xs
xsm
sm
md
lg

“หมอริท” ปัดมีเงินเก็บหลายร้อยล้าน ร่ำไห้ท้อ สร้างทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่คนหารวยเพราะเปิดเว็บพนัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“หมอริท” ร้องไห้เจอคำพูดฟังแล้วท้อ รวยเพราะเปิดเว็บพนัน บอกสร้างมาเองทุกอย่าง ทำงานหนักและสู้มาก ยังไม่ใช้คำว่าประสบความสำเร็จ เพราะจะพัฒนาต่อไปอีก เตรียมเปิดสาขาที่ 7 เพื่อแก้ปัญหารับลูกค้าไม่ทัน ยอมรับดรามาจัดสรรคิวไม่ลงตัว โละระบบใหม่หมด พร้อมใช้ มี.ค.นี้ แจงคอนเทนต์ใช้ 30 ล้านในวันเดียว เป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ส่วนเรื่องรักโสดแต่มีคนคุย

กลายเป็นคุณหมอหนุ่มสุดฮอต ที่ใครๆ ก็อยากจองคอร์สทำหน้าด้วยไปแล้ว สำหรับหนุ่ม “ริท เดอะสตาร์” หรือ นพ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช ที่ฝีมือดีจนมีดรามา คนมาใช้บริการเยอะจนจัดสรรคิวไม่ลงตัว ล่าสุดวันนี้ (23 ก.พ.) ได้เจอหมอริท ในงานเปิดตัวคอลเลคชั่น “23SS UNIQLO UV Protection” ก็เลยขออัปเดตธุรกิจคลินิกกันสักหน่อย เห็นว่ากำลังจะเปิดสาขาเพิ่มด้วย

“ตอนนี้ก็ไปได้ดีครับ ตอนนี้ส่วนใหญ่ทำคลินิกเป็นหลัก อยู่ในช่วงขยายสาขา ทำพวกมาตรฐานคลินิกแล้วก็ทำพวกเทรนนิ่ง ก็ทะลุเป้าหมายแล้ว ก็คือจำนวนสาขาก็ได้ตามเป้า ยอดขายก็ได้ตามเป้า ก็ถือว่าอยู่ในผลที่แฮปปี้โอเคครับ ตอนนี้มี 6 สาขาแล้ว แล้วก็กำลังจะเปิดเดือนเมษายนนี้ ที่สยามเป็นสาขาที่ 7 ส่วนปลายปีก็กำลังหาพื้นที่เพิ่มครับ ใครมีพื้นที่น่าสนใจก็ส่งมาได้ แต่เอาแค่ในกรุงเทพฯ ก่อน ตอนนี้ต่างจังหวัดดูแลไม่ไหว ก็คือขอดูแลแค่ในกรุงเทพฯ ก่อน อาจจะขยายปีหนึ่ง 3-5 สาขา ถ้าไหวนะ ซึ่งก็ไม่อยากให้มันเกินกำลังตัวเอง ดูทีมงานอีกทีหนึ่งด้วย”

เติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ก็มีจุดที่บกพร่อง ต้องเรียกคุยพัฒนาระบบ ประชุมกันตลอด
“ถ้าคุยกันแบบสัตย์จริง มันก็มีจุดที่บกพร่องอยู่บ้าง แต่ว่าในส่วนโอกาสที่เข้ามา แล้วก็เหมือนคนไข้ ลูกค้าเขาให้โอกาสเรา เราก็อยากคว้าโอกาสนี้ไว้ เหมือนคนเห็นจุดยืนของเรา แล้วก็เลือกที่จะเปิดใจใช้บริการแบรนด์เรา ริทเลยอยากคว้าโอกาสนี้ไว้ก่อน สุดท้ายจะเห็นว่าช่วงนี้มีแต่ประชุม เรียกทีมงานมาคุยหรือพัฒนาระบบ ทุกอย่างเป็นขั้นตอนเพื่ออัปเกรดตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็ยังรับฟังฟีดแบ็กจากทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ จะมีช่องทางรับฟัง ซึ่งริทก็ต้องอ่านเอง เอามาปรับเป็นจุดๆ จุดไหนน่าสนใจก็เอามาแก้เรื่อยๆ”

