“แมว จิรศักดิ์” ภูมิใจ “ทิกเกอร์” เดบิวต์เป็นศิลปิน ลั่นลูกพิสูจน์แล้วไม่ได้ดังข้ามคืนเพราะบารมีพ่อแม่ แต่เพราะฝึกฝนอย่างหนัก ด้านแม่นิโคล เผยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้เห็นพัฒนาการของลูกเลย เซอร์ไพรส์มากไม่คิดว่าลูกจะทำได้ขนาดนี้ สำหรับตนไม่มีคำสอนให้ แต่หากลูกถามก็จะเล่าสิ่งที่ตนเคยเจอให้ฟัง ส่วนพ่อแมวสอนสิ่งที่ดีที่สุดคืออย่าดูพ่อเป็นตัวอย่าง ด้านทิกเกอร์ รับตอนเด็กกดดันกับคำว่าลูกแมว ลูกนิโคล แต่ตอนนี้ภูมิใจมาก
ซุ่มฝึกซ้อมเป็นศิลปินฝึกหัดกับทางแกรมมี่อยู่ 3 ปีเต็ม ในที่สุด “อชิระ เทริโอ" หรือ "TIGGER"ก็ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวคนแรกจากค่าย G’NEST กับซิงเกิลแรก R U OK แล้ว ในมินิอัลบั้ม CRUSH ที่งาน "TIGGER DEBUT SHOWCASE" ซึ่งมีแขกรับเชิญเซอร์ไพรส์บนเวทีคือคุณพ่อคุณแม่ที่เป็นศิลปินในตำนาน "นิโคล เทริโอ"และ "แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม"ทำเอาแม่กี้น้ำตาแตกภูมิใจที่ลูกมีวันนี้
หลังจากเสร็จสิ้นงาน ทิกเกอร์-นิโคล-แมว ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน ถึงความสำเร็จก้าวแรกของลูกในครั้งนี้ว่า….
แมว : “ดีใจนะครับที่ทิกเกอร์เดินทางมาถึงวันนี้เขาต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะแยะมากๆ กับคำที่บอกว่าแหงล่ะสิ ก็เพราะมีคุณพ่อคุณแม่ เขาจึงต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยระยะเวลาที่ผ่านมา 3 ปี ฝึกฝนอย่างหนักหน่วง โทร.ไปหาเขาไม่ค่อยรับสายเพราะว่าติดซ้อมอยู่จนถึง 4-5 ทุ่มเราได้แต่ให้กำลังใจลูก จนมาถึงวันนี้ ทุกอย่างมันสุดยอดมากในวันที่พ่ออายุเท่าหนู พ่อยังทำไม่ได้แบบนี้ ไม่ได้ฝึกแบบหนู พ่อภูมิใจในตัวลูกมากๆ”
นิโคล : “(ร้องไห้) ร้องเก่ง คือที่ผ่านมาเขาไม่ให้ดูเหมือนให้เราเซอร์ไพรส์ ให้มาส่งแต่ไม่ให้ดู ให้มาดูตอนโตเลยพอมาเห็นก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ดีใจกับทิกเกอร์และยินดีกับลูกมากๆ เราเห็นความเหนื่อยเพราะเขาต้องเรียนด้วยและฝึกซ้อมไปด้วยทิกเกอร์นับได้ว่าเขาซ้อมไป 4,000 ชั่วโมง ตลอด 3 ปี เห็นเขาพัฒนา ไม่คิดว่าทิกเกอร์จะเป็นได้ขนาดนี้ อันนี้คือเซอร์ไพรส์มากๆ ขอให้ทิกเกอร์ประสบความสำเร็จเพราะว่าทิกเกอร์ตั้งใจจริงๆ หมามี๊ แด๊ดดี๊ภูมิใจมากๆ”
น้ำตาแตก หลังดูลูกชาย “ทิกเกอร์” ร้องเพลงตัวเอง “เปรี้ยวใจ” และเพลงของพ่อ “คนของเธอ”
นิโคล : “เปรี้ยวใจเป็นเพลงที่น่ารัก แต่ทุกครั้งที่ร้องเพลงของพี่แมว (เพลงคนของเธอ) กี้น้ำตาแตกทุกครั้ง เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่กี้ชอบมากและชอบมานานแล้ว เวลาที่ทิกเกอร์ร้องอยู่ที่บ้านก็จะน้ำตาคลอทุกครั้ง”
