดว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวมันจะมาไกลขนาดนี้ ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์ ผมไม่โกรธเขา แค่รู้สึกสับสนและเสียใจว่า ทำไมเขาถึงทำอย่างนี้ล่ะ เขาก็ยืนยันว่าเขาเจ็บมาเยอะแล้วกับการให้ความหวัง เขาบอกว่าเขาขอไปไตร่ตรองก่อน เขาไม่ได้รับปากครับแต่ผมก็คาดหวังให้เขาลบนะ สิ่งที่เขาโพสต์มันไม่ใช่ตัวตนของผมจริงๆ”

เล่าความสัมพันธ์ของตนกับแฟนเก่า แทบจะเป็นแฟนคนแรกของตนเลยก็ว่าได้ แต่จบกันไม่ดีเท่าไหร่
“ถ้าถามผมเขาเป็นแฟนคนแรกๆ เลยก็ได้ เป็นแฟนคนที่ 3 ของผม เราคบกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่หอพัก ใช้ชีวิตด้วยกัน 24 ชั่วโมงทุกวันอยู่ด้วยกัน 4 ปี เป็นความรักที่ดีครับแต่ไม่เพอร์เฟกต์ สำหรับผมความรักของผมกับเขาเป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นในชีวิตผมจริงๆ

ตอนเลิกกันยอมรับว่าจบกันไม่ดีเท่าไหร่ ผมเป็นคนขอแยกทาง เขาก็มาง้อผมบ้าง แล้วก็มีที่ผมไปง้อเขากลับมาคุยกัน คือเป็นช่วงเวลาที่สับสนมากๆ เราอยู่กับคนๆ นึงมา 4 ปี ตั้งแต่ผมอายุ 19 ปี จนถึง 22 ผมเป็นคนขอเลิกก็จริงแต่ผมก็มีความสับสนหลายอย่าง คือเขามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตผมมากๆ

มีช่วงที่ลองเป็นเพื่อนกัน ลองเป็นที่ปรึกษากัน หรือความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจน แต่ก็ไม่อยากลงดีเทลลึกมากเพราะมันเป็นเรื่องของผมกับเขา และเขาไม่ได้มาพูดตรงนี้ด้วย แต่อย่างที่บอกเขามีสภาพจิตใจที่เปราะบาง เป็นมาตั้งแต่รู้จักกันอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่มีอารมณ์ร่วมค่อนข้างสูงเวลาเขารู้สึกอะไรบางอย่าง แต่ในความเป็นจริงการเลิกของผมกับเขา ตามที่ผมบอก ทำให้เขาเจ็บปวดมากๆ 2 ปีที่เลิกกันต่างคนต่างไปใช้ชีวิต ทางฝั่งเขาผมคิดว่าเขาไม่มีใครนะครับ”

ทางค่ายวอร์นเนอร์ มิวสิค เผยได้ติดต่อกับทางฝ่ายหญิงและครอบครัว เพื่อจบเรื่องนี้ด้วยดีต่อกัน
คาล คมขำ : “มีคนในทีมงานที่พอรู้จักน้องและแม่ด้วยก็พยายามคุย ก็อย่างที่แพทริคเล่ามันเป็นเรื่องหัวใจ เราอยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาคุย และเคลียร์กัน แพทริคเองคงไม่ได้มีความรู้สึกว่าอยากเอาเป็นเรื่อง เราก็คุยกับเขา เขาก็เข้าใจเหมือนกันแต่ยังไม่ได้มีการตกลงอะไรกัน เราก็มีการบอกกล่าวครอบครัวน้องเขาว่าวันนี้เราขออนุญาตให้แพทริคเล่าเรื่องในด้านของเขาเพราะถ้าน้องไม่พูดคนจะตัดสินใจข้อมูลแค่ด้านเดียว

หวังว่าเราจะยังมีการคุยกัน เราเองไม่อยากจะตัดสินอะไรเลย เรารู้จักทั้งสองฝ่าย เราก็พยายามคิดในแง่ที่ดีที่สุดสำหรับแพทริค และสำหรับค่ายเองเราคิดว่าต้องให้ความยุติธรรมกับแพทริคให้เขาได้เล่า เราขอให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกัน เรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้น เขาคงรอดูว่าวันนี้แพทริคจะพูดอะไร เราไม่อยากจะทำให้ใครเสียหาย ในแง่ของข้อเท็จจริงอย่างน้อยให้แพทริคมีสิทธิ์พูด ถ้าจะเจรจาอีกก็หวังว่ามันจะจบด้วยดี เราไม่อยากจะมานั่งทะเลาะกัน

ไม่คิดฟ้องร้อง แม้จะถูกใส่ร้าย แต่อดีตแฟนสาวควรออกมาชี้แจงความจริง
แพทริค : “มันน่าจะยังไม่ไปถึงขั้นตอนนั้น”