ยอมรับดรามาจัดสรรคิวไม่ลงตัว เหตุเพราะผู้ใช้บริการเยอะเกินกำลัง เปลี่ยนระบบใหม่แล้ว เริ่มใช้มีนาคมนี้
“เรื่องคิวต้องยอมรับจริงๆ คือเนื่องจากคนต้องการใช้บริการเยอะเกินกว่ากำลังการให้บริการที่เรามี มันก็มองได้หลายมุม มุมหนึ่งถ้าเกิดเราไม่ให้คิวบริการบางคนก็จะไม่พอใจ ว่าทำไมถึงไม่ได้รับคิวบริการ หรือว่าบางคนได้คิวบริการ แต่มีการเลท ก็ทำให้เขาไม่พอใจ ซึ่งตรงนี้เรารับทราบและได้ปรับปรุง 

ตอนนี้ริทได้มีการทำเกี่ยวกับประชุมหลังบ้านทั้งหมด แล้วก็แก้ไขเรื่องระบบคิวใหม่ จริงๆ ระบบการรับคิว แก้มาแล้ว 3 รอบ ซึ่งก็ปรับมาเรื่อยๆ ให้อยู่ตรงกลาง เพราะมันมีตั้งแต่ช่วงนัดแน่นเกินไป นัดเบาเกินไป มันไม่เกิดความพอดี ตอนนี้ค่อยๆ เป็นระบบที่เริ่มพอดีมากขึ้น แล้วก็จะเริ่มระบบรับนัดใหม่ช่วงมีนาคมนี้ จะเป็นการนัดแบบใหม่ ที่คิดว่าผลกระทบน่าจะน้อยลงแต่ยังไงถ้าเกิดปัญหาอะไรกับใครขึ้น ริทมีระบบพร้อมให้ฟีดแบ็ก สาขานั้นส่งมาได้เลยคุณมาวันนี้เวลานี้ เจอปัญหาแบบนี้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ริทพร้อมที่จะแอ็กชั่นให้ ถึงจะเป็นผู้บริหารในแบรนด์ตัวเอง แต่ว่าก็ดูแลลูกค้าแทน เพราะเราก็ไม่รู้ว่าหน้างาน ลูกค้าเจอประสบการณ์ที่ไม่ดี แล้วเราไม่รู้ ถ้าเรารู้เราก็จะจัดการให้”

ปัญหาหนักสุดตอนนี้ก็ยกให้เรื่องคิว พยายามจัดการอยู่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ
“ปัญหาที่หนักสุดตอนนี้ น่าจะเป็นเรื่องคิวนี่แหละ (หัวเราะ) เพราะตอนนี้สาขาริทมันเพิ่งขยายแค่ 6 สาขา แต่จำนวนคนที่ต้องการใช้บริการ มันเยอะกว่านั้นมากๆ ซึ่งพยายามก็จัดการอยู่นะครับ อันนี้ไม่ได้นิ่งนอนใจเลย”

ปัดเพราะสาขาเยอะเกิน เลยดูแลไม่ทั่วถึง แต่บางทีมี Accident ที่บอกผู้ใช้บริการโดยตรงไม่ได้
“คือสาขา 1 เรารับบริการ 20-30 คนต่อวัน ขึ้นอยู่กับหัตถการที่ทำ แล้วจำนวนคนที่ต้องการใช้บริการต่อวัน มันเกินจำนวนนั้นไปอีก มันเลยทำให้เรายังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ ซึ่งเอ๊ะ จะไม่รับคิวหรือว่าเลือกรับคิวยังไง บางคนต้องวันนี้เท่านั้นเวลานี้เท่านั้น ขอหน่อยเถอะ มันมีหลายปัจจัยมาก แม้กระทั่งเครื่องเสียกะทันหัน ที่เราเจอคือไฟดับ หมอรถชน เป็น Accident ที่เราไม่ได้ไปบอกผู้ใช้บริการโดยตรง ว่าเจอแบบนี้นะ แต่เราก็พร้อมรับทุกอย่าง ว่าเลทคือเลท ช้าคือช้า เลื่อนคือเลื่อน”

การเพิ่มสาขาเป็นหนึ่งวิธีที่จะใช้แก้ปัญหานี้
“ใช่ หนึ่งในวิธีการแก้ปัญหา คือการเปิดสาขาเพิ่มเพื่อรองรับ อันนี้แค่หนึ่งในนั้น แต่ใดๆ คือการจัดการระบบภายใน ยังเป็นเรื่องหลักอยู่ ซึ่งระบบการจัดการที่รื้อใหม่ทั้งหมด กำลังจะเสร็จประมาณมีนานี้ เปลี่ยนไปหมดทั้งระบบ การนัดคิว การคอนเฟิร์ม”

เตรียมใจไว้อยู่แล้ว เรื่องการคอมเมนต์ของลูกค้า มองปัญหาอย่างเป็นกลาง และแก้ไขในเรื่องที่ผิด เคสที่เป็นดรามาก็ออกมาทวิตเคลียร์เอง
“จริงๆ ริทเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ถ้าไม่นับปัญหานี้ วันหน้ามันก็ต้องมีปัญหาอื่น เพียงแค่เราต้องยอมรับว่าถ้าปัญหามันเกิดเราต้องมองอย่างเป็นกลาง เราต้องไม่มองเข้าข้างตัวเองหรือตัวลูกค้า ต้องมองว่าตรงกลางสิ่งที่ถูกต้องมันควรเป็นยังไง แล้วควรทำแบบไหน เรามองส่วนที่เขาพูดมันถูกไหม ถ้าถูกเราก็มาแก้ไข แต่ถ้าไม่ถูกเราก็จะทำยังไงที่เพื่อที่จะตอบรับกับเขา

อย่างเคสนี้ที่เป็นประเด็น ก็มีการติดต่อคุยกับเขา แล้วก็แก้ไขปัญหาให้เขา ริทก็ตอบทวิตเตอร์เองเลย จริงๆ ริทเป็นคนไม่ตอบทวิตเตอร์ แต่เคสนี้ริทรู้สึกว่าต้องตอบ เพราะเหมือนคนเห็นประเด็นนี้เยอะ แล้วอาจจะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น เชื่อใจ แต่สุดท้ายอยากจะบอกว่าอยากให้เชื่อใจ เพราะเราพร้อมปรับปรุงพัฒนา ปัญหามันเกิดได้อยู่แล้วแหละ ขึ้นอยู่กับว่าคนดูจะตัดสินว่ามันเป็นปัญหาใหญ่ของเขาไหม ถ้ามันใหญ่จนทำให้เขาไม่มั่นใจแล้วที่จะใช้บริการแบรนด์นี้ต่อ เราก็ต้องยอมรับการตัดสินใจ แต่ถ้าเกิดใครที่เชื่อใจ และเชื่อในวิธีการบริหารของริท ว่าริทพร้อมที่จะแอคชั่นกับมัน ก็ขอให้เปิดใจกลับมาที่เราครับ”

ยังไม่รวยถึงขั้นเป็นเศรษฐีท่านหนึ่ง มองพนักงานเป็นเหมือนครอบครัวที่ต้องเติบโตไปด้วยกัน
“อุ้ย ยังๆ (หัวเราะ) (เงินเก็บกี่ร้อยล้าน?) ยัง อย่าพูดถึงตัวเลขเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่าทำตามเป้าไปเรื่อยๆ มันก็มีแพชชั่นอะไรบางอย่างอยู่ สมัยก่อนก็มองแค่ตัวเอง เราอยากทำคลินิกให้ออกมาเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้กลายเป็นครอบครัวแล้ว คือพนักงานเข้ามาเป็น 100 ชีวิต ทุกวันนี้คนโน่นมีลูก คนนี้กำลังจะแต่งงาน เหมือนเราเอาความฝันของทุกคนมา ริทเหมือนจะโลกสวยที่เอาพนักงานมาอ้าง แต่จริงๆ แล้วถ้ามองในสภาพแวดล้อมการทำงานจริงๆ ริทรู้สึกว่าต่อให้ระบบมันเติบโตที่เป็นมาตรฐาน เราก็ยังต้องมีคำว่ามิตรจิตมิตรใจ ความเป็นครอบครัวพี่น้อง มนุษยธรรมอยู่ ไม่ใช่แค่สั่งงานๆ คุณต้องทำตามเรา ให้ได้ตามจ็อบแค่นั้นจบอะไรแบบนี้”

บอกครอบครัวตัวเองตอนนี้น่าสงสารมาก เอาบ้านไปทำออฟฟิศ ซื้อใหม่ก็ยังทำไม่เสร็จ
“ถ้าเกิดครอบครัวริท น่าสงสารมากตอนนี้ บ้านที่ซื้อมาเพื่อเป็นคลินิกที่แรก ตอนแรกก็เป็นคลินิกสามชั้น อีกสองชั้นก็ริทอยู่เอง และคุณพ่อคุณแม่ มีห้องกินข้าว มีที่ดูทีวี ตอนนี้ชั้น 4  โดนรื้อ ทำเป็นออฟฟิศ คุณพ่อคุณแม่มาไม่มีที่นอน ต้องแยกไปเช่าโรงแรม หรือไปนอนคอนโด แต่ก็ซื้อบ้านใหม่ให้แล้ว แต่ก็ยังไม่เสร็จ ช่วงนี้ก็เหมือนบังคับว่าเจอกันไม่ได้นะ ตอนนี้คือแยกแล้ว บ้านคือบ้าน แล้วก็มีออฟฟิศแยกไปอีกที่หนึ่ง เป็นออฟฟิศโดยเฉพาะ”

