xs
xsm
sm
md
lg

“นาว” เปิดใจ อิ่มตัว ฝืนเล่นละคร? ขอลาไปเมืองนอกไม่มีกำหนด “นิว” หวั่นวันหนึ่งอาจเปลี่ยนไป (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นาว ทิสานาฎ” เตรียมตัวบินเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ขอลางานยาวไม่มีกำหนด 10 กว่าปีในวงการไม่เคยพักงานละคร บางทีเจอคอมเมนต์จนท้อ ขออิสระค้นหาตัวเองบ้าง รับ “นิว วงศกร” แอบหวั่นใจในความสัมพันธ์ ถึงกับบอกว่าวันนึงตนอาจจะเปลี่ยนไป แต่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาตนไม่คอยว่อกแว่ก



เปิดใจแบบไม่มีกั๊กจริงๆ สำหรับนางเอกสาว “นาว ทิสานาฎ ศรศึก” ที่บอกว่าขอทิ้งทวนละครเรื่อง สร้อยนาคี เป็นเรื่องสุดท้าย ก่อนลางานยาวไปเรียนต่อที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย บอกตั้งเป้าเบื้องต้นไว้ที่ 6 เดือน แต่อาจจะมากหรือน้อยกว่านั้นยังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะครั้งนี้ไปคนเดียว และขอใช้ชีวิตเพื่อหาประสบการณ์จริงๆ

"ละครเรื่องนี้ก็ส่งท้ายก่อนที่จะไปเรียนค่ะ ไปเมลเบิร์น ออสเตรเลีย ตอนแรกจะไปอังกฤษ แต่คิดว่าเราไปคนเดียว ถ้าเมลเบิร์นคนเอเชียจะเยอะกว่า มันน่าจะปลอดภัยกับเรา ก็ไปอยู่ยาวเลยค่ะ ไปหาประสบการณ์ อยากไปเรียนภาษาแบบพูดได้ 100% เราอยากได้ประสบการณ์เพิ่มเติม คอร์สหลักๆ ที่ดูไว้ประมาณ 6 เดือนค่ะแต่ยังไม่ชัวร์ อาจจะน้อยหรือมากกว่านั้น

ก็ให้ผู้จัดการคุยกับผู้ใหญ่เลยค่ะ หนูขอใช้เวลาไปหาประสบการณ์ ขอไปเรียนต่อ ก็เป็นการลายาวที่สุดตั้งแต่ทำงานมาเลย ก็นอกจากเรียนภาษาแล้ว ก็ดูไว้ว่าอาจจะเรียนคอร์สทำขนมเพิ่มเติมด้วย แค่ดูๆ ไว้นะคะ ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน แต่กลัวอย่างเดียวเลยไม่มีที่ฉีดตูด หนูเครียดมากนะ เครียดจริงๆ ไม่ได้ตลก (หัวเราะ) แต่คงต้องปรับตัว เรื่องที่พักเราก็หาได้ แต่ว่าเรื่องห้องน้ำมันสำคัญมากจริงๆ สำหรับผู้หญิง"

บอกอยากไปค้นหาตัวเองว่าชอบอะไรกันแน่
“หนูไม่เคยอยู่คนเดียว ไม่เคยที่จะย้ายถิ่นฐานขนาดนี้ มาตัดสินใจตอนช่วงอายุ 29 มันเหมือนครึ่งชีวิตแล้ว จะ 30 แล้ว อยากลองหาอะไรทำที่มันเป็นประสบการณ์จริงๆ ของเรา และที่ไปเพราะว่าอยากรู้ใจตัวเองว่าเราชอบอะไร รักอะไร เราทำงานมาก็สักพักนึงแล้ว ก็เลยคิดว่าถ้าได้ลองไปหาประสบการณ์อาจจะรู้ใจเราก็ได้ เพราะตั้งแต่เรียนจบมาก็ไม่เคยทำอย่างอื่น หนูทำงานพร้อมกับเรียนมาตลอด

ต้องบอกว่าจริงๆ แล้วอาชีพที่ใฝ่ฝันของหนู มันไม่มีวงการบันเทิงในหัวสมองเลย หนูไม่ได้ใฝ่ฝันว่าจะมาอยู่ตรงนี้ แต่ตรงนี้ก็เป็นที่ที่ดี หนูก็ชอบและสนุกนะ แต่ว่าบางอย่างเรารู้สึกว่ามันใช่ตัวเราแล้วหรือยัง เราไม่เคยลองอย่างอื่น เราอยู่แต่ในวงการบันเทิงมาตลอด อยากลองอย่างอื่นดูบ้างเท่านั้นเอง เพราะหนูทำงานในวงการมาตั้งแต่อายุ 15 นี่ก็ 10 กว่าปีแล้ว"