คาล คงขำ : “ณ ตอนนี้ยังไม่จำเป็นไปถึงขั้นตอนนั้น แล้วไม่อยากให้ไปถึงขั้นตอนขนาดนั้น คือทางค่ายเรามีข้อมูลเท่าๆ กับที่ทุกคนมีอยู่แล้ว เราไม่ได้เป็นศาล หลังจากนี้หวังว่าจะได้เคลียร์กัน

แพทริค : “ผมคิดว่าเขาควรออกมาชี้แจงเรื่องจริงว่ามันคืออะไร เขาอาจจะโมโหผม อาจจะวู่วามหรือว่าใจร้อนหรือเปล่า เลยลงรูป คลิปวิดีโอและแคปชั่นแบบนั้นทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง ผมสามารถยืนยันได้ว่า ณ วันนั้นที่ผมอยู่ในเหตุการณ์ไม่มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น นอกจากหลักฐานคลิปแล้ว ที่นั่นเป็นที่พักอาศัยของผม มียาม รีเซฟชั่น มีพยานที่อยู่ตรงนั้นด้วยที่สามารถยืนยันว่าผมไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา”

เครียด เสียใจถูกสังคมตัดสินไปแล้วว่าเป็นผู้ชายที่ทำร้ายร่างกายผู้หญิง
“ผมรู้สึกเสียใจ มันเป็นสิ่งที่กระทบจิตใจ พอผมเปิดอ่านทวิตเตอร์มีคนต่อว่าผม ตีตราว่าผมเป็นอย่างนี้อย่างนั้น ทั้งที่ผมไม่ได้เป็นคนแบบนั้น นอกจากตัวของเขาเองที่รู้อยู่แล้วว่าระหว่างที่เราคบกัน เขารู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนยังไง ครอบครัวเขา เพื่อนๆ ทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนแบบไหน ผมไม่ใช่คนที่เพอร์เฟกต์ ผมมีข้อเสียเยอะกว่าข้อดี ทุกคนมีข้อเสียของตัวเอง แต่ว่าหนึ่งในข้อเสียนั้นไม่ใช่การใช้ความรุนแรงหรือการทำร้ายร่างกายแน่นอน ยืนยันครับ ผมก็เครียด ถามว่าสภาพจิตใจเป็นยังไง ผมไม่ค่อยได้นอน นอนน้อย เพราะว่าเราอ่านกระแสคอมเมนต์ต่างๆ ในทวิตเตอร์ในสื่อต่างๆ ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน”

ฝากถึงอดีตแฟนสาว เข้าใจที่คำพูดของตนอาจทำให้อีกฝ่ายมีความหวัง และเสียใจ แต่ไม่จำเป็นถึงขั้นจะต้องบิดเบือนความจริงแบบนี้
แพทริค : “ผมไม่รู้ว่าผมจะสามารถเอาอะไรมายืนยัน แต่ผมไม่เคยทำร้ายร่างกายใครเลยจริงๆ ระหว่างที่คบกันก็อยู่ในสายตาผู้ใหญ่และเพื่อนๆ ตลอด เราไปเรียนหนังสือด้วยกันทุกวัน ก็เจอเพื่อนฝูงทุกวัน ไม่มีใครเคยได้เห็นรอยฟกช้ำบนร่างกายของเขาแน่นอน ผมกล้ายืนยัน ผมไม่รู้นะครับว่าเขาคาดหวังให้ผมเจ็บหรือเปล่า รู้สึกเสียใจเพราะว่าคนที่เคยรักกัน คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมในการเขียนเพลง ผมเข้าใจเขานะว่าเขาอาจจะรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของผมที่เขารู้สึกว่าผมไปให้ความหวังเขา แต่มันไม่จำเป็นถึงขั้นจะต้องบิดเบือนความจริงหรือเปล่า หรือบอกกับสาธารณชนในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับตัวผม ผมรู้สึกว่าตรงนี้ผมแค่เสียใจ

กับเขาผมยังเป็นห่วงเขาเสมอ มีหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่ผมไม่สามารถพูดได้ ผมคือคนที่รู้จักเขาดีสุด แล้วเขาก็คือคนที่รู้จักผมดีสุด ผมพอทราบว่าเขาเป็นยังไง ผมไม่ติดเลยถ้าเขาจะโกรธแล้วอยากจะบอกกับสาธารณชนเรื่องที่เขาพบเจอมาจากผม เรื่องที่ผมเคยทำร้ายจิตใจเขา ถ้าเขาออกมาเล่าในส่วนที่เป็นความจริง ผมก็จะยอมรับผิดในส่วนที่ผมเคยทำ แต่ว่าในสิ่งที่เขาพูดออกมามันไม่ใช่เรื่องจริง ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะพูดแบบนั้น”













กำลังโหลดความคิดเห็น