สถานะหัวใจยังว่าง ขอโฟกัสกับงานเหมือนเดิม
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร ยังเหมือนเดิมโฟกัสกับงาน ตอบเหมือนดาราท่านหนึ่ง แต่ตอนนี้ทำงานเยอะมากจริงๆ เมื่อวานก็นอนตี 3 เพื่อคุยงาน เพื่อที่จะสร้างออฟฟิศให้เสร็จ เพราะบางหน้าที่ไม่รู้ว่าใครจะทำเราก็ต้องทำ”

โสดแต่มีคนคุย ไม่ยึดติดกับความรัก ขอเวลาให้ตัวเองก่อน
“ถามว่าคุยกับแฟนถึงกี่โมง แหม! ไม่มีครับ โสดครับ ถามว่ามีคนคุยไหม มันก็ต้องมีบ้างเรื่อยๆ กุ๊บๆ กิ๊บๆ จริงๆ ไม่ได้ยึดติดกับความรักดีกว่า เป็นคนชอบทำงานรู้สึกว่ามีเพื่อนก็แฮปปี้แล้ว คนรอบตัวทุกคนถามแต่ก็หาเวลาเจอเพื่อนก่อนเนอะ ตอนนี้ขอมีเวลาให้ตัวเองก่อน (เรียกว่าโสดแต่ไม่สนิท?) โสด (มีคนคุย?) อืม..ก็ได้ แต่โสดครับ”

แจงคอนเทนต์ใช้เงินวันเดียว 30 ล้าน ซื้อแต่ของที่จำเป็น และของที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ที่จะสามารถเติบโตได้
“จริงๆ ทำคลิปแถลงไปแล้วว่าเราใช้เงินเพื่ออะไรบ้าง ถ้าใครดูเนื้องานจริงๆ ของที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์และเป็นสิ่งสำหรับเติบโตอย่างเดียวเลย ไม่ว่าจะเป็นซื้อออฟฟิศใหม่ ซื้อบ้านใหม่หรือซื้อเครื่องมือแพทย์ ซึ่งใครที่ติดตามชีวิตริทจริงๆ จะรู้ว่า ริทแทบจะไม่ได้ซื้อของอะไรเลย จะเก็บเงินไว้ซื้อของที่จำเป็นทีเดียว จริงๆ วันนั้นไม่ใช่คอนเทนต์ด้วย แต่ทุกอย่างมันว่างวันนั้นวันเดียว ด้วยเวลาเรามันน้อยมาก ทุกอย่างนัดเซ็นภายในวันนั้นวันเดียว มานั่งนับรายการดูย้อนหลัง เช็กไปมามันก็เลยกลายเป็นคอนเทนต์นั้น ก็ปล่อยเป็นคอนเทนต์ไป ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นไวรัลขนาดนี้

น้ำตาคลอเล่าเบื้องหลังชีวิต ดูชิลแต่มันไม่ง่าย ต้องทำงานหนักและสู้มาก ไม่ได้ชีวิตดี ใช้เงินไปวันๆ
จริงๆ เบื้องหลังมันก็ไม่ง่ายนะ ริทอาจจะดูเป็นคนตลกเฮฮา YouTube ก็ดูชิลๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เจอคนไหนก็หัวเราะเฮฮา แต่จริงๆ เบื้องหลังการทำงานริทว่าหนักมาก สู้มาก เพราะว่าเราตั้งโกลไว้บางอย่างกับตัวเองว่าริทจะทำมันถึงเมื่อไหร่ แล้วก็อยากจะเกษียณเมื่อไหร่ วันนี้จะต้องทำหนักแค่ไหน เรารับทราบมาอยู่แล้วเลยลุยตั้งแต่ตอนนี้เต็มที่ไปเลยเพื่อวางรากฐานให้ตัวเอง เพราะว่าเกิดมาเราไม่ได้มีพื้นฐานทางบ้านช่วย ริทอยู่กรุงเทพฯคนเดียวทำทุกอย่างคนเดียว พนักงานก็รู้ว่ารีบน่าสงสารขนาดไหน พูดแล้วจะร้องไห้ (น้ำตาคลอ)”

