xs
xsm
sm
md
lg

“โดม” เม้าธ์ “ตั้ม เดอะสตาร์” หล่อขึ้น เลิกหน้าหลุม ติดแบรนด์ อดีตไม่ชอบหน้ากันเพราะแย่งแฟนคลับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“โดม” เล่าอดีตยืนเม้าธ์กับ “กัน นภัทร” ตอนเจอ “ตั้ม” ครั้งแรก อิจฉาโดนแย่งแฟนคลับ หลังได้ทำงานร่วมกันก็ทลายทุกกำแพง ตอนนี้ศีลเสมอกันแล้ว แค่มองตาก็รู้ใจ ตั้มรู้ตัวเองหล่อขึ้น เพราะดูแลตัวเอง

กว่าจะมาเป็นเพื่อนซี้ศีลเสมอกันแบบนี้ สองหนุ่มเสียงดี อย่าง “โดม จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม” และ “ตั้ม วราวุธ โพธิ์ยิ้ม” ก็เคยมีอดีตที่ไม่ดีมาก่อน โดยโดมได้เล่าให้ฟังว่าตอนเจอตั้มครั้งแรก ก็มีการตั้งกำแพงไว้ก่อนเลย เหตุเพราะโดนแย่งแฟนคลับไป

โดม : “คือมันไม่ได้เป็นเชิงแบบเห็นปุ๊บไม่ชอบ มันเป็นการยืนเม้าธ์กับพี่กัน (นภัทร อินทร์ใจเอื้อ) หลังเวที พี่เขาเป็นคนเปิดมาไง ก็เป็นการรับน้องแหละว่ากันง่ายๆ คือเวลาคนเราจะรับน้อง มันก็จะมีการตั้งกำแพงไว้ก่อน ถ้าเขาผ่านกำแพงนั้นมาได้เราก็จะเปิดรับ อ้าแขนรับอยู่แล้ว แล้วสำคัญคือเขาแย่งแฟนคลับเราไปไง เพราะผมเดอะสตาร์ 8 เขาเดอะสตาร์ 9 เป็นการส่งมอบต่อ คนก็หันไปกรี๊ดเขาแล้ว อันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกเคืองในตอนนั้น เป็นความรู้สึกว่าไอ้เด็กนี่มันอะไรวะ มันมาจากไหนกันวะ ตอนนั้นพี่กันเขากระซิบเรา ว่ามันดูไม่ค่อยเนาะ ไม่ได้พูดจบประโยคนะ แต่มันรู้กัน”

ตั้ม : “จริงๆ ไม่รู้เลย แล้วพอรู้ก็ไม่ได้อะไร เป็นคนเข้าใจธรรมชาติมนุษย์อยู่แล้ว เวลาที่เจออะไรที่ดีกว่า ใหม่กว่า เพอร์เฟกต์กว่า ย่อมจะมีความระแวง ความกลัว ความอิจฉาเข้าครอบงำอยู่แล้ว ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์เลย เราไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่เราต้องเจอกับผู้คนแบบนี้ในวงการบันเทิงอยู่แล้ว เพราะว่าเราก็เป็น (หัวเราะ) ก็เข้าใจได้ ทุกวันนี้ก็ทำงานด้วยกัน เราก็ปรับตัวเข้าหากัน ใส่หน้ากากเข้าหากันก็โอเค ที่บอกว่าตอนนั้นแฟนคลับเขามาเชียร์เรา เราก็ไม่รู้สึกยังไง เพราะแฟนคลับเราก็ไหลไปหาคนอื่นเหมือนกัน (หัวเราะ) มันเป็นวัฏจักร ต้องเข้าใจอยู่วงการนี้”

โดม : “แต่กำแพงทลายเร็วเลย เพราะเราทำงานด้วยกันตั้งแต่แรกๆ หลังออกจากบ้านก็เจอกัน คอนเสิร์ต 4 โพดำเลย พอทำงานด้วยกันเขาก็ข้ามมาได้ทุกกำแพงทุกอย่าง ด้วยความเป็นตัวเขานั้นแหละ ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนน่ารัก เป็นคนที่เรายินดีอยากจะมีเขาเป็นน้องคนหนึ่ง เพระาเขาน่ารัก”

