“ริว” เปิดใจในวัย 44 ผ่านชีวิตมาทุกเวอร์ชั่น เมื่อก่อนเคยใช้เงินวันละล้าน เงิน 1 ล้านเท่ากับ 1 บาท เคยหลงกับชื่อเสียงเงินทอง เสียใจตอนมีเงินไม่เคยช่วยเหลือสังคม ยันไม่ได้เอาเงินซองกฐินมาใช้อย่างที่เพื่อนแฉ พร้อมยอมรับสูบกัญชาเพื่อคลายเครียด บอกไม่ใช่สิ่งเสพติด แต่เป็นสมุนไพร เพราะกฎหมายรับรองแล้ว ตอนนี้มีแฟนแล้ว เธอคือผู้หญิงที่รอมาทั้งชีวิต
กลายเป็นคนที่แฟนๆ ให้ความสนใจ สำหรับพระเอกชื่อดังยุค 90 อย่าง อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์หรือ “อาทิตย์ ริว”กับเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา หลังหายหน้าไปจากวงการบันเทิง ต้องเผชิญมรสุมดรามามากมาย วันนี้ฟ้าหลังฝนของอาทิตย์ ริว เจ้าตัวได้รับกำลังใจจากแฟนๆ ท่วมท้น โดยวันนี้ อาทิตย์ ริว ได้เปิดอกหมดเปลือกกับทีมข่าว MGR บันเทิง ระบุว่าตนไม่เคยคิดว่ากลับมาแล้วคนจะสนใจขนาดนี้ รวมทั้งยอมรับว่าเคยปฎิเสธงานหลักแสน หลักล้าน เพราะเบื่อหน่ายความมีชื่อเสียง เงินทอง
“ผมก็ไม่เคยคิดว่าคนไทยทั้งประเทศจะให้ความสนใจกับผมขนาดนั้น จริงๆ ผมก็ไม่ได้คิดเลยว่าการที่ผมออกสื่อครั้งนึงมันจะเป็นเรื่องที่ขนาดนี้ และจากที่ผมเป็นตัวเอง สามารถทำอะไรได้อิสระ ไม่มีใครมาคอยจับจ้อง บางคนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมที่ผ่านมาปฎิเสธเงินก้อนใหญ่ อย่างเช่นไปเล่นคอนเสิร์ต ค่าตัวอาจจะเป็นแสน เป็นล้าน แต่ผมปฎิเสธมาตลอด เพราะผมเบื่อหน่ายในเรื่องของชื่อเสียง เงินทอง เพราะฉะนั้นบทสัมภาษณ์ที่ผมบอกว่าผมพอใจกับการที่ผมมีเงินหลักร้อย บางคนก็บอกว่าผมบ้าหรือเปล่า”
เคยใช้เงินวันละล้าน
“ผมเคยหลงกับชื่อเสียงเงินทอง แต่ผมไม่ได้ลืมตัวนะ แต่ในจังหวะที่ผมใช้ชีวิตแบบนั้น ผมคิดว่าทำไมในตอนนั้นผมไม่ได้ตอบแทนสังคมเลย เมื่อก่อนผมใช้เงินวันนึง อย่าตกใจนะครับ 1 ล้านสำหรับผมเท่ากับ 1 บาท เคยใช้เงินวันละล้านมาแล้ว”
ต้องสูบบุหรี่และใช้กัญชาเพื่อคลายเครียด
“ตอนนี้ก็พยายามงดในเรื่องของเหล้าด้วย แต่บุหรี่ผมขออนุญาต ผมก็ขอเป็นตัวผมสักนิดนึงเรื่องของบุหรี่ เพราะมันเป็นตัวที่ผมผ่อนคลาย แม้แต่กัญชา เพราะมันก็ต้องรักษาว่าอย่าไปคิดอะไรมาก สบายๆ อารมณ์แบบเห็นอะไรก็ช่างเขา แต่กัญชานี่คือยานะ ไม่ใช่ยาเสพติด มันคือสมุนไพร ต้องเข้าใจด้วย ไม่งั้นมันก็ผิดกฎหมายสิแต่ตอนนี้กฎหมายมันเปิดแล้ว ฝรั่งเขาก็สูบกัน ประเทศเสรีประเทศที่เจริญแล้วเขาก็มีสิ่งเหล่านี้มานานแล้ว เพียงแต่ประเทศไทยเพิ่งมาเปิด
ที่เราต้องใช้กัญชาเพราะเวลาที่เรากดดัน เราต้องการผ่อนคลาย บางคนอาจจะดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ ยาดองบ้าง คือให้มันสบายใจ ฟังเพลง แต่กัญชามันมีตัวยาสำคัญ เป็นสมุนไพร ในทางการแพทย์ไปศึกษาได้เลยว่ากัญชามันใช้ในต่างประเทศมานานแล้วเพียงแต่ว่าพอทำให้มันถูกกฎหมายบางครั้งเยาวชนก็ใช้ไม่เป็น ใช้ไปอีกทางนึง บางครั้งกฎหมายก็ต้องดูผลกระทบ แต่ผมก็เชื่อมั่นนะว่าก็เป็นสิ่งที่ดีที่ถ้าเราจะพัฒนาให้อะไรที่มันควรจะเปิดอะไรที่ถูก อะไรที่ควรจะปกป้องไม่ให้ความผิดมันขึ้นมา นี่คือเรื่องของคนที่ดูแลเรื่องกฎหมาย แต่เราก็คิดว่าในเมื่อมันถูกกฎหมาย มันก็เป็นสิทธิของประชาชนทั่วไป”
ยอมรับคนที่แฉเป็นเพื่อนจริง แต่ไม่เข้าใจว่าทำทำไม
“บางคนเป็นเกรียนคีย์บอร์ด มีโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือแล้วมันเปรี้ยว มันซ่า ผมเจอข้อความแม้แต่เพื่อนผมเนี่ย พูดอะไรที่ไม่สมควร จริงๆ ผมฟ้องเขาได้นะ เขาก็เป็นเพื่อนครับที่ออกมาโพสต์น่ะ แล้วเขาก็ไม่ได้รู้ถึงบทบาทหