คุณแม๊ไม่ปลื้ม จัดงานครบรอบจากไป 1 ปี แตงโม ที่ท่าเรือ ลั่นลูกเสียชีวิต ไม่ใช่แฮปปี้เบิร์ธเดย์ สะท้อนใจไม่อยากมองน้ำ ตอกคนตั้งคำถามเรียกเงิน 50 ล้าน แล้วยังไง อิจฉาเหรอ?
เวลาสี่ทุ่มคืนนี้ (24 ก.พ. 66) ก็จะครบรอบการจากไป 1 ปี ของนางเอกชื่อดัง “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” หลังจากที่ตกเรือสปีดโบ๊ตจมน้ำเสียชีวิตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา
โดยแฟนคลับรำลึกครบรอบจากไป 1 ปีที่ท่าเรือพิบูลสงคราม มีการนำดอกไม้มาวางไว้อาลัย พร้อมตกแต่งท่าเรือ เพื่อเตรียมจัดงานรำลึกการจากไปวันที่ 26 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่พบร่างแตงโมที่ท่าเรือแห่งนี้
ขณะที่ “นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน” แม่แตงโม เผยผ่านรายการเปิดปากกับภาคภูมิ ทางช่องไทยรัฐทีวี ลั่นไม่ไปร่วมงานแน่นอน เพราะมันสะท้อนใจ ลั่นลูกจากไปไม่ใช่แฮปปี้เบิร์ธเดย์
“แม่ไม่ไปร่วมงานอยู่แล้ว มันสะท้อนใจ มันครบปี มันไม่ใช่แฮปปี้ไม่ใช่เบิร์ธเดย์ มันลูกเราเสีย มันสะท้อนใจ ไม่อยากมองน้ำ ไม่อยากเห็นตอนเขาลอยขึ้นมาจากในน้ำ พอรู้ว่าเขาจะจัด แม่ก็บอกก่อนว่าอย่าจัดเลย คุณแม่ยังไม่พร้อม สภาพคุณแม่ยังรับไม่ได้ แต่เขาอ้าง ส.ส.เต้ ว่าจะไปเป็นประธานในงาน งั้นอยากจัดก็จัดไป
ส่วนที่เขาจะเปิดภาพปริศนาเกี่ยวกับคดีของแตงโม คุณแม่ไม่ทราบค่ะว่าภาพปริศนาคืออะไร ภาพอะไรก็ตามที่ไม่เหมาะสม อยากฝากถึงแฟนๆ น้องโม ภาพที่ไม่เหมาะสมก็อย่าเปิดเลย เอาแค่นี้พอแล้ว เพราะคดีอยู่ในศาลแล้ว เปิดมาก็ไม่มีประโยชน์ เปิดให้ใครดูให้ใครสอบล่ะ ภาพปริศนานั้น ถูกไหม
ส่วนที่เขาอยากให้คดีคลี่คลาย คุณแม่ก็คิดว่าหลายๆ คน เพื่อนๆ แฟนๆ เขา คงอยากให้ไปเร็วๆ อย่างที่เขาต้องการ ไม่ต้องไปตามขั้นตอน มันจะช้า ต้องรออีก 2 ปีถึงคดีนี้จะเสร็จ แม่เข้าใจ แต่ไม่อยากให้ทำ เพราะเหมือนทำร้ายน้องโม”
รักลูกมากกว่าเงิน หรือรักเงินมากกว่าลูก มันคนละส่วน แม่มีสิทธิ์ได้ตามกฎหมาย จะเรียก 100 ล้านยังได้
“1 ปีที่ผ่านมา ในฐานะคุณแม่ คุณแม่เดินหน้าคดีเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ คนไม่เห็นหรอกคุณแม่ทำอะไรบ้าง เพราะคุณแม่ไม่ได้บอกใคร คนบอกไม่รักลูก หวังเรื่องเงิน มีคนถามด้วยว่ารักลูกมากกว่าเงิน หรือรักเงินมากกว่าลูก ก็บอกว่ามันคนละเรื่องกัน เงินก็เงิน คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นสิทธิของคุณแม่ที่จะได้ตามกฎหมาย ส่วนเรื่องลูก แม่ทุกคนรักลูกอยู่แล้ว มีแม่ที่ไหนเกลียดลูกตัวเอง คิดถึงด้วยมากๆ
ที่มีข่าวแม่ไปเรียกเพิ่มจากอีก 4 คน ที่ไม่ใช่ปอ-เบิร์ต รวมเป็น 50 ล้าน จริงๆ เดิมแม่ตั้งเป้าไว้ 50 ล้าน กับบุคคลเหล่านี้อยู่แล้ว คุณแม่มีสิทธิ์เรียกร้องตามกฎหมาย 100 ล้านก็ได้ แต่คุณแม่เรียกแค่ 50 ล้าน รอบแรกที่ไปออกรายการพี่หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย โหนกระแส บอกว่าจะเรียก 30 ล้าน รายรับน้องโมคูณไปต่อเดือน เป็น 30 ล้าน ทีนี้เราได้ไปตรวจเอกสารน้องโมเพิ่ม รายรับเขาเยอะมากๆ ก็ตามสภาพรายรับ เป็น 50 ล้าน คุณปอ-คุณเบิร์ต 9.2 ล้านก็เกือบ 10 ล้านแล้ว อีก อีก 40.8 ล้านก็จะเป็น 4 คน ที่ไม่ได้ชำระค่าสินไหมคุณแม่เลย
50 ล้านทั้ง 6 คนสุดแล้วแต่เขาจะทำยังไงกัน จะไปตกลงกันเองก็ได้ แต่คุณปอ-คุณเบิร์ต เขาบอกว่าเฉพาะของเขาสองคนเท่านั้น 9.2 ล้าน ไม่รวมกับ 4 คนนี้ เขาไม่ได้ชำระให้กับ 4 คนนี้ก็ต้องแยกไปชำระกันเอง เขาแยกคุยไม่ได้คุยกัน ก็แล้วแต่เขาคุยกัน ก็ต้องคุยต่อหน้าศาลว่าอีก 4 คนนี้ต่อรองเป็นยังไง ตัวเลขเป็นยังไง ก็อยู่ที่ศาลตัดสินให้
(ผู้ดำเนินรายการเผยว่าถ้าสามารถจบได้กับจำเลย ก็ไม่สามารถฟ้องแพ่งได้ เพราะจบตรงชั้นประนีประนอม ลักษณะของปอ-โรเบิร์ต ยอมจ่ายชดใช้ให้ โดยไม่รอผลข้างหน้า ถ้าคดีอาญาบอกว่าปอ-โรเบิร์ตไม่ผิดก็ยอมจ่ายไปก่อน หรือถ้าผิด จะเรียกเพิ่มมากกว่านี้ก็ไม่ได้แล้ว แต่ 4 คนที่เหลือ แซน , กระติก, จ๊อบ , ภีม ถ้าเขายืนยันในชั้นประนีประนอมว่าไม่ได้ทำผิด ไม่จำเป็นต้องจ่าย ก็ไม่เป็นไร แม่เรียกไว้ก่อน 40.8 ล้าน ที่เหลือก็ว่ากันในศาล เป็นคู่ขนานกันไป)
เป็นหน้าที่เขาด้วยเขายังไม่ได้จ่ายค่าสินไหมให้เรา เขาอยู่ในเรือด้วย ส่วนเขาบอกว่าไม่ผิดได้ไง เขาเป็นจำเลยอยู่แล้ว จะพูดว่าไม่ผิดไม่ได้ ต้องใช้คำนี้ น้องโมอยู่ๆ จะกระโดดน้ำลงมาเองเป็นไปไม่ได้ ต้องมีเหตุที่ทำอะไรที่ทำให้น้องตกน้ำ เหตุอะไรเราก็ไม่ทราบ ต้องมีคนมาบอกมาเล่าให้ฟัง ก็ไม่มีใครมาเล่าให้ฟังสักคนเดียว แม้แต่ปอ-เบิร์ตก็ไม่ได้บอก แม้เคยบอกว่าจะสารภาพ แต่ก็ยังไม่สารภาพ ก็ไม่เป็นไร พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกแล้วกัน เราก็รอศาลด้วย แต่ไม่ใช่การปัสสาวะท้ายเรือแล้วตกไปแน่ๆ แล้วข้อเท็จจริงคืออะไร แม่ก็ไม่อยากคิดไปเอง มันเป็นไปไม่ได้หรอก น้องโมใส่ชุดรุ่มร่ามมากเลย ที่เขาเคยจำลองเหตุการณ์ก็เป็นไปไม่ได้ เอามือไหนเกาะขาแซน เอามือไหนแกะกระดุม เป็นไปไม่ได้”
ลั่นปอ-โรเบิร์ตจ่ายเดือนละ 3 หมื่นหลายงวดแล้ว
“ถามว่าติดใจใครที่สุด ขออนุญาตไม่พูด ให้เป็นไปตามกฎหมาย คนที่ไม่ติดใจ ถามว่ามีไหม (เอามือปิดปากหัวเราะ ก่อนบอกว่าถามแปลกๆ) ปอ-เบิร์ตก็ปฏิบัติตัวดีเหมือนเดิม ตรงเวลาเป๊ะๆ แต่เรื่องคดีก็อีกเรื่องนึง เรื่องส่วนตัวก็อีกเรื่องนึง เราก็ไปทานข้าวไปร้องเพลงฟัง เขาก็ให้ของขวัญคุณแม่เสมอ เป็นเรื่องส่วนตัวนะ 9.2 ล้านเขาจ่ายมาหลายงวดแล้ว เดือนละ 3 หมื่น แต่เรื่องคดีเขาก็หนีไม่พ้น เพราะเขาเป็นจำเลย”
แยกได้! ระหว่างคดีลูก และพบปะสังสรรค์กับปอ-โรเบิร์ต
“คุณแม่แยกได้ไปกินข้าวร้องเพลงพบปะสังสรรค์ ทั้งที่ยังมีเรื่องคดีในใจ สักวันนึงเมื่อคดีจบที่ศาล เราจะรู้ข้อเท็จจริง วันนี้ก็เป็นความสัมพันธ์แบบนี้ไปก่อน เราจะไปเกลียดกันทำไม ส่วนที่บอกว่าจะซื้อรถให้ คิวจองยาวมาก คิวจอง 12 เดือน อย่าไปโฆษณาให้เขาเลย ตอนนี้ก็ใช้รถน้องโมดีกว่า
หลายคนมองว่าแม่ไม่เห็นร้องไห้เลย รักลูกหรือเปล่า ไปบ้านคุณแม่สิ จะเห็น เราร้องที่บ้านสิ จะมาร้องออกอากาศทำไม อายเขา ตอนแม่ร้องเพลงวีซิงค์ คุณแม่ก็ร้องไห้ คิดถึงลูก ร้อง 2 เพลงก็ร้องไห้ทั้ง 2 เพลง เพลงเดียวดาย เนื้อหามันเศร้ามาก คุณแม่ร้องไห้ทั้งเพลงเลย เหมือนที่เอาตุ๊กตาหมีน้องแตงโมไปด้วยตลอด”
เฉยมากถูกวิจารณ์พูดแต่เรื่องเงิน ตอกกลับแล้วยังไง คนตั้งคำถามอิจฉา?
“ถามว่าเวลาคนวิจารณ์แม่รู้สึกยังไง ว่าเห็นพูดแต่เรื่องเงิน ตอนนี้เฉยๆ มาก ถ้าเป็นเรื่องเงิน แล้วยังไง จะให้ทำยังไง แม่ก็ต้องรับเงิน มันเป็นสิทธิ์ของแม่ อิจฉาหรือไงที่มาถามๆ พูดๆ ก็อธิบายแล้วว่ามันเป็นสิทธิคุณแม่โดยชอบธรรม กระทรวงยุติธรรมคุณแม่ก็ไปรับมาแล้วแสนนึง นั่นก็สิทธิของคุณแม่
ส่วนเรื่องเรียก 40-50 ล้าน เวลาคิดต้องใช้สมอง ค่อยๆ ไล่ เรื่องคดีเป็นยังไง เรื่องเงินเป็นยังไง จะได้เงินมาเพราะเหตุใด ไม่ใช่อยู่ๆ พูดมา 50 ล้าน ไม่ใช่ มันเป็นขั้นตอนของมัน กลั่นกรองแล้ว และดำเนินไปตามที่กลั่นกรองตามกระบวนการยุติธรรมด้วย ไม่ใช่เราไปบังคับคุณปอ-คุณเบิร์ตเลย”
หากลูกอยู่คงไม่อ้างว้าง เดียวดาย
“ถ้าวันนี้แตงโมยังอยู่ ชีวิตคุณแม่คงไม่อ้างวาง ไม่เดียวดาย เรามีลูกสาวที่คุยกันทุกเรื่อง แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เหลือลูกชาย เขาก็ไปมีครอบครัว คุยกันคนละภาษา บ้านยังอยู่ ไม่ได้ขาย บ้านนเอวโมยังอยู่เหมือนเดิม ยังไม่ขาย สงสารลูกอุตส่าห์ทำมาหากินแล้วซื้อบ้านด้วยตัวเอง อีกหลังที่ติดกันซื้อให้คุณพ่อก็ไม่ได้ขาย แต่มีทนายความมาเช่าเป็นออฟฟิศ รถก็ยังอยู่ ทุกวันนี้แม่ใช้รถน้องโมอยู่
ถ้าเรื่องคดี อยากฝากว่าให้รอนิดนึง ต้องใช้เวลาค่ะ ท่านผู้พิพากษาศาลก็ต้องมีเวลาให้คดีอื่นด้วย ไม่ใช่คดีเราคดีเดียว เราต้องขึ้นศาล 48 ครั้ง เป็นระยะเวลา 2 ปี ถ้าคนไม่เข้าใจก็เรื่องอะไรล่ะคะ แม่ก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน ต้องพิจารณาจากคดี ว่าเรื่องเป็นยังไง น้องตกน้ำไปแล้วเกิดอะไรขึ้น คุณแม่ไปเรียกเงินเพราะเหตุใด มันเป็นสิทธิของคุณแม่อยู่แล้ว ทุกอย่างอยู่บนศาล คุณแม่ไม่ได้ไปตัดสินเอง”