ตั้ม : “เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเรามีโอกาสร่วมงานกับใครหลายๆ คน แต่ก็ไม่ได้สนิทแบบนี้ เพราะศีลเราเสมอกัน มองตาแล้วรู้ใจ มันไม่ต้องพูดไรกันมากเลย บางทีใครเดินผ่าน แค่สบตาก็รู้แล้ว อันนี้เรื่องจริงเลย ใครพูดผิดหูปุ๊บ จะหันมามองหน้ากันแบบมึง… ไม่ต้องพูดเลย”

ยอมรับ “ตั้ม” หล่อขึ้น เพราะหันมาดูแลตัวเอง
โดม : “หล่อจริงๆ แต่คือมันไม่ใช่แค่เรื่องผม เขาพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย เดี๋ยวนี้ติดแบรนด์แล้ว ต้องใส่แบบนี้ รองเท้าต้องแบบนี้แล้ว แม้กระทั่งหุ่น หันมามองละว่าเรากินอะไร เริ่มเหยียดเราแล้ว ว่าเรากินอะไรอยู่ ในขณะที่เขาลดน้ำหนักแล้ว”

ตั้ม : “ก็เริ่มลดน้ำหนัก เพราะเราต้องขึ้นคอนเสิร์ต ต้องมีการเตรียมตัวนิดหนึ่ง จะต้องมีเต้น จะต้องจัดเต็ม มันต้องฟิตต้องเฟิร์ม การแต่งตัวบนเวที ชุดมันต้องดูดี แต่ผิวหน้าที่เรียบทุกวันนี้ เพราะใช้ครีมของตัวเอง ถามว่ารู้สึกว่าตัวเองหล่อขึ้นไหม จริงๆ พอคนเริ่มทัก ก็เริ่มรู้สึกแล้วแหละ”

โดม : “ไม่ มึงรู้สึกก่อนเลย รู้สึกว่าหล่อตั้งแต่เห็นกระจกแล้ว เขาคิดไว้อยู่แล้ว”

แฟนไม่ช่วยดูแล เพราะกลัวหล่อแล้วต้องระแวง
ตั้ม : “ไม่ๆ คือแฟนก็ทำครีมด้วยกัน เขาไม่ได้ช่วยดูแล ผมดูแลของผมเอง ผมอยากหล่อเอง ทางแฟนเขาไม่อยากให้ผมหล่ออยู่แล้ว เพราะหล่อแล้วไลน์ผมเยอะ เขาก็จะระแวงอยู่แล้ว ไม่อยากให้หล่ออยู่แล้วรายนั้น จะชวนกินชวนอะไร ก็หล่อขึ้นเพราะดูแลตัวเอง ก็อยากดูดีขึ้นด้วย แล้วก็ไปทำผมทำอะไรมา ก็เปลี่ยนตัวเองอัปลุค”

รู้สึกว่าตัวเองมากไกลมาก
ตั้ม : “ผมมาไกลมาก เอาตั้งแต่หนังหน้าเลยนะ เส้นผม หุ่น ถ้าย้อนไปตอนม.3 นี่คือแบบเหมือนคนละคน หนัก 100 กิโล หัวหยิก หน้าหลุม (คนบอกว่าอยู่กับซานิด้วยหรือเปล่า?) ผมไม่ได้หาหมออย่างนั้นนะ พี่นิเขาสายเข็ม สายมีด แต่ผมเต็มที่ก็เข็ม ฉีดโบท็อกซ์ แต่อันนั้นเขาฉีด แล้วเขาดูดด้วยนะ ดูดขามาใส่หน้าแล้วนะ รู้มาล่าสุด ไม่รู้นวัตกรรมอะไร (หัวเราะ)”









กำลังโหลดความคิดเห็น