ร้องไห้เจอคำพูดที่ฟังแล้วท้อ หาว่าเอาเงินมาจากเว็บพนัน และมีแบ็กอัป มีคนลงทุนซัปพอร์ตให้
“เซนซิทีฟกับเรื่องนี้ จะบอกว่าทำคนเดียวก็ไม่ถูก มีพนักงานที่มาช่วยกัน แต่เวลามองภาพพนักงานที่เขามองริทเข้ามาเขาเห็นว่าเราอยู่คนเดียว ทำคนเดียว เขาก็ตั้งใจช่วยและอยู่กับเรา บางคนอยู่กับริทมาตั้งแต่ยังเป็นสาขาที่หนึ่งยังไม่มีอะไร เขาก็ยังอยู่ต่อจนถึงทุกวันนี้ มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องเงิน มันเป็นเรื่องที่เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวเรา 

ริทถึงบอกว่าคำพูดของริทมันอาจจะดูโลกสวย ว่าอยากสร้างที่นี่ให้เป็นที่ที่มั่นคง เป็นครอบครัวให้กับพวกเขา มันเลยเซนซิทีฟ บางคนก็พูดว่าเราฟังแล้วก็ท้อ อย่างเช่นว่าไปทำเว็บพนันออนไลน์หรือเปล่า หรือว่ามีใครให้เงินมาลงทุนหรือเปล่า พอเราฟังแล้วความสำเร็จที่เราสร้างมันมาด้วยตัวของเราเอง โดยที่ไม่ต้องมีแบ็กอัปหรือซัปพอร์ตอะไรเลย มันไม่ได้ง่ายนะ (ร้องไห้)

ภูมิใจกับตัวเองมาก สร้างทุกอย่างมาถึงจุดนี้ แต่ยังมีอีก 100 ชีวิตที่อยู่ข้างหลัง
“ริทภูมิใจกับตัวเองมาก จริงๆ ริทหยุดทำแล้วก็ได้ เพราะคิดว่าเงินที่ได้มาเพียงพอแล้วกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่อย่างที่บอกไปมีคนที่อยู่ข้างหลังเราอีกเป็น 100 ชีวิต เราต้องมองถึงจุดนั้น แล้วเป้าหมายของเราก็เปลี่ยนไปสมัยก่อนเรามองแค่ว่าโตอย่างเดียว ตอนนี้เรามองว่าเราประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เรามองว่าธุรกิจของเพื่อนเรา อะไรที่เราช่วยเหลือได้เราพร้อมที่จะช่วยเหลือหมด 

เราเห็นว่าการที่จะทำอะไรแล้วมันสำเร็จขึ้นมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วถ้าเกิดไม่มีการช่วยเหลือจากคนรอบข้าง มันเป็นไปได้ยากมาก อย่างริทโดนเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการเข้ามาช่วยเหลือ ริทไม่ได้เคยจ่ายเงินค่ารีวิวแม้แต่บาทเดียว เพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการเข้ามาซัปพอร์ต อันนี้เดี๋ยวช่วยโปรโมต ให้นึกย้อนหลังไปจนมาถึงวันนี้ มันรู้สึกดี”

พูดขอบคุณไม่เก่ง แต่ไม่เคยลืมบุญคุณใคร ยังไม่ใช้คำว่าประสบความสำเร็จ เพราะยังไม่หยุดแค่ตรงนี้ ต้องพัฒนาต่ออีกเยอะ
“ริทพูดถึงเรื่องความรัก หรือเรื่องการขอบคุณไม่ค่อยเก่ง แต่ใครที่สัมผัสใกล้ชิดริท จะรู้เลยว่าริทไม่เคยลืมบุญคุณใคร แม้กระทั่งเขาจะช่วยเราในก้าวเล็กๆ หรือก้าวใหญ่ๆ ก็ตาม ริทพร้อมที่จะซัปพอร์ตเขาคืน หรืออะไรที่ช่วยเขากลับได้แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราพร้อมที่จะทำ ซึ่งก็ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการต่อสู้จนเดินมาได้ถึงทุกวันนี้ ขอบคุณทุกคนจากใจเลย ถ้าไม่มีพวกเขาเราก็ประสบความสำเร็จไม่ได้ในวันนี้ 

ก็ไม่ได้เรียกว่าประสบความเร็จทั้งหมดแล้วนะ ริทก็ยังต้องโตไปอีก ริทรู้สึกว่ามันเร็วไปที่จะใช้คำว่าประสบความสำเร็จ เพราะว่าริทเพิ่งทำมาได้ประมาณสองปีกว่าๆ ยังไม่หยุดแค่ตรงนี้แน่นอนครับ ยังต้องพัฒนาต่ออีกเยอะ”











กำลังโหลดความคิดเห็น