เริ่มอิ่มตัวในวงการ ขอพักสมองไปลองอย่างอื่นบ้าง
"แอบคิดนะว่าเราอิ่มตัวกับมันแล้วหรือเปล่า แต่ก็ยังอยากลองบทบาทใหม่ๆ แต่ว่าขอเบรกก่อน ขอพักสมองไปดูอย่างอื่น ถามว่ากลัวกระแสความนิยมจะหายไปไหม หนูก็คิดแหละ หนูก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม แต่ว่าใจหนูอยากไป อยากลองพักตรงนี้ดู บางอย่างที่มันกดดันเรา หรือเรื่องราวบางอย่างที่มันเฟลๆ เราอยากลองเปลี่ยนวิธีดูบ้าง คอมเมนต์อะไรต่างๆ ถ้าเราเปลี่ยนอะไรใครไม่ได้ เราเปลี่ยนที่ตัวเอง เปลี่ยนความคิดตัวเอง ลองไปหาอะไรที่มันตอบโจทย์เราจริงๆ

หนูก็ไม่ได้ทิ้งวงการนะ เราไปไม่นานหรอก ไปดูไปรู้จักตัวเองแล้วเราก็กลับมา หนูไม่เคยติดเรื่องกระแสเลย หนูใช้ชีวิตเรียบง่ายมาตลอด หนูชอบถ่ายละคร ชอบอยู่กับทีมงาน ไม่ได้ชอบงานหรูหรา เพราะถ่ายละครมันใช้เวลาอยู่ร่วมกันหลายเดือน มันสนุก แต่เวลาที่เราไปเจอใครใหม่ๆ เวลา 1-2 ชั่วโมง บางคนเขาตัดสินหนูในระยะเวลานั้น หนูรู้สึกว่าไม่ค่อยชอบฟีลนั้น หนูรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยกับจุดๆ นั้น หนูเข้าใจว่าการทำงานนอกจากถ่ายละครมันต้องมีอีเวนต์ มันต้องมีการโชว์ตัว แต่หนูรู้สึกว่ามันไม่ค่อยใช่หนู เราชอบทำงานในกองถ่ายมากกว่า รู้สึกว่ากองถ่ายคือคอมฟอร์ตโซนของเรา

ตลอดเวลาในวงการหนูเจอคอมเมนต์อะไรเยอะแยะ จนท้อ เก็บความรู้สึกนี้มานานค่ะ หนูเป็นคนที่ถ้าคิดแล้วคิดอีก ไม่ได้คิดด้วยอารมณ์ชั่ววูบว่า ฉันพอแล้ว ฉันไปแล้ว แต่คิดทบทวนแล้วว่าไปแล้วมีผลเสียกับเราไหม ไปแล้วมีผลดีกับเราไหม กลับมาแล้วจะเป็นยังไง ก็รู้ว่ากลับมาแล้วมันอาจจะไม่เหมือนเดิมในเรื่องของกระแส แต่หนูก็กลับมานั่งคิดกับตัวเองว่า เราก็ไม่ได้ต้องการให้มีกระแสขนาดนั้น เพราะเราไม่เคยมีเรื่องเสียหาย”

เผยงานในวงการเป็นสิ่งที่ฝืนกับความรู้สึก
"ละครยังไม่มีต่อค่ะ ขอไม่คิดอะไร ขอไปก่อน บางทีอีเวนต์ก็ยังไม่ค่อยรับเลย มันรู้สึกพอแล้ว ถามว่าถ้าชอบชีวิตตรงนั้นอาจจะอยู่ยาวไหม ก็เป็นไปได้ แต่หนูยังไม่รู้ตัวเอง ตอนที่ไปอยู่ที่โน่น บางทีอาจจะร้องไห้กลับบ้านก็ได้ ก็เลยยังไม่อยากตอบว่าจะไปกี่ปี ไปนานแค่ไหน คิดจะมีอาชีพที่สองมไหมเหรอ คิดค่ะ จริงๆ แล้วหนูอยากเป็นเชฟนะ ชอบทำขนม พอได้ทำแล้วหนูไม่เครียด

ตอนเด็กๆ ฝันว่าอยากเป็นเชฟ อยากเปิดร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง หนูเป็นคนที่ชอบอยู่กับตัวเอง ไม่รู้ว่ามาอยู่ในวงการได้ยังไง นิสัยส่วนตัวเราไม่เหมาะกับวงการบันเทิงเลย ไม่ชอบอยู่ในพื้นที่สปอร์ตไลท์ มีแต่คนบอกว่าหนูเป็นคนมีโลกส่วนตัว ก็ไม่รู้นะคิดว่าอาจจะเป็นมั้ง แต่ถ้าเราได้รับงานมาแล้ว หนูจะเต็มที่ต่อให้มันจะฝืนความรู้สึก ฝืนในสิ่งที่เราไม่ถนัด เช่น ร้องเพลง เราก็เต็มที่กับมัน ไปเรียนไปซ้อมร้องเพลง แม้จะยังเพี้ยนอยู่บ้าง แต่ว่าเราก็เต็มที่กับงานที่ได้รับมา"

