เพื่อนรุ่นน้องส่งข่าวมาบอกว่าเข้ามากรุงเทพฯ ถ้าไม่ติดธุระปะปังที่ไหนอยากให้ไปเจอกันที่ร้านลาบละแวกลาดพร้าว
คืนที่เขานัดตรงกับวันที่ 5 มีนาคม 2566
ถ้าไม่คิดถอดรหัสนัยให้วุ่นวายก็ไม่มีอะไรมากกว่าการไปสังสรรค์กันธรรมดานี่เอง แต่มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะวันที่ 5 มีนาคม 2566 มีนัยยะหนึ่งซึ่งสำคัญมากกับ ‘เด็กหงส์’ อย่างเขา
จู่ๆ ที่ส่งข่าวว่าเดินทางปุ๊บปั๊บจากต่างจังหวัดเข้ามายังเมืองกรุง คิดสารตะไปมาผู้เขียนเชื่อว่าเขาอาจหนีอะไรบางอย่างบางเรื่องมาแน่ๆ
เรื่องของเรื่องก็คือเพื่อนรุ่นน้องคนที่ว่าเขาทำเกตส์เฮาส์เล็กๆ ไว้รองรับนักท่องเที่ยว โดยมีเพื่อนอีกคนเป็นหุ้นส่วน การประกอบการไปได้ดีพอสมควร หากจะมีจังหวะ ‘เข้าพรวด’ กันบ้างระหว่างหุ้นส่วนทั้งสองคนก็คือการโคจรมาเจอกันของศึกแดงเดือด
คืนวันที่ 5 มีนาคม ที่เพิ่งผ่านไป เดาได้ไม่ยากว่าเหตุใดเพื่อนรุ่นน้องจึงนัดหมายให้ไปเจอกันที่ร้านลาบ
มันไม่ใช่แค่การไปเชียร์หงส์แดงทีมรัก เพราะมองให้ทะลุถึงเนื้อใน เขาหนีหุ้นส่วนที่เพิ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเกสต์เฮาส์แห่งดินแดนชายขอบนั่นเอง
เพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนเขานั้นปกติอยู่กรุงเทพฯ นานๆ ไปดูเกตส์เฮาส์ที ปล่อยให้เพื่อนหุ้นส่วนอยู่โยงทำธุรกิจเล็กๆ ยังต่างจังหวัดเพียงลำพัง
ครั้นใกล้ ‘ศึกแดงเดือด’ ปะทุ เด็กผีจึงล็อกเป้าจะบึ่งไปกำราบเด็กหงส์ ฝ่ายเด็กหงส์ก็รู้ดีว่านาทีนี้แทบหาวิธีสู้ไม่ได้ ฟอร์มเอาแน่เอานอนที่ไหน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายรู้ๆ กันอยู่ ฉะนั้นทนทู่ซี้ให้เพื่อนถากถางทำไม หนีมาทำใจในกรุงเทพฯดีกว่า
บรรยากาศในร้านลาบคืนนั้นคลาคล่ำไปด้วยลูกค้า เงี่ยหูฟังไปมาก็รู้ว่า ‘ขาบอล’ ทุกโต๊ะ มีทั้งกองเชียร์จริง และมีทั้งกองเชียร์ประเภทครึ่งควบลูก ยิ่งใกล้เวลาเขี่ยบอลยิ่งเมาท์มอยกันสนุก
แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ เพื่อนรุ่นน้องร่วมกับคนอื่นๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะกัน ล้วนทดท้อรอรับผลที่จะออกมาอย่างน่าชื่นอกตรม
จนต่อเมื่อลิเวอร์พูลพลิกยิงนำและจบครึ่งเวลาแรก ผู้เขียนเอ่ยลอยๆ ว่า “หมดเวลาเลยได้ไหม” ทุกคนบนโต๊ะต่างยิ้มแห้งๆ (ทั้งๆ ที่สกอร์นำ)
พอลูกที่สองมาพวกเราเริ่มชนแก้วท่ามกลางเสียงเฮ เสียงฮือฮารายรอบร้าน จึงรู้แน่ชัดว่าเกือบทุกโต๊ะเป็นเด็กผี เพราะช่วงที่จะได้ประตูคืน พวกเขาเสียงดังมาก น่าจะมีแค่อีกโต๊ะที่เป็นเด็กหงส์
เฮ้ย! ยิงอีกตุงแล้ว เอ้า! อีกเม็ดแล้ว ชนแก้วกันไปกันมา เงยหน้าหันไปรอบร้าน...
ตายโหง! ร้านทั้งร้านเหลือกันอยู่ 2 โต๊ะ สาวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช็กบิลกลับบ้านกันเงียบกริบ
บรรยากาศน่าจะคล้ายๆ กับที่เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งซึ่งเพื่อนหนีเพื่อนมา (แง้)