แมว : “รู้สึกประทับใจ มันถึงเวลาที่เรามานั่งดูลูกแล้ว เพลงของเราถูกถ่ายทอดออกมาอีกรูปแบบหนึ่งในความเป็นตัวของเขา จากที่ทุกครั้งเวลาที่เจอกันเขาก็จะชอบเล่นเพลงนี้ให้เราฟังและถามในเรื่องของทฤษฎีดนตรีและการอัดเสียงเพลงนี้และเพลงที่เขาร้องวันนี้เขาก็เรียบเรียงดนตรีเองในแบบที่เขาชอบ และอยากให้มันเป็น และเขาทำได้ดีมาก”
เล่าความรู้สึกวันแรกที่จะได้เป็นศิลปินฝึกหัดของแกรมมี่ ลั่นวันนี้ “ทิกเกอร์” พิสูจน์แล้วไม่ได้ดังข้ามคืนเพราะบารมีพ่อแม่ แต่เพราะฝึกฝนอย่างหนัก
นิโคล : “วันนั้นเราเข้าไปแกรมมี่ แค่ได้เข้าไปเป็นเด็กฝึกกี้ก็ตื่นเต้นมาก มันเป็นก้าวแรก ได้-ไม่ได้มันขึ้นอยู่กับทิกเกอร์แล้ว เพราะว่าการเป็นเด็กที่แกรมมี่ ถ้าทำไม่ได้ดีตามที่เขาจะพัฒนา ก็ไม่ได้ เพราะเขาจะเข้มงวดมาก จะมีการสอบทุกครั้ง และมีการคัดออก เพราะฉะนั้นใน 3 ปีที่ผ่านมา มันมีโอกาสที่เขาจะถูกคัดออกได้ถ้าเขาไม่ได้ตั้งใจ แล้วน้องๆ ทุกคนที่ฝึกหัดในตอนนี้เขาตั้งใจมากๆ”
ทิกเกอร์ : “วันนั้นผมกับแม่เรากลับบ้านด้วยกัน เรารอคำตอบอยู่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน ตอนเขาโทร.มาเรากรี๊ดกันอยู่ในรถ แล้วผมก็โทร.หาคุณพ่อ”
แมว : “ผมได้ทราบหลังจากที่เขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาระดับนึงแล้ว ในวันที่เขาตัดสินใจไปเรายังไม่รู้เรื่อง เรารู้วันที่เขาผ่านมาแล้ว เราก็อึ้ง และดีใจกับเขาด้วย และมันก็เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า เด็กคนนี้ดังง่ายหรือว่าช่วงข้ามคืนก็ดังแล้ว คำนี้มันใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะว่าทิกเกอร์ไม่ได้อยู่ดีๆ ก็ดังแต่เขาผ่านการซ้อม ผ่านอะไรมาอย่างหนักหน่วง เพราะว่าเขามีอะไรบางอย่างที่เขาอยากจะพิสูจน์ คำว่าลูกแมว ลูกนิโคลไม่เกี่ยว”
ด้าน “ทิกเกอร์” รับตอนเด็กกดดันกับคำว่าลูกแมว ลูกนิโคล แต่ตอนนี้ภูมิใจมากหากมีคนเอาตนไปเปรียบเทียบกับพ่อแม่
ทิกเกอร์ : “ไม่ครับ ผมรู้สึกเจ๋งมาก ชื่อพี่แมว ชื่อพี่นิโคล คือแบบเป็นตำนานของแกรมมี่ และการที่ผมเป็นลูกของเขา ผมรู้สึกว่าโชคดีที่มีครอบครัวที่มิวสิคัลมีประสบการณ์ในวงการเพลงแบบนี้ ซึ่งผมได้เรียนรู้อะไรมากมายในวงการเพลงจากพ่อและแม่ของผม แต่ตอนเด็กๆ ผมยอมรับว่าแอบมีบ้าง เพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นตำนานขนาดนี้ ตอนเด็กๆ คิดว่าถ้าผมเป็นศิลปิน จะทำได้ไม่ดีเท่าพ่อแม่ไหม แต่ตอนนี้ผมรู้ว่ามันเทียบกันไม่ได้ เพราะมันเป็นคนละแนว เปรียบเทียบไม่ได้
วันนี้ผมรู้สึกแฮปปี้ที่มีการเปรียบเทียบ เพราะถ้ามีคนบอกว่าโอ้ นั้นลูกพี่แมว ร้องเกือบเหมือนพี่แมว จริงๆ มันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว ผมโชคดีมากๆ และแฮปปี้ที่ผมมีพ่อแม่”
วันนี้ลูกเป็นศิลปินเหมือนพ่อแม่แล้ว แต่ “นิโคล” กล้บไม่มีคำสอนหรือคำเตือนให้ แต่หากลูกถามก็จะเล่าสิ่งที่ตนเคยเจอให้ฟัง
