“ทำให้คิดยังไงครับ บอกจนไม่รู้จะบอกยังไงแล้ว ไม่ได้คุยกับน้องมา 2 ปีได้แล้วมั้งครับ คิดเองเออเองก็มาโทษผมตลอด ขอโทษไว้ตรงนี้เลยครับที่เมื่อก่อน fan service แต่เราเป็นพี่น้องกันมาโดยตลอดครับ” ตามด้วย “แฟนคลับคู่ที่น่ารักก็เยอะมากๆ ต้องขอบคุณมากๆ เลยนะครับ บอกไปแล้วว่าจิ้นได้ ไม่ว่า มันเป็นพื้นที่ของคุณ แต่บางคนแยกจินตนาการกับความจริงไม่ออก แล้วมาว่าทั้งผมทั้งน้องเสียหาย ก็ไม่ใช่แล้วนะครับ การศึกษาถึงสำคัญมากๆ ฝากรัฐบาลพัฒนาระบบการศึกษาด้วยครับ”
**********
เรียกว่าไฟลุกกลางโซเชียลเลยทีเดียว เมื่อ “มิว-ศุภศิษฎ์ จงชีวีวัฒน์” ออกมาโพสต์ฟาดบรรดาแฟนคลับ เกี่ยวกับกรณีที่ดูเหมือนว่าตอนนี้ ไม่ได้สนิทสนมกับ “คู่จิ้น” อย่าง “กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์” ที่โด่งดังมาด้วยกันจากซีรีส์วาย “TharnType the Series เกลียดนักมาเป็นที่รักกันซะดีๆ”
ดังจะเห็นได้จากหลังซีรีส์เรื่องนี้ ทั้งคู่ต่างก็ไปเติบโตตามเส้นทางสายใหม่ที่ตัวเองเลือกเดิน
มิว ไปเอาดีทางด้านการเป็นศิลปิน เปิดสตูดิโอทำเพลงเอง ถึงขนาดที่มีเพลงฮิตติดชาร์ตบิลบอร์ด และกำลังจะกลับมามีผลงานละครทาง ช่อง One
ส่วน กลัฟ ก็ปลงใจเซ็นสัญญากับ ช่อง 3 มีผลงานละครเรื่อง “มัดหัวใจยัยซุปตาร์” และงานภาพยนตร์ “บัวผันฟันยับ” รวมถึงเป็นหนึ่งในนักแสดงในละครฟอร์มยักษ์ “ดวงใจเทวพรหม”
พูดง่ายๆ ว่าแยกกันไปอยู่คนละทิศคนละทาง ก็ไม่แปลกที่ความสัมพันธ์จะไม่ได้สนิทแน่นแฟ้นเหมือนเดิม หนำซ้ำฝั่งของ มิว ยังออกมาเปิดเผยว่ามี “หวานใจ” ตัวจริงที่คบหาอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่พร้อมจะเปิดตัว ซึ่งนั่นก็เป็นชนวนเหตุที่ทำให้แฟนคลับหลายคนออกมาโวยวายเป็นเชิงตัดพ้อ
ว่ากันตามจริงประเด็นนี้ จะโทษบรรดา “ติ่ง” ที่ไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรคือ “เรื่องจริง” อะไรคือ “เรื่องเสมือนจริง” หรือ “เรื่องสมมติ” ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ถ้าจะนับความผิดกันจริงๆ ก็ต้องหมายรวมไปถึงผู้จัด ที่ “พยายาม” สร้างภาพความเป็น “คู่จิ้น” ของทั้งคู่ เพื่อหวังผลในเรื่องเพิ่มกระแส และความนิยมให้กับซีรีส์
คำว่า สร้างภาพความเป็น “คู่จิ้น” ในที่นี้ ไม่ได้หมายความเฉพาะในซีรีส์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงในชีวิตจริงที่พยายาม service แฟนๆ ด้วยการโชว์ซีนหวานๆ มุ้งมิ้งๆ นอกจอ ทำให้คนดูจิ้นมากขึ้น โดยแฝงนัยว่าทั้งคู่คบหากัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างภาพที่ทุกฝ่ายตั้งใจนำเสนอออกมา
เรื่องนี้กลายเป็น “ดาบสองคม” ที่ท้ายที่สุดก็ย้อนกลับมาทำร้ายทั้งคู่อย่างช่วยไม่ได้
เมื่อความจริงปรากฏ และเป็นความจริงที่บรรดาแฟนคลับยอมรับไมได้เสียด้วย
เมื่อรักมาก ก็ย่อมผิดหวังมากเป็นของธรรมดา
ไม่แปลกที่จะมีการต่อต้านด้วยการออกมาเรียกร้อง และทวงถามผ่านโซเขียล ที่ดูเหมือนจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับ มิว ไม่น้อย
นอกจากดรามาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของแฟนๆ แล้ว การถูกยัดเยียดความเป็น “คู่จิ้น” ก็ยังมีผลต่อชื่อเสียง และความนิยมของงานชิ้นต่อๆ มา เมื่อมีการจับแยกคู่
ดังตัวอย่างที่เห็นๆ หลายต่อหลายคู่ ที่รวมกันดังหมู่ แยกกันอยู่พากันพัง
ไม่ว่าจะเป็นคู่ของ “คริส-สิงโต” ก็ดี
หรือแม้แต่คู่ของ “ไบรท์-วิน” ที่ต้องถือว่าเป็นคู่จิ้นที่ท็อปฟอร์มมากๆ สามารถส่งผลงานไปโด่งดังถึงต่างประเทศ แต่พอถูกจับแยกคู่ ซ้ำยังแยกมาเป็นละครประเภทชายจริงหญิงแท้ แม้จะประกบกับนางเอกตัวตึง อย่าง “ใหม่-ดาวิกา” หรือ “มีน-พีชญา” ก็ไปไม่รอดทั้งคู่
“มิว-กลัฟ” ก็เช่นกัน
กลัฟ มีผลงานเดี่ยวออกมาก่อนในฐานะนักแสดงในสังกัด ช่อง 3 แต่ผลงาน 2 เรื่องที่ผ่านมา ก็จอดสนิท ขนาดว่ามีบารมีของนางเอกตัวแม่ อย่าง “แอน ทองประสม” และ “เจนี่ เทียนโพธิสุวรรณ” มาช่วยดันหลังก็ตาม
เหลือเพียง มิว ที่อาจจะต้องลุ้นกันว่าละคร “รักร้าย” ที่เล่นกับ ช่อง One จะสามารถลบอาถรรพณ์ที่ว่านี้ได้หรือไม่ ?
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การพยายามลวงตาแฟนคลับในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องจริงนั้น อาจจะมี “คุณอนันต์” ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ก็มี “โทษมหันต์” ที่จะตามมาในระยะยาวเช่นเดียวกัน
**********
“ทวิตสุดท้ายจริงๆ ครับ เมื่อก่อนไม่รู้และไม่เข้าใจปัญหาและผลกระทบเรื่อง fan service ถูกสอนให้เวลาตอบก็ตอบกำกวมไปก่อน จนวันที่เราเข้าใจแล้วหยุดไป 2-3 ปี ก็ยังมีผลอยู่ ยอมรับและขอโทษจากใจจริงครับ สำหรับสิ่งที่ทวีตใครคิดว่าอันไหนไม่เหมาะสมแล้วไม่สบายใจ ผมต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้”
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศาสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18-24 กุมภาพันธ์ 2566
