“เปิ้ล นาคร” สุดทน สงสารนักกีฬาเจ็ตสกี แช่งชิงแชมป์โลก ได้เหรียญทอง 14 คน สร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย แถม ทุ่มเงินส่วนตัวหมด 10 ล้าน แต่กลับไม่ได้แม้เงินอัดฉีดเพราะไม่รู้ใครเปลี่ยนกฎ วอนพิจารณาใหม่ สงสารนักกีฬา ยันไม่เกี่ยว “ออก้า” ไฝว้เพื่ออนาคตนักกีฬา
กรณีที่ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” ได้แชร์โพสต์เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ใหม่ในการรับรางวัลเงินอัดฉีดจาก กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ซึ่งทำให้ “น้องออก้า” ลูกชาย ที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกเจ็ตสกี สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย รวมถึงนักกีฬาเจ็ตสกีคนอื่นๆ ไม่ได้รับเงินสนับสนุน นอกจากนี้เปิ้ลยังได้โพสต์อีกว่าคงต้องทำอะไรบ้างแล้วเพื่ออนาคตของนักกีฬาไทยทั้งประเทศ ติดแฮชแท็ก #เงินอัดฉีดรบกวนผู้ใหญ่ช่วยแจงด้วยครับนักกีฬางง??? ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเจอตัวเปิ้ล นาคร พร้อมภรรยา “จูน กษมา ศิลาชัย” เลยสอบถามถึงเรื่องนี้ ซึ่งเปิ้ลเผยว่าแค่สงสารนักกีฬา อุตส่าห์ลงเงิน ลงแรงเพื่อประเทศชาติ แต่กลับต้องมาโดนอะไรแบบนี้
เปิ้ล : “เรื่องมันเริ่มจากการที่นักกีฬาเจ็ตสกีที่ไปแข่งชิงแชมป์โลกมา ได้เหรียญทองมาทั้งหมด 14 คน ซึ่งถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ประเทศไทยที่ไม่เคยมีมาก่อน สามารถล้มแชมป์อเมริกาได้ ประเทศไทยในตอนนี้เป็นอันดับ 1 ของโลกทางด้านเจ็ตสกีแล้วนะครับ พอกลับมาถึงทุกคนบอกว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในทุกๆ เรื่อง จากสปอนเซอร์ จากอะไรก็ตาม รวมไปถึงเรื่องของเงินอัดฉีด
พอดีนักกีฬาเขาก็พูดกันว่าจะได้ไหม ซึ่งย้อนกลับไปดูว่าใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้ ก็มารู้ทีหลังว่ากองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติจะเป็นผู้จัดสรรเงินอัดฉีด เงินที่จะเป็นขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬา ไปทราบมาว่าเขาจัดเตรียมไว้ให้แล้ว กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติเขาก็มีเงินสนับสนุนนักกีฬา แต่เผอิญในเคสนี้เขาก็เตรียมไว้ และอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา
แต่มันมีกฎกติกาใหม่เกิดขึ้นที่เพิ่งจะเปลี่ยนในรุ่นที่เรากำลังสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย คือ ต้องมีประเทศที่แข่งรุ่นนึงไม่ต่ำกว่า 8 ประเทศ แต่คือต้องเข้าใจธรรมชาติของกีฬาแต่ละประเทศก่อน รุ่นนึงเขาแข่งกันบางที 5-6 ประเทศ หมายความว่านักแข่งที่ไปได้แชมป์มามีไม่ถึง 8 ประเทศตามข้อกำหนดใหม่ เขาก็จะไม่ได้อยู่ในการพิจารณาที่จะได้เงินอัดฉีดเลย นักกีฬาทุกคนก็มาพูดคุยกัน พี่เปิ้ลตกลงเราจะไม่ได้ใช่ไหม เพราะกฎออกมาแบบนี้
เราเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมกฎถึงออกมาแบบนี้ เพราะก่อนหน้าที่จะออกกฎนี้นักกีฬาได้กันมาตลอด เขาสนับสนุนมาเป็นอย่างดี แต่จู่ๆ ก็มีกฎนี้ออกมา ผมไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนเปลี่ยนกฎนี้ แต่เขาจะต้องเข้าใจธรรมชาติของกีฬาแต่ละประเภทไหม เพราะกีฬาแต่ละประเภทคุณจะใช้กฎเดียวมาตั้งให้กับทุกกีฬาไม่ได้ มันต้องพิจารณาตามธรรมชาติของกีฬา”
วอนพิจารณาใหม่ สงสารนักกีฬาด้วย
“ซึ่งตรงนี้ผมฝากทางผู้ใหญ่ รบกวนช่วยพิจารณากันใหม่ด้วย สงสารนักกีฬาทุกๆ คนเลย เพราะนักกีฬาเจ็ตสกีทุกคนที่ไปทำชื่อเสียงให้กับประเทศ หนึ่งคนใช้งบส่วนตัวไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท ทั้งหมดหลาย 10 ล้านบาทที่ทุกคนตั้งใจสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย แล้วเขาก็ทำสำเร็จ สามารถเป็นหนึ่งของประเทศไทย กีฬาบางประเภทยังไม่ได้เป็นหนึ่งของโลกเลย แต่ก็มีเงินอัดฉีด 10-20 ล้าน น่าดีใจกับนักกีฬาทุกคนด้วย ประเทศไทยเราจะพัฒนาไปได้ มันต้องอยู่กับการส่งเสริมและการสนับสนุนของผู้ใหญ่ทุกๆ ฝ่าย
ฉะนั้นบางทีอาจเป็นเรื่องของความเข้าใจผิดที่คลาดเคลื่อนของการสื่อสาร เพราะเห็นบอกว่าบางทีมีการส่งเอกสารให้ทางนั้น แล้วทางนั้นยังไม่ได้รับ การผิดพลาดตรงนั้น เราก็ไม่ซีเรียส แต่กฎตรงนี้ฝากพิจารณาแก้ไขด้วย เพื่อที่ให้มันเกิดประโยชน์พัฒนานักกีฬาในปีต่อๆ ไป
ถามว่าใช่สิ ลูกมึงได้ก็เลยออกมาไฝว้แทนหรือเปล่า ผมบอกเลยว่าผมแชร์จากนักกีฬาหลายๆ คนที่เขาโพสต์กันมา มันมีคำถามพวกนี้มาช่วยแชร์ ผมบอกว่ามันไม่จำเป็น จำเป็นก็ได้ เพราะเป็นเงินที่ลูกควรจะได้รับ ส่วนนักกีฬาทุกคนก็ควรจะได้จริงๆ หมื่นสองหมื่น พันสอง หนึ่งพันก็ยังดี เป็นกำลังใจให้กับเขา ไม่ต้องเป็น 10-20 ล้านก็ได้ ที่สำคัญผมบอกเลยถ้าผมได้เงินก้อนนี้นะ ผมจะไปคุยกับออก้าเลย แล้วเอาเงินที่กองทุนมามอบให้กับนักกีฬาเยาวชนทั้งประเทศที่ขาดแคลนในการแข่งกีฬาทั่วประเทศ ผมจะเอาทุนไปให้กับเด็กๆ ทุกคน ไม่ต้องห่วงว่าจะมาไฝว้เพื่อเรา เอาเงินเข้ากระเป๋า แต่ไฝว้เพื่ออนาคตของนักกีฬาทุกคน ทุกประเภท”
จูน : “นักกีฬาเขาก็บอกว่าอย่างนี้เขาก็ไม่อยากไปแล้ว เพราะว่าเขาควักเงินตัวเองออกไป เขาก็ทำชื่อเสียงให้ พอไม่ได้ ทุกอย่างมันไม่เคลียร์”
เปิ้ล : “เพราะกฎมันเป็นแบบนี้ กีฬามันมีไม่ถึง 8 ประเทศที่เขากำหนด แล้วเขาไปแข่ง เขาก็ต้องหารุ่นที่มันมี 8 ประเทศ ซึ่งมันไม่มีในรุ่นที่เขาแข่ง มันก็กลายเป็นว่านักแข่งอาจจะลดลง หรือสปิริตของนักแข่ง ต้องบอกก่อนเขาไม่ได้ทำเพื่อเงิน เขาทำเพื่อศักดิ์ศรีของเขา เขาขับด้วยความรัก เกิดมาเป็นนักกีฬายังไงเขาก็ต้องลงไปแข่ง แต่ผมถามว่าพอมันเกิดตรงนี้ขึ้น การที่เราจะครองอันดับหนึ่งของโลกได้ต่อไปในปีหน้า ผมว่ามันอาจจะยากแล้ว เพราะว่าในแต่ละประเทศเขาก็ส่งเสริมกันเต็มที่ ก็ต้องฝากผู้ใหญ่ไปด้วยครับว่าพิจารณา
ผมเชื่อว่าเจตนาของผู้ใหญ่ทุกๆ ฝ่าย ทุกๆ วงการ สมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย เขาดูแลเราดีมาก ส่วนกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เท่าที่ทราบมาเขาก็ตั้งใจที่จะทำและแก้ปัญหาจุดนี้ให้กับเรา ก็ให้กำลังใจผู้ใหญ่นะ ทำมันให้สำเร็จ แล้วก็พร้อมที่จะยินดีร่วมหาทางออกเพื่อประโยชน์ของนักกีฬาในอนาคตทุกประเภทเลย”