เตรียมตัวสำหรับรักระยะไกล
“ช่วงแรกๆ พี่นิว (วงศกร ปกมัตถากร) ไปส่งค่ะ ไปอยู่เป็นเพื่อนก่อน ไปช่วยดูที่พัก ดูความปลอดภัย แล้วพี่นิวเขาก็กลับมาทำงานค่ะ ส่วนนาวก็อยู่ยาวๆ ถ้าเกิดพี่นิวเขาว่างก็จะไปหา หนูคิดว่าหนูไม่เท่าไหร่นะ หนูอยู่ได้ แต่พี่นิวสิ (หัวเราะ) สงสารเขานะ หนูฝากพี่นิวด้วยนะทุกคน (หัวเราะ)ทุกวันนี้ก็ยังเฟสไทม์กันอยู่ ต่อให้พี่นิวถ่ายละครไม่ได้เจอกัน แต่พอพี่นิวเลิกงานกลับบ้านมาก็เฟซไทม์คุยกัน เหมือนเราได้เจอกันทุกวัน ไปอยู่โน่นมันก็เหมือนกัน แต่เฟซไทม์อาจจะน้อยลง เพราะเวลามันไม่ตรงกัน

เพิ่งครบรอบ 10 ปีไป นานมาก เขาเป็นความสบายใจของหนู แต่หนูเป็นคนไม่ค่อยพูด จริงๆ หนูเป็นคนหวานนะ แต่พอเจอเขาหนูแพ้เลย (หัวเราะ) เพราะเขาเป็นคนหวานกว่า มีคำพูด มีมุมโรแมนติกมากกว่า ก็ไม่คิดว่าเขาจะทำคลิปแบบนี้ให้ คือหนูเป็นคนไม่ได้คาดหวังวันวาเลนไทน์อะไรแบบนี้เลย เราครบรอบกันมา 10 ปีแล้ว ไม่เคยคาดหวังว่าต้องมีของ แค่จำได้ว่า Happy Anniversary นะ แค่นี้ก็พอแล้ว"

รับ “นิว” คงแอบหวั่นใจในการไปเรียนครั้งนี้ของตน
“10 ปีแล้วเขาก็ยังเหมือนเดิมค่ะ แต่เรื่องแต่งงานหนูยังไม่คิดนะ ส่วนตัวพี่เขาก็ไม่คิดแล้วนะ ถ้าอยู่กันแบบนี้ทุกวันมันก็โอเคแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่แต่ง ประเพณีมันมีอยู่แล้ว แต่แค่มันยังไม่ใช่ตอนนี้เฉยๆ ทุกวันนี้ผู้ใหญ่รับรู้ก็โอเคแล้วพี่นิวเหมือนคนในครอบครัว เห็นเราตั้งแต่ชุดม.ปลาย ชุดมหาวิทยาลัย ขับรถไม่เป็นก็พาไปเรียนขับรถ เขาก็อยู่กับเรามาทุกช่วงชีวิต เหมือนเลี้ยงลูก (หัวเราะ) พอโตแล้วก็ปีกกล้าขาแข็ง บินไปเลยเนี่ยเห็นไหม (หัวเราะ)

เขาก็เคยพูดกับหนูนะว่าวันหนึ่งหนูอาจจะคิดเปลี่ยนไป เพราะว่าช่วงวัยรุ่นหนูมันหายไป แต่หนูก็ไม่ใช่คนเที่ยวไง ไม่ใช่คนใช้ชีวิตปาร์ตี้ ชีวิตหนูก็อยู่บ้าน อยู่กับเพื่อน เลยไม่ได้มีปัญหาตรงนั้นสักเท่าไหร่ พี่เขาไม่เคยห้ามหนูว่าจะทำอะไร จะไปเที่ยวกับเพื่อน จะไปไหน เขาไม่เคยห้าม หนูว่าเขาคงคิดเผื่อไว้ ถ้าหนูเปลี่ยนไปเขาก็เข้าใจ เพราะช่วงอายุของหนู คือพี่เขาผ่านมาหมดแล้ว เขารู้หมดแล้ว เขาก็รอวันที่หนูโตขึ้นว่าหนูจะอะไรยังไง หนูคิดว่าเขาคงคิดว่าอันนี้คือสิ่งที่หนูโตขึ้นที่เราจะไปเรียน

หนูว่าลึกๆ เขาก็คงหวั่นๆ หนูตอบอะไรเนี่ย ตายแล้ว ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด หนูตายแน่ๆ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ถ้าไปหนูว่าหนูน่าจะเกเรนะ ลั้ลลาของเราเนาะ หรือเราจะไปใจแตกที่โน่น (หัวเราะ) ล้อเล่นๆ ก็ไม่ได้อะไรหรอก ถ้ามันดีก็ดี หนูก็ไม่รู้จะพูดคำพูดอะไรที่มันดูสวยหรู ที่ผ่านมาหนูอยู่อย่างนี้ก็ไม่เคยว่อกแว่กนะ พี่เขาก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่คิดว่าคนไทยน่าจะเยอะแหละ แล้วสายสืบน่าจะเยอะด้วย เพราะพี่นิวบอกว่าเพื่อนของเพื่อนเขาก็อยู่เมลเบิร์น หนูก็ใจแตกไม่ได้แล้วสิ (หัวเราะ)"













กำลังโหลดความคิดเห็น