นิโคล : “กี้เชื่อว่าในเส้นทางที่เขาฝึกมา 3 ปีกว่า เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ว่าพ่อแม่เป็นแรงบันดาลใจในตอนแรก เป็นความคุ้นเคยที่ดูคอนเสิร์ตเราตั้งแต่เด็ก เขาคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ โตมากับเสียงเพลง เขาได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าทิกเกอร์คือตัวเขาเอง แล้วมีพ่อแม่ที่ซัปพอร์ตและรักเขา
เรื่องคำสอน หรือคำเตือนสำหรับวงการนี้ไม่มีค่ะ ถ้าทิกเกอร์ถาม เราก็จะเล่าในยุคของกี้ว่าเจออะไรมาบ้าง เป็นยังไงบ้าง มันมีขึ้นมีลง แล้วให้เขาไปตีความหมาย ไปคิดเอง เขาก็จะเอาเป็นเรื่องเล่าของตัวเอง”
แมว : “ทิกเกอร์โตแล้ว เขาสามารถที่จะคิดอะไรต่างๆ ด้วยตัวเอง แล้ววันนึงที่ทิกเกอร์ต้องการคำปรึกษาเราก็พร้อม อยากให้ลูกคิดว่าเราเป็นเพื่อน เขาจะปรึกษาเราได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องผู้หญิง เรื่องอื่นๆ (มีการบอกกันไหมว่าการเป็นนักร้องที่ดีต้องทำยังไง?) สิ่งที่ดีที่สุดคือ อย่าดูพ่อเป็นตัวอย่าง (หัวเราะ)จะบอกว่าสิ่งที่ลูกทำอยู่ดีอยู่แล้ว รักษามาตรฐานนี้ ทั้งมาตรฐานในการทำงาน และมาตรฐานในเรื่องของจิตใจ ตอนนี้ทิกเกอร์เป็นเด็กที่น่ารัก ทุกคนให้ความเอ็นดู และเชื่อว่ามันไม่ดร็อปอยู่แล้ว เพราะว่าทีมงานทั้งบริษัท และทั้งพ่อแม่คอยดูแลและสนับสนุนตลอดเวลา”
ทิกเกอร์ : “คุณแม่มีการเอ็นเตอร์เทนเนอร์ มีเอนเนอร์จี้ที่สดใสตลอดเวลา ผมอยากมีชีวิตที่เชิงบวกตลอดเวลาครับ สำหรับคุณพ่อผมเป็นแรงบันดาลใจในเรื่องดนตรีของคุณพ่อ กับเสียงกีต้าร์ เสียงเพลง การสื่อสารอารมณ์ วิธีการควบคุมตัวเองให้ได้ ผมก็พยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลาครับ”
ทำเพลงให้ศิลปินจนโด่งดังมากมาย แต่พอถึงคิวลูกชายตัวเอง “แมว จิรศักดิ์” ไม่กล้าอาสาดูแลเพลงให้ลูก บอก “ทิกเกอร์” มีลายมือของตัวเองแล้ว กลัวจะใส่ความเป็นตัวเองในงานลูก
แมว : “ปล่อยเลยครับ ตั้งแต่เด็กเลย เขาเป็นเด็กที่เก็บข้อมูล แอบเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง กว่าที่เขาจะพูดกับพ่อแต่ละทีเราก็คิดว่าลูกเราพูดได้หรือเปล่า(หัวเราะ)จนเขา 3 ขวบ ถึงจะเริ่มพูดเป็นเรื่องเป็นราว พอเขาพูด เราถึงได้รู้เขาคิด ทุกอย่างผ่านการคิด ตอนที่เขาเล่นกีต้าร์เขาก็ไปเรียนของเขาเอง เรารู้จากกี้ว่าวันนี้ลูกมีโชว์ที่โรงเรียน ยังตกใจว่าเขาเล่นกีต้าร์ พอมาเรื่องเพลงเขาทำของเขาเอง เขาเป็นเด็กที่ชอบพิสูจน์ตัวเอง
ส่วนเพลงต่อไป ก็ไม่กล้าอาสาเพราะเขามีลายมือของเขา เดี๋ยวเราจะไปใส่ความเป็นตัวเราในเพลงของเขาเกินไป นอกเสียจากว่าเขาต้องการเอง เขาจะพูดเอง”
ทิกเกอร์ : “(มาถึงจุดนี้แล้วเราอยากจะบอกอะไรกับพ่อแม่?) ขอบคุณมากๆ ครับ ที่สนับสนุนผมตลอด ทุกอย่างที่ผมทำ ผมจะพัฒนาตัวเองต่อไป ผมอยากทำให้มันเต็มที่มากครับ”