“ปราง กัญญ์ณรัณ” เปิดใจ ภาพเดียวเปลี่ยนชีวิต ยิ้มรับคำชม หน้าสดสวยกว่าแต่งหน้าอีก แต่ทำช่างแต่งหน้าเสียความมั่นใจ ลั่นวาเลนไทน์เหงาไม่มีคนส่งดอกไม้ให้ เปย์ตัวเองด้วยรองเท้า-กระเป๋าแบรนด์เนมหลักแสน ขู่ตัดเพื่อนหากแนะนำหนุ่มให้อีกยังเชื่อในพรหมลิขิต
หลังจากคนชมไม่ขาดปาก ว่าหน้าสดสวยมาก เหมือนนางฟ้า ก็ทำเอานักแสดงสาว “ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล” แทบจะไม่กล้าลงรูปตัวตอนแต่งหน้าแล้ว โดยสาวปรางได้เผยให้ฟัง ในงานเปิดตัวแคมเปญ 3.3 “Best of Italy, Best of Mine, presented by Shopee x ITA” ว่าเดี๋ยวนี้ต้องเปลี่ยนมาแต่งหน้าแบบเบาๆ Natural Look เพราะกลัวแม่ๆ ช่างแต่งหน้าจะโดนถล่ม ว่าแต่งอะไรให้ไม่สวยเลย เนื่องจากเดี๋ยวนี้แฟนๆ ชอบให้มาในลุคหน้าสดมากกว่า
“จริงๆ ก็ตั้งแต่วันนั้น หนูก็ไม่กล้าลงรูปที่แต่งหน้าอีกเลย (หัวเราะ) จริงๆ ก็อยากเป็นกำลังให้พี่ช่างด้วย เขาก็แต่งหน้าหนูนานอยู่ 2 ชั่วโมงนะเวลาออกงาน แล้วแต่งไปแล้วคนบอกไม่แต่งหน้าสวยกว่า (หัวเราะ) มันก็เซาอยู่”
ปรับการแต่งหน้าเป็นแบบ Natural Look เพราะแต่งเยอะไปคนจำไม่ได้ และบอกว่าไม่สวย
“คือเราก็เริ่มคิดว่าเอาไงดี จนกระทั่งหลังๆ ก็บอกพี่เขาว่าแต่งน้อยๆ แล้วกัน เป็น Natural Look แล้วกันเพื่อความปลอดภัยของคอมเมนต์จากแฟนๆ ตอนนี้ก็กลายเป็นคนชื่นชอบเราไปในทางนั้นถามว่าต้องส่องกระจกบ่อยขึ้นไหม จริงๆ ดีใจที่หน้าเราวันธรรมดาที่ไม่แต่ง มันกลายเป็นลุคที่มั่นใจขึ้น หมายถึงว่าคนก็ไม่ได้คาดหวัง ว่าเราต้องสวยแบบแต่งหน้าตลอดเวลา กลายเป็นว่าไปไหนมาไหนแบบไม่แต่งหน้า คนจำได้เยอะกว่าอีก เมื่อก่อนไม่แต่ง คนก็จำไม่ได้ แต่ตอนนี้คนจำได้หมดเลยถ้าไม่แต่งหน้า แต่พอแต่งหน้าแล้วงงว่าคือใครคะ ช่วงนี้ก็เลยแต่งแบบ Natural Look เพราะคนชอบ ก็เอาใจแฟนๆ ด้วย คือเมื่อก่อนจะแต่งแบบมีขนตาเยอะ แก้มเยอะ ปากมีสีหน่อย แต่ตอนนี้ต้องแบบน้อยมากๆ ค่ะ คนจะชอบมากเลย (หัวเราะ)”
บอกช่างแต่งหน้าถึงกับเกร็ง ไม่มั่นใจในหน้าที่การงาน จากที่เคยแต่งแล้วสวย กลายเป็นคนว่าไม่สวยซะงั้น
“ก็แกล้งแซวแม่ๆ ช่างแต่งหน้า ว่าเห็นไหมแต่งเยอะคนว่าเลยเนี่ย แม่ก็บอกอุ้ยตายแล้ว จากที่เคยสวย กลายเป็นแต่งไม่สวยไปแล้ว แม่ๆ เขาก็เกร็ง คือเคยแต่งแบบนี้ แล้ววันหนึ่งเขาต้องแต่งอีกแบบหนึ่ง เขาก็จะบอกว่าประมาณนี้แหละเนอะลูก สวยแล้วเนอะแม่เขาก็ไม่มั่นใจ เพราะจากที่แต่งแล้วคนชมว่าสวย ก็บอกว่าไม่ค่อยสวยแล้ว ไม่แต่งดีกว่า มันก็เหมือนเสียความมั่นใจในหน้าที่การงานค่ะ”
ส่วนตัวมั่นใจหมด ทั้งหน้าสดและแต่งหน้า แต่ชอบตัวเองตอนไม่แต่งหน้าอยู่แล้ว
“ที่จริงหนูโอเคนะ สำหรับปรางมันคนละแบบ แล้วจริงๆ ปรางชอบตัวเองตอนไม่แต่งหน้าอยู่แล้ว แต่คนจะเห็นตอนแต่งหน้าตลอด เขาก็จะชิน แต่นั่นแหละค่ะ ภาพนั้นมันเปลี่ยนชีวิตหนูจริงๆ (หัวเราะ) คือโชคดีที่เป็นคนมีคิ้ว แต่หน้าสดของหนูก็ต้องทาลิปมันนิดหนึ่ง ไม่งั้นปากมันจะซีด ส่วนที่เห็นแก้มแดงๆ คือเป็นคนแก้มแดงอยู่แล้ว ร้อนหรือทำอะไรนิดหนึ่งหน้าจะแดง ก็ยืนยันว่าในคลิปนั้นที่ไปซ้อมร้องเพลง ไม่ได้แต่งหน้าเลยเพราะบางคนอาจจะคิดว่าแอบแต่งนิดหนึ่งหรือเปล่า แต่ไม่ได้แต่งเลยค่ะ ไม่มีเลย แก้มแดงนี้คือเป็นปกติของหนูอยู่แล้ว”
ไม่สูญเสียความมั่นใจ ถ้าออกงานต้องแต่งหน้าเยอะ แต่เป็นห่วงช่างแต่งหน้ามากกว่า เพราะโดนคนว่าให้เปลี่ยนช่างเถอะ
“ความมั่นใจหนูไม่เคยสูญเสีย แต่หนูเป็นห่วงช่างแต่งหน้าที่จะโดนถล่มมากเลยค่ะ เขาจะบอกว่าช่างแกง เลิกใช้ช่างคนนี้ได้แล้ว อะไรแบบนี้ หนูก็เป็นห่วงแม่ๆ มากกว่า”
แอบเครียดต้องรักษามาตรฐานหน้าสด เพราะบางทีก็มีสิวขึ้น
“เครียดนะพูดจริงๆ บางวันก็เป็นสิวบอกตรงๆ เราทำงานหนักบางวันก็มีสิว เราก็แบบตายแล้ว ถ้าคนไปเจอเราแล้วบอกว่า อุ้ย ไม่เห็นเหมือนในคลิปนั้นเลย (หัวเราะ) ก็นะคะ บางวันก็ให้อภัยเนอะ หนูมีสิวปกติ ยังวัยรุ่นอยู่ค่ะ (หัวเราะ)”
โดนแซวไม่มีเสื้อยาวถึงสะดือ ถือคอนเซ็ปต์ สวย หน้าสด เอวลอย
“ไม่รู้ มันเป็นเทรนด้วย แล้วจริงๆ ปรางก็แต่งประมาณนี้มาอยู่แล้วแต่ไหนแต่ไร คนก็ชื่นชอบไปในเวย์นี้ด้วยมั้ง (แม่ว่ายังไงลูกสาวแซ่บขึ้น?) เอาจริงๆ แต่งมาเรื่อยๆ จนแม่หนูก็ชินแล้ว แม่ไม่ว่าแล้ว คือแม่ก็รู้สึกว่าอันนี้คือชุดปกติ แต่แม่เคยว่าตอนนานมากแล้วค่ะ
จริงๆ เขาเข้าใจว่ามันแฟชั่น แต่สิ่งที่เขาเตือนเรา มันน่าจะเป็นการที่เราออกไปใช้ชีวิต ว่าต้องดูกาลเทศะในสถานที่ที่เราไปมาก แต่เราก็ดูตลอดค่ะ ถ้าเป็นงานที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะไม่ใช้เสื้อแบบนั้น (ให้เลือกเสื้อผ้า 1 ชุดใส่ไปออกงาน แบบยาวกับเอวลอย เราจะเลือกชุดไหม?) เอาเอวลอยสิ (หัวเราะ) เดี๋ยวคนผิดหวังในตัวเรา (หัวเราะ) คอนเซ็ปต์ สวย หน้าสด เอวลอย (หัวเราะ) พูดตรงๆ ว่าใส่เอวลอยก็มั่นใจ คล้ายๆ กับหน้าสดตอนนี้ค่ะการที่หนูใส่แบบนี้ มันก็ทำให้หนูดูแลตัวเองไปด้วย ก็จะไม่กล้ากิน แต่เราก็ออกกำลังกายเยอะค่ะ เน้นช่วงเอวเยอะกว่าช่วงอื่น ต้องเอว S เท่านั้นตามคอนเซ็ปต์ ซึ่งตอนนี้เอว 24 ค่ะ”
วาเลนไทน์เหงาๆ ไม่มีคนส่งดอกไม้ให้ เลยเปย์ตัวเองด้วยกระเป๋าและรองเท้าแบรนด์เนมหรู
“อาทิตย์หน้าจะเดินทางไปฮันนีมูนกับเพื่อนค่ะ (หัวเราะ) เป็นฮันนีหมู่ ส่วน 14 กุมภาพันธ์ วาเลนไทน์ที่ผ่านมา ก็ไปซื้อของขวัญให้ตัวเอง เหงา ไม่รู้จะไปไหน คือพยายามให้มีคนจ้างงาน แต่ไม่มีใครจ้างหนูเลย วันนั้นก็คือไปซ้อมเต้นคอนเสิร์ตค่ะ ก็นั่นแหละค่ะ เลยเห็นเป็นชุดซ้อมเต้นไปซื้อ CELINE การช้อปปิ้งก็เยียวยาอยู่บ้างค่ะ ซื้อ 2 ถุงไปเลย ซื้อแพงที่สุดตั้งแต่เคยซื้อมาเลย ก็หลักแสน แต่ก็ไม่เป็นไรเนอะ วาเลนไทน์เราก็ปลอบใจตัวเอง เป็นกระเป๋ากับรองเท้า เลยลงคลิปเล่นๆ จากเพลงที่แบบ I can buy myself flowers ใช่ไหม เราไม่ซื้อค่ะดอกไม้ ซื้อทำไม ซื้อ CELINE ค่ะ ไม่ได้ประชดวาเลนไทน์ค่ะ จริงๆ อยากได้อยู่แล้ว (หัวเราะ) วันนั้นไม่เล่นอินสตาแกรมเลย คนลงรูปคู่หมดเลย เราก็ไม่รู้จะลงอะไร ไม่มีดอกไม้จากใครเลย”
เพื่อนแนะนำหนุ่มๆ ให้เยอะ แต่ชอบแบบเจอกันโดยธรรมชาติมากกว่า เชื่อในพรหมลิขิต
“ถามว่าอยากจะมีไหม ตอนนี้ก็เฉยๆ ค่ะ จริงๆ เวลามีใครแนะนำอะไรมา เราก็รู้สึกว่าเราก็ยังไม่ได้อยากจะคุยจริงจังอะไร มีคนแนะนำเยอะมากค่ะ บางทีเพื่อนก็แบบ หนูต้องบอกว่าจะตัดเพื่อนแล้วนะ ถ้ายังไม่หยุดแนะนำ (หัวเราะ) คือมันรู้สึกแปลกๆ ตอนที่แบบเพื่อนแนะนำมา ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวมีคนนั้นไปด้วย มันก็รู้สึกแปลกๆ ส่วนคนที่เดินเข้ามาหาเองยังไม่มีค่ะ ยังไม่มีใครกล้า แต่เราชอบแบบหาเอง ให้เจอกันตามโอกาสใดๆ อาจจะเป็นการร่วมงานหรือแบบธรรมชาติ เชื่อในพรหมลิขิตค่ะ”
ยิ่งโสด ยิ่งสวย แถมงานรุ่ง
“ก็ดีแล้วค่ะ (ยิ้ม) แต่งานเยอะจริงๆ ค่ะ งานร้องเพลงนี่แหละค่ะ หยุดร้องไม่ได้เลย ล่าสุดหนูจะซื้อไมค์แล้วนะคะ ห้ามเลิกจ้างหนูนะคะ ส่วนอินเอียร์ซื้อแล้วค่ะเดี๋ยวได้ฟังอีกหลายเพลงเลย ก็อยากเป็นนักร้องสาว เดี๋ยวรอให้มันจริงจังกว่านี้ก่อน”
ร้องไปอินไป กับเพลง ‘สิ่งของ’ ของวง Klear (เคลียร์) เพราะตรงกับชีวิตหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องงานและความรัก
“เป็นเพลงที่ชอบอยู่แล้ว คือจริงๆ เพลงนี้เป็นเพลงที่อยากร้องมากๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ร้อง พอดีไปขึ้นคอนเสิร์ตนั้น แล้วเขาให้เลือกเพลงเอง พอได้เลือกเองมันก็อิน แล้วมันก็ตรง หมายถึงว่าเราอยากขอบคุณอะไรหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างอยู่แล้ว จริงๆ มันผ่านช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตหนู แล้วไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตหนูวันนี้มันจะมีคนให้โอกาส มีคนซัปพอร์ตเรา ทำอะไรคนก็ยังรัก ยังชอบในความเป็นเราอยู่ก็ตื้นตันแล้วก็ดีใจ หนูอยากเป็นนักร้องมาเสมอ แล้วได้ขึ้นเวทีอิมแพคอารีน่า ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ขึ้น
ในซีนนั้นคือขอให้คนเปิดแฟลชให้หน่อย เหมือนตัวเองเป็นนักร้องมาก ซึ่งตอนนี้ก็คิดว่าถ้าขอไปแล้วไม่มีใครเปิดให้จะทำยังไง (หัวเราะ) พอเขาเปิดให้มันก็ดีใจมาก อะไรหลายๆ อย่างมันปนกันจนจะร้องไห้ แต่ก็ไม่กล้าร้อง กลัวดูโอเว่อร์เกินไป ก็ต้องกลั้นไว้ แต่ว่าหนูดีใจมากจริงๆ ค่ะ ที่สุดในชีวิตแล้ว (เนื้อเพลงบอกว่า คนอย่างฉันถูกโยนทิ้งขว้าง?) ที่มันโดนกับความรู้เรา มันเป็นหลายๆ เรื่องด้วยค่ะ ทั้งในเรื่องของโอกาสการทำงาน ชีวิตหนูในวงการบันเทิง ที่วันนี้มีโอกาสดีๆ มันเลยอินในหลายๆ จุดค่ะ ไม่ใช่เรื่องความรักอย่างเดียว เพลงนี้มันเลยตอบโจทย์ได้ในหลายๆ อย่างค่ะ”
