ทำเอาหลายคนเป็นห่วงเมื่อเห็นโพสต์ของตลก “โก๊ะตี๋ อารามบอย” ที่โพสต์ข้อความตัดพ้อว่า… “เอาจริงๆ เลยนะ มันเริ่มเบื่อจริงๆ แล้วแหละ..
ไม่มีแรงจูงใจอะไรที่อยากให้ไปต่อเลยจริงๆ นะ....ตอนนี้..หลังจากนี้ต่อไป ไม่ว่าคำพูดใดที่หลุดมาจากปากของหนู....อยากให้รู้ว่ามัน คือความจริงที่อยู่ข้างใน #ฝันดีครับทุกคน” ล่าสุด โก๊ะตี๋ ได้มาเปิดใจเล่ามรสุมชีวิตในช่วงปีชง และชีวิตอีกหลายเรื่องไม่เคยมีใครรู้ที่รายการ แฉ โดยเล่าว่า…
“ที่ผ่านมาไม่เชื่อเรื่องปีชงเลย คิดว่าชีวิตเรากำหนดเอง เราออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ 13 เราก็โตมาได้ จะเจ็บ จะป่วย จะหัวเราะ เราก็ดูแลตัวเองมาได้ เราก็เอาตัวเองรอดมาได้หมด แค่ดูแลครอบครัวได้เราก็โอเคแล้ว”
“มดดำ คชาภา ตันเจริญ” พิธีกรที่เคยร่วมงานกับ โก๊ะตี๋ เล่าเสริมว่า… “จริงๆ ชีวิตโก๊ะตี๋ไม่น่าจะเครียด โก๊ะมันไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาโลเร็กซ์ แต่ภาระมันเยอะ มันก็ทำงานในวงการบันเทิงอยู่ทุกวัน มันก็ได้เงินมาพอที่จะเลี้ยงชีวิตเราได้ จริงๆ อาชีพเราเป็นอาชีพที่ได้ค่าตอบแทนสูง แต่อยู่ๆ ก็งงที่โก๊ะตี๋ ออกมาตัดพ้อชีวิต”
โก๊ะตี๋ ตอบเรื่องนี้ว่า… “ช่วงที่ผ่านมาอยู่ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตเรามันหนัก เราเหนื่อยนะ เราก็เลยโพสต์นั้นออกไป บางคนบอกจะออกจากวงการ ไม่ออก ให้ถีบให้ดันยังไงก็ไม่ออก”
โดย มดดำ ได้เล่าว่า “เมื่อก่อนได้เงินค่าตัวเป็นเงินสด เคยทำพิธีกรด้วยกัน ตอนเด็กๆ ไม่ได้ใช้เงินเลยนะมันใช้เงินน้อย ชีวิตอยู่กับกองถ่ายกินข้าวกอง แต่โก๊ะมีเงินปุ๊บก็มีคนมายืนรอหน้าสตูฯ แล้วนะ
โก๊ะตี๋ ก็เล่าต่อว่า “เคยไหมว่าเวลามีเบอร์โทรศัพท์เด้งขึ้นมาแล้วหลอน คือมีเรื่องต้องให้ทุกข์ใจหรือไม่ก็เสียเงิน ถ้ามีชื่อนี้เด้งขึ้นมาขนลุกไม่ใช่เจ้าหนี้ แต่เป็นญาติโกโหติกา บอกเลยว่าแต่ละคนสรรหา ถามว่าทำไมถึงต้องให้ คือมันเป็นโดมิโน ถ้าสมมติเราไม่ให้คนนี้เขาก็จะไปกับแม่เรา แม่ก็จะมางอแงกับเราเราก็ลำบากใจอีก ก็เลยให้มันจบๆ ไป
