“กบ ปภัสรา” เผยเคยทะเลาะงอนกับ “น้องเหนือ” ถึงขั้นไม่คุยกันเป็นเดือน แม้จะอยู่บ้านเดียวกันก็ไม่มีใครง้อใคร ส่วน “พ่อเอ๋ พรเทพ” ก็ไม่เข้ามายุ่ง บอกสาเหตุเพราะทำร้านขายเสื้อผ้าด้วยกัน แล้วความคิดเห็นไม่ตรงกัน โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีที่ฝั่งแม่ไม่ถนัด แต่ฝั่งลูกเข้าขั้นเทพ กลายเป็นเรื่องวุ่นๆ ของคนสองเจน
เห็นเป็นคู่แม่ลูกที่รักกันดี เพราะสาว “กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์” ก็มีลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่าง “น้องเหนือ ดิสรยา เตชะไพบูลย์” เป็นแก้วตาดวงใจอยู่คนเดียว แต่ในมุมแม่ลูกก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง ซึ่งทั้งคู่ก็ยอมรับว่าเคยมีเหตุการณ์ให้ทะเลาะกันถึงขั้นไม่คุยกันเลยเป็นเดือน
กบ : “ถามว่าเราเคยมีเรื่องทะเลาะกันบ้างไหม มี ตอนทำร้านเสื้อผ้าไง คือเราไม่เก่งในเรื่องไหนก็บอกเขา เคยโต้แย้งกันแรงเลย ไม่คุยกันเป็นเดือนเลย เดินผ่านกันไปก็ผ่านกันมา ต่างคนต่างหยิ่งยะโสโอหังกันทั้งคู่ (หัวเราะ) คือเป็นเรื่องของการทำสต็อกกับการขาย”
เหนือ : “เรื่องการขาย เรื่องการตอบลูกค้า หรือการทำเพจ การมาร์เก็ตติ้งหรือการทำสต๊อก ตีกันตลอดเวลา เพราะหนูก็จะบอกว่ามันต้องแบบนี้ๆ แม่ก็จะบอกว่าแม่ใช้แอปฯ นี้ไม่เป็น ใช้อันนั้นไม่เป็น”
กบ : “เราก็จะบอกเขาว่าแม่ใช้แอปฯ นี้ไม่เป็น แม่เล่นไม่เป็น แม่ถนัดจด”
เหนือ : “สอนแล้วก็ลืม ต้องสอนใหม่”
กบ : “พูดถูก เขาสอนแล้วกบก็ลืม กบก็ใช้วิธีจดที่ลูกค้าสั่งพรีออเดอร์ให้เขาดู”
เหนือ : “แม่เขียนเองทุกอย่าง จนหนูมาสอนว่าให้ติดสติ๊กเกอร์เอา แล้วสบายขึ้นไหม แม่บอกเขาไป”
กบ : “มาก (หัวเราะ) คือกบก็นั่งเขียนๆ เขาก็ไปสั่งเครื่องสติ๊กเกอร์มาให้เรา สอนแล้วเราก็ลืม จนวันนึงมาสอนแล้วก็ทำไปด้วย จนตอนนี้คล่องแล้ว ดีขึ้นมากเลย (หัวเราะ) แต่ตอนนั้นงอนกันแรงมาก คือเขาไม่เอาเลย อยู่ดีๆ ก็บอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ทำ กบก็บอกว่าแล้วยังไง ของวัตถุดิบเราเต็มเลย ก็คุยกับพี่เอ๋ (พรเทพ เตชะไพบูลย์) บอกว่าลูกไม่ทำแล้วนะ แต่เดี๋ยวหนูจะทยอยขายได้แค่ไหนก็แค่นั้น แล้วเขาก็กลับมา กบก็ไม่ง้อ ลูกก็ไม่ง้อ ไม่มีใครง้อใคร ป๊าก็ไม่ยุ่ง เพราะป๊าเขาก็ปล่อยให้คุยกันเอง เขาบอกมันเป็นเรื่องของคนสองคน (หัวเราะ)”
เหนือ : “แต่เอาจริงๆ ที่ยอมกลับไปคุยเพราะว่าอยากได้เงินเดือน (หัวเราะ) ก็เลยกลับไปตั้งใจทำจริงๆ ลงแรง ลงใจจริงๆ แล้วพอเราเริ่มคลิกกับแม่ก็คือทำงานด้วยกันง่ายมาก ราบรื่นมาก ซึ่งมันก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้หนูมาลองทำบริษัทกับคุณแม่ เพราะพอมันคลิกอะไรหลายๆ อย่างมันก็ดีไปหมดเลย”
เผยปรี๊ดจัด เจอเคสลูกค้าส่งรูปปืนมาขู่
กบ : “ตอนนี้ก็ให้เขาเป็นเงินเดือนค่ะ เราก็บอกว่าถ้างั้นเราก็ให้คุณเป็นเงินเดือน หรือคุณจะเอาเป็นเปอร์เซ็นต์ ก็คือเดือนนึงคุณต้องถ่ายแบบให้เรา 2 ครั้ง”
เหนือ : “แต่เดี๋ยวนี้หลายครั้งเหมือนกันนะ”
กบ : “ก็ถ้าเพิ่ม ก็ให้เงินเดือนเพิ่ม ก็ทำกันเองสองคนแม่ลูกค่ะ”
เหนือ : “คือตอนแรกจะมีแอดมิน แต่ไปๆ มาๆ ก็ตอบเองดีกว่าง่ายสุด ก็จะช่วยกันตอบกับคุณแม่สองคนค่ะ”
กบ : “ตอนนี้ยังขายออนไลน์อย่างเดียวค่ะ แล้วก็กำลังให้เขาศึกษาในติ๊กต๊อกที่เป็นไลฟ์สดค่ะ พี่เอ๋เขาก็ช่วยไปหาข้อมูลนะว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง ส่งมาให้เราดู เราก็บอกว่าลูกต้องทำ เพราะแม่ไม่เก่งด้านนี้ เรื่องการตอบลูกค้าก็สำคัญ เราก็จะเน้นให้เขารีบตอบตลอด แต่ก็จะมีลูกค้าที่มาแรงมาก น้องเหนือเขาก็บอกว่าหนูไม่ไหวแล้ว แม่จัดการให้หน่อย เราก็จะเข้าไปตอบ คือการขายของออนไลน์บางทีปัญหามันไม่ได้เกิดจากเรา แต่ปัญหาที่ขนส่ง
ลูกค้าบางท่านเข้าใจ ลูกค้าบางท่านไม่เข้าใจโวยวายมาก็มีเยอะ แต่เราก็ชี้แจงด้วยเหตุผล แต่บางคนก็มาแรงเกิน เขาก็อปรูปของร้านและรูปปืนติดกันแล้วส่งมาให้เรา คือขนส่งเขาส่งช้า เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดด้วย บางจังหวัดเขาก็ไม่ไปส่ง เราก็อธิบายว่าเขาไม่ไปส่ง แล้วจะให้เราทำยังไง เขาก็เขียนบ่นๆ มา แล้วก็ส่งรูปปืนมา กบก็ของขึ้นเลยนะ บอกลูกเลยว่าเดี๋ยวแม่จัดการเอง กบถามกลับไปว่าคุณส่งแบบนี้มาหมายความว่ายังไง น้องเหนือเขาเด็กมากนะ ถ้าเขาเห็นรูปแบบนี้มันคืออะไร คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
กบก็แสดงตัวเลยว่านี่คือกบนะ ตอนนั้นกบก็ไม่ยอม เขาบอกว่าเขาไม่รู้ เขาส่งมาแล้วไม่ได้ดู เขาบอกไม่รู้ว่าเป็นเรา และไม่รู้ว่าเป็นรูปปืนด้วย เขาพูดมาแบบนี้นะ แต่เขาก็ขอโทษเลยนะ เขาบอกว่าแคปรูปติดๆ กันมาแล้วก็ไม่ได้ดู เขาก็บอกว่าขอโทษค่ะ กบก็บอกว่าไม่เป็นไร ต่อไปจะทำอะไรคุณต้องมีสติให้มากกว่านี้ กบไม่ได้ห่วงตัวกบนะ แต่กบมีลูก เพราะลูกกบเป็นคนตอบ ลูกกบเป็นคนขาย
แต่เขาน่ารักตรงที่เขาขอโทษเลย เขาบอกฝากบอกน้องเหนือด้วยว่าขอโทษจริงๆ และขอบคุณที่สอนด้วยว่าต่อไปเขาจะมีสติให้มากกว่านี้ กบก็สอนเขาไปเยอะเลย กบบอกว่าชื่อที่คุณโอนมาก็คือชื่อกบ แล้วกบจะไปโกงคุณได้ยังไง ปภัสรา เตชะไพบูลย์ กบใช้ชื่อจริงๆ ไม่ได้ใช้นามแฝง คุณไม่ต้องกลัว แต่มีอยู่ช่วงนึงที่กบเปลี่ยนชื่อบัญชีเป็นชื่อน้องเหนือ แต่พอเขาเกเรกบก็เลยดึงกลับมา (หัวเราะ)”
บอกเป็นลูก “กบ ปภัสรา” ไม่ใช่เรื่องง่าย
เหนือ : “ไม่ง่ายเลย เพราะคุณแม่สอนว่าเงินมันไม่ได้มาง่ายๆ เพราะถ้ามันง่ายเราก็จะไม่สู้ พอโตไปมันก็จะเป็นนิสัยว่าเราจะไม่ทำงาน เราจะไม่หาเงิน คุณแม่ก็สอนให้เราหาเงินเลี้ยงตัวเอง เพราะแน่นอนว่าคุณแม่มีให้หนูอยู่แล้ว แต่คุณแม่สอนว่าแม่เติมน้ำให้เต็มแก้ว แต่เราต้องหาให้มันเป็นมหาสมุทร ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มมาใช้น้ำในนั้น แสดงว่าเราบริหารจัดการไม่ได้ เราต้องหาเพิ่มให้มันล้นไปเรื่อยๆ”
กบ : “สอนให้เขาหาเพิ่มให้เป็นมหาสมุทร ใช้ไปจนชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าเราไม่อยู่แล้ว ลูกหลานเราก็จะได้ไม่ลำบาก ถึงต้องสอนเขาว่าลูกต้องทำงานถึงจะได้เงิน ลูกจะได้รู้จักคุณค่าของเงิน แต่สิ่งที่มีก็ต้องยอมรับว่าคุณอาจจะมีสิทธิพิเศษมากกว่าเด็กคนอื่น แต่เราก็ไม่ได้บอกว่าต้องได้ทั้งหมด ฉันอยากได้ฉันต้องได้ ไม่ใช่ ต้องคิดก่อนว่ามันเหมาะสมมั้ยว่าต้องได้เดี๋ยวนี้ คือที่เราหามาให้คือล้นแก้วมาเยอะแล้ว แต่คุณไม่มีสิทธิมาใช้ในแก้ว คุณต้องใช้ในสิ่งที่ล้น และหามาเติมให้มันล้นไปเป็นมหาสมุทร
แต่ถ้าวันไหนที่คุณยกแก้วขึ้นมาดื่ม ชีวิตคุณก็จะไม่รอด ลูกหลานเหลนคุณก็จะไม่รอดเช่นกัน เราก็สอนง่ายๆ กบไม่ได้มีเทคนิคในการสอนลูกเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะทำให้ดู เขาจะเห็นจากการกระทำ ซึ่งเมื่อก่อนกบไม่คิดว่าเขาจะมองเห็น แต่พอวันนี้เขาบอกว่าเห็นแม่ทำงานหนัก เห็นแม่ทำงานเหนื่อย ทำให้เหมือนเป็นแรงบันดาลใจ ก็เพิ่งมาได้ฟังจากเขาจริงๆ ก็วันนี้เอง เพราะเขาไม่เคยบอก เรายังคิดว่าเขาไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ เราก็งงเหมือนกัน”
เหนือ : “ก็อยู่บ้านด้วยกันจะให้พูดอะไร มันก็เขินนะ”
กบ : “ตอนแรกเราก็ไม่รู้เนอะ เราก็พยายามทำไปเรื่อยๆ เพราะเอาจริงๆ ป๊าเขาก็ดูแลเราได้ เราก็อยู่ได้ แต่แม่ก็ยังทำงาน คุณค่าของคนก็อยู่ที่ผลงานที่เราทำ มันก็เป็นศักดิ์ศรีเรา เราไม่ต้องมานั่งแบมือขอใคร ถึงแม้เราไม่ขอเขาก็ให้อยู่แล้ว แต่พอเราทำเองมันคือความภาคภูมิใจ”
