xs
xsm
sm
md
lg

“มิว นิษฐา” เปิดใจเครียด ไม่มีเจตนานินทา! แต่ผิดก็ต้องยอมรับผิด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มิว นิษฐา” ขอโทษปมดรามา แก๊งม.ม้า เม้าธ์เพื่อนดาราแย่งซีน ยอมรับผิดน้อยในการตอบคำถาม ไม่มีเจตนาดิสเครดิตหรือนินทาใคร รับเครียด กังวลและไม่สบายใจ หลังคนโยงไปเรื่อยไม่หยุด ยกเป็นบทเรียนจะระวังคำพูดมากขึ้น

หลังโดนกระแสตีกลับอย่างแรง จากการตอบคำถามในรายการ “เพื่อนใหม่” ทางยูทิวบ์ Davikah Channel ของสาว “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่”ล่าสุดวันนี้ (9 มี.ค.) ก็ถึงคิวสาว “มิว นิษฐา จิรยั่งยืน” หนึ่งในแก๊งนางเอก ม.ม้า ออกมาเปิดใจเคลียร์บ้างแล้ว โดยสาวมิวได้เผยในงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์ บ้านเช่าบูชายัญ ถึงประเด็นดรามา ที่เล่าว่าเคยถูกดาราคนอื่นขโมยซีน จนทำให้ชาวเน็ตขุดและโยงไปถึงบุคคลอื่นๆ

ตัวมิวเองก็เสียใจมากๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ เพราะมันก็เป็นอะไรที่เราไม่ได้คาดคิดว่ามันจะไปถึงขนาดนั้นได้นะคะ อยากจะขอโทษด้วยค่ะ ขอโทษการกระทำของตัวเองที่เราคิดน้อยไปหน่อยในการที่จะตอบคำถามแบบนั้นไป แต่ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะไปดิสเครดิตหรือนินทาใคร เหมือนเราจับฉลากคำถามนั้นได้ เราก็ตอบไป แค่นั้นค่ะ”

ขอโทษบุคคลอื่น ที่ทำให้โดนโยงจากการตอบคำถาม
“อันนั้นก็เกิดจากที่เราตอบคำถามนี่แหละค่ะ ก็ขอโทษจริงๆ กับการตอบคำถามเรา มันเลยไปโยงถึงบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ ณ ตรงนั้นด้วย ทำให้เขาได้รับผลกระทบความเสียหาย”

หลังเกิดเรื่องได้มีการคุยกัน ทุกคนกังวลและไม่สบายใจ ยืนยันไม่มีเจตนานินทาว่าร้ายใครทั้งนั้น
“ก็มีการพูดคุยกันนิดหนึ่งค่ะ ทุกคนก็กังวลและค่อนข้างจะไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ อย่างที่บอกมันเป็นการจับฉลากขึ้นมาและตอบคำถาม โดยที่เราไม่ได้มีเจตนาที่จะไปนินทาหรือว่าร้ายใคร เหมือนเล่าประสบการณ์สิ่งที่เราเคยเจอมา แค่นั้นค่ะ

ไม่สบายใจคนโยงไปเรื่อย
“มิวเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน คือเราไม่ได้คิดตั้งแต่แรกว่า แค่คำตอบของเราจะทำให้ไปเกี่ยวโยงกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย ต้องบอกตรงนี้เลยว่า เราไม่ได้รู้สึกชิลหรือสบายอะไร เราเองก็รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกันค่ะ

ขอบคุณครอบครัวและแฟนคลับ ที่คอยซัปพอร์ตและอยู่เคียงข้าง
“เราก็จะมีคนที่เรารักคอยซัปพอร์ตอยู่แล้วเนอะ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว หรือแฟนคลับที่คอยอยู่ข้างเราตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งตรงนี้มิวต้องขอบคุณคนที่คอยอยู่เคียงข้างไม่ว่าจะเจออะไร ก็ต้องขอบคุณจริงๆ ค่ะ ไม่รู้จะขอบคุณยังไง”

ยกเป็นบทเรียน จะระมัดระวังคำพูดให้มากขึ้น
โห... ให้บทเรียนกับมิวมากพอสมควรค่ะ อย่างแรกเลยก็คงจะเป็นเรื่องของการพูดที่เราจะต้องระวังมากขึ้นเรื่องของการระมัดระวังในการทำสิ่งต่างๆ ให้ไม่ไปกระทบกับบุคคลอื่น เพราะมันอาจจะทำให้เขาได้รับความเสียหาย”

ปล่อยผ่านคอมเมนต์ลบ ที่ไม่ใช่การติชมเพื่อให้พัฒนาตัวเอง
“โดยส่วนตัวของมิวเองนะ มิวว่าก็ให้มันผ่านไปค่ะ มิวไม่ได้ติดใจอะไรนะ บางเรื่องที่เขาคอมเมนต์มา เราก็เอามาเป็นคำติชมเพื่อพัฒนาตัวเอง ส่วนอันไหนที่ไม่ได้จะมาช่วยเรื่องอะไรของเรา ก็ปล่อยผ่านไปค่ะ”

มีเครียดในช่วงแรก แต่ยอมรับความผิดของตัวเอง
“มิวไม่ค่อยได้อ่าน คือเห็นบ้างแหละ แต่ไม่ได้ไปอ่านอะไรขนาดนั้นค่ะ ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ก็เครียดนะคะ แต่พอเราเข้าใจว่ามันคือความผิดของเรา เราก็ต้องยอมรับในความผิดของตัวเองและก็ต้องน้อมรับทุกอย่าง เราเข้าใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นค่ะ แต่ก็ต้องมูฟออนไปเรื่องอื่น”

ขอโทษที่คิดน้อย ตอบแบบไม่คิดถึงผลกระทบ
“ก็ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ อยากจะขอโทษแหละ ด้วยความที่เราอาจจะคิดน้อยไปหน่อย อาจจะตอบไปแบบที่ไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาค่ะ แต่อย่างที่บอกไม่ได้มีเจตนาที่จะไปดิสเครดิตใคร”

สบายใจขึ้นเมื่อเรื่องเริ่มซา ยันไม่มีปัญหาร่วมงานได้กับทุกคน
“ก็สบายใจขึ้นนะคะ เพราะโดยส่วนตัวเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครเลย เรายังร่วมงานได้กับทุกคน ไม่ได้มีแบบไม่ถูกกับคนนั้น หรือไม่ถูกกับคนนี้ค่ะ"

อัปเดตความน่ารัก “น้องมาริน” เริ่มพูดเป็นคำๆ ได้แล้ว
“ตอนนี้เขาเริ่มพูดได้เป็นคำๆ เราก็ดีใจค่ะ ไม่ว่าเขาจะมีพัฒนาการอะไรที่เติบโตขึ้น จะน้อยจะเยอะ ความเป็นพ่อเป็นแม่ก็จะกรี๊ดกร๊าดและชื่นชมลูกตลอดเวลาค่ะ”

ไม่กังวลผมลูกขึ้นช้า ยังไงก็ต้องขึ้นมาสักวันหนึ่ง
"ไม่กังวลจริงๆ ค่ะ คือยังไงเดี๋ยวเขาก็ต้องมาอยู่แล้วสักวันหนึ่ง อย่างตัวมิวเอง มิวก็มาตอนขวบกว่าเกือบสองขวบด้วยซ้ำไป"

เป็นเด็กปรับตัวง่าย ไม่ขี้กลัวเวลาเจอคนอื่น
"ใช่ เขาอาจจะได้เจอคนโน้นคนนี้อยู่ตลอด บางทีเขาไปถ่ายโฆษณาเจอคนแปลกหน้า ได้ปรับตัวในการพบเจอคนอื่นได้ง่าย ก็จะมีบ้างนะคะ ที่ไปเจอในช่วงแรกก็จะนิ่งๆ ดูลาดเลา ก็ดีนะคะ มันก็เป็นอะไรที่เราสบายใจ ว่าเขาไม่เป็นเด็กที่จะขี้กลัว กังวลไปหมดทุกอย่าง เรารู้สึกว่าการที่เขาเป็นตัวของตัวเอง กล้าที่จะร้อง ไม่ต้องหันมาถามแม่ว่าโอเคไหม มันก็เป็นสิ่งที่ดี มีความมั่นใจในตัวเอง เป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด”

เลี้ยงแบบธรรมชาติ ปล่อยให้ล้มลุกคลุกคลานไปกับสนามหญ้าได้เลย
“ใช่ บางทีก็ให้วิ่งสนามหญ้าไม่ต้องใส่รองเท้า ถามว่ากลัวเจอเหยียบโดนแมลงไหม ก็กลัวนะ แต่เราอยากให้เขาสัมผัสหญ้าที่เป็นหญ้าจริงๆ ได้วิ่งอยู่บนหญ้าจริงๆ ก็พยายามเลี้ยงให้อยู่กับธรรมชาติที่สุดค่ะ (แสดงว่ามีความกล้ากว่าแม่?) ไม่ แม่ก็กล้านะ พอเราให้ลูกเหยียบ เราก็ต้องทำให้เขาดูว่าแม่กับป๋าก็ทำนะ เขาจะได้ไม่กลัวหญ้าเพราะมันจะมีความแหลมๆ เราก็จะให้เขาลองจับโน่นนี่ ส่วนพ่อเขาก็อยู่ด้วยกันเลยค่ะ เป็นความคิดในทิศทางเดียวกัน ว่าเราอยากเลี้ยงแบบธรรมชาติ เป็นเด็กธรรมดา สามารถเล่นสกปรกได้ มันเป็นการพัฒนาด้านสมองและความอดทนของเขาให้เต็มที่ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์”

จะมีคนที่ 2 เลยไหมต้องติดตาม แต่ไม่ทิ้งห่างกันเยอะแน่นอน
ก็ติดตามตอนต่อไปค่ะ (หัวเราะ) มิวคิดว่าจะไม่ทิ้งห่างกันเยอะค่ะ ตอนนี้เลยเหรอ ก็ต้องลองดูค่ะ คิดว่าไม่นานค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่มานะคะ”

วางแผนแล้วคุยกันอยู่ตลอด อยากให้ลูกเป็นเด็กโตในรุ่น
“วางแผน คุยกันอยู่ตลอดค่ะว่าจะยังไงดี จะปีไหน จะเกิดเดือนอะไร คือพวกนี้ต้องวางแผนไปหมดทุกอย่างเลย มันมีเรื่องต่างๆ เกี่ยวข้องด้วย เราอยากให้เขาเป็นเด็กที่โตในรุ่น ก็จะต้องดูช่วงรอบเดือนว่าอยู่เดือนอะไรถึงจะเป็นเด็กโตในรุ่นอะไรแบบนี้ค่ะ ก็ค่อนข้างจะแพลนเยอะพอสมควร”

แอบกดดัน แต่พยายามจะใช้วิธีธรรมชาติ
กดดันแบบไม่กดดัน พยายามจะไม่กดดัน แต่ก็แอบกดดันนิดหนึ่งแหละ (หัวเราะ) ก็พยายามจะใช้วิธีธรรมชาตินะคะ ตอนนี้มิวยังไม่ได้รับงานแสดงแบบเป็นเรื่องเป็นราว จะมีแค่อีเวนต์ ถ่ายโฆษณา พรีเซ็นเตอร์ ก็จะเป็นงานสั้นๆ (แสดงว่าเตรียมตัวแล้ว?) ก็เร็วๆ นี้แหละค่ะ (หัวเราะ) ติดตามต่อไปค่ะ ส่วนจะปีนี้ไหม ยังไม่มั่นใจค่ะ แต่คอนทินิวแน่นอนค่ะ”








กำลังโหลดความคิดเห็น