อย่างทุกวันนี้หนูผ่อนบ้าน 5-6 หลัง ให้ญาติโกโหติกาอยู่ หนูออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 13 เล่นลิเกอยู่นครสวรรค์ก็ส่งเงินมาให้แม่ซื้อที่ 4 ไร่ ก็ทุกอย่างดูแลมาตั้งแต่อายุ 13 จนปีนี้ 43 แล้วก็ยังไม่เคยได้หยุด รู้สึกว่ามันเป็นที่เรา เราเลือกที่จะทำแบบนี้เอง แต่ปีที่ผ่านมามันหนักเพราะเราเหมือนยอดเขาคือสมมุติถ้าคนไปปีนเขาก็ต้องไปปักธงที่ยอดเขา เราเป็นยอดเขา ทุกคนมีปัญหาอะไรก็จะมาที่เรา แล้วเราไม่ใช่พระเจ้าที่จะมาเนรมิตให้ทุกคนมีความสุขได้ถูกไหม ทุกคนมันต้องดำเนินต่อไปด้วยตัวเขาเอง”
เล่าธุรกิจร้านข้าวมันไก่ ขายดีมาก กำไรสาขาเดียว 8 แสนต่อเดือน แต่ไม่เคยได้ใช้เงินเลย แถมยังต้องมาใช้หนี้อีก
"ก็เคยนะกับพี่ชายคนโต ทุกวันนี้ก็ดูแลอยู่ กับพี่ชายก่อนหน้านี้ใช้หนี้ให้ก้อนสุดท้ายแล้วบอกพอแล้วนี่ 4.5 แสน กับ 6 แสน ขายรถตู้ข้าวมันไก่ใช้หนี้ให้ จริงๆ ข้าวมันไก่ ขายดี ลูกค้าเยอะ แต่พอได้เงินปุ๊บพี่ชายต้องการอยากจะปล่อยเงินกู้ พวกของ น้ำอัดลม ไก่ ก็ใช้เครดิตชื่อโก๊ะตี๋เซ็นไว้ พอจะเก็บเงินกู้ เก็บไม่ได้หายเกลี้ยง
ตอนขายข้าวมันไก่คือรวยมาก แต่ไม่เหลือเงินเลย ที่ RCA ทำกำไรนะสูงสุดเดือนนึงคือ 8 แสน ทาวน์อินทาวน์ก็มีแต่ที่พีกสุดคือ RCA แล้วเงิน หนูไม่ได้เอาเองนะเดี๋ยวเงินเดือนมาไอ้นี่ 8 หมื่น 6 หมื่นๆ 6-7 คน สบาย ตอนจบกลายเป็นพวกมึงพวกกูทำมากทำน้อยได้เท่านั้นเท่านี้เราก็แยกกัน แล้วเราต้องไปใช้หนี้จากเครดิตของเรา ค่าของที่ไม่ได้จ่าย งวดสุดท้ายไม่ไหวแล้วบอกพี่ชายคนโต
เมื่อก่อนไม่เคยเล่าอะไรให้แม่ฟังเลยเพราะกลัวแม่เครียดบอกแม่หนูไม่ไหวแล้ว เรียกพี่ชายคนโตมาเอางี้ชีวิตเราพอแล้วนะ คุณก็ 53 แล้วเอาเป็นว่าให้เช็คเงินสด 3 แสน นี่คือเงินก้อนสุดท้ายที่ผมจะดูแลคุณแล้วพอ อายุ 53 แล้ว ต้องมาแบมือขอเงินน้อง มันไม่ใช่เรื่องอันนี้คือครั้งสุดท้าย
สุดท้ายผ่านไป 4-5 ปี ทุกวันนี้เขากลับมาที่บ้าน ไม่รอดไง แต่ว่าพี่น้องมันฆ่ากันไม่ตายขายไม่ขาด แต่ตอนนี้ที่หนูเครียดก็คือกลับมาแล้วไม่ใช่คนเดิม ถามคำตอบคำ ไม่รู้ว่าเครียดหรือเปล่า ปกติไม่พูดด้วยนะถ้าไม่ถามก็ไม่พูด ตื่นมากินข้าวนอนศาลาหน้าบ้านแล้วก็เข้าห้องอยู่อย่างนี้ 2 ปีช่วงเป็นโควิด
เราก็เลยพาไปหาหมอน่าจะเป็นอะไรที่สมองสักอย่างพาไปพบจิตแพทย์ เขาบอกว่าไม่เป็นอะไร เราก็ไม่เป็นอะไร 2 ปีไม่พูดกับกู 2 ปีพูดไม่ถึง 100 คำ ก็เลยพาไปโรงพยาบาล พาไปก็ไปหมอก็นั่งเล่ากันคุยกันสุดท้ายหมอให้ยามากินผ่านไป 3-4 เดือน ยาหมดเหมือนเดิมตัวนี้ก็ดูแลสองคนคือพูดเหมือนเรื่องตลกนะแต่จริงๆ มันเครียด”
เผยปีชงทำรักก็เกือบพัง สุขภาพก็ไม่เหมือนเดิม ชีวิตมีแต่เรื่อง
“ทุกอย่างประดังเข้ามาในปีชง ความรักก็มีปัญหา รอดมาได้ เกือบจะเลิกกันนะปีที่แล้ว มีปัญหาเยอะแยะมากมายหลายอย่าง ด้วยตัวเราเอง สุขภาพ เสียเลือดเสียเนื้อทุกเดือน แต่ละเดือนๆ เกือบตาย หายใจไม่ออก ดั้งหักเพราะไปตะบอลมาแล้วโดนศอกเข้าที่ดั้ง แล้วก็เคยกินแมลงได้ ก็กินแมงป่อง ไม่เกินครึ่งชั่วโมงหายใจไม่ออก ไปโรงพยาบาล รู้เลยว่าชีวิตแค่เส้นบางๆ ถ้าไปไม่ทัน
ตอนนั้นอยู่ในห้วงชีวิต 50:50 เลย โควิดก็เป็นหนัก มันใจหายไง หลังจากที่พี่ค่อม (ค่อม ชวนชื่น) เสียได้ 3 อาทิตย์ มาเราเป็นก็คิดว่ามาถึงเราแล้วเหรอ เราตั้งปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ตายก่อนแม่ เพราะจะไม่มีใครดูแลแม่ เดี่ยวนี้พยายามใช้ชีวิตให้มีสติ ไม่ขับรถเร็ว อะไรที่สุ่มเสี่ยงว่าจะมีเรื่องก็จะไม่ทำ อะไรที่จะทำให้เกิดโทษร้ายแรงกับตัวเองก็จะไม่ทำ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตแบบไม่เสี่ยงเลย ช่วงโควิดเราก็ไปอยู่สวน จะมีหลานคอยดูแลแม่ แล้วก็จะขับรถพาแม่มาหาผม”
ทำงานเยอะ แต่คนไม่เห็น จนมีหลายคนมองว่า “โก๊ะตี๋” ขาลงแล้ว
“หลายคนก็พูด มีคนเข้ามาถามในไลฟ์สด ก็มาถามว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีผลงานเลย หนูก็บอกว่าใช่ไม่ค่อยมีผลงาน จันทร์-ศุกร์ เจอได้ที่รายการอาหาร วันเสาร์ก็ซุปเปอร์เท็น วันอาทิตย์ก็ทูเดย์โชว์ ละครก็มี 3 เรื่อง เพิ่งปิดกล้องไป 2 เรื่อง งานเยอะแต่เขาไม่เห็นกัน ผมก็ไม่ได้หายไปไหน”
เลิกพูดเรื่องแต่งงาน รอพร้อมจริงๆ ค่อยพูดทีเดียว
“บอกแล้วว่าถ้าแต่งจะบอก เราไม่อยากพูดบ่อย พูดบ่อยแล้วกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ แฟนผมเขาก็เป็นแอดมินคอยตอบเพจอยู่ ช่วงก่อนโควิดเราก็คิดแล้วว่าจะแต่ง แต่พอดีมีโควิดเข้ามาก็ต้องล่มไป พอโควิดซาไปก็มาระลอกสองอีก ก็เลยคิดว่าเอาให้พร้อมดีกว่าค่อยบอก แต่ยังคบคนเดิม น้องกวางคนเดิม 10 ปีแล้ว ถ้าจะแต่งพูดทีเดียวเลย ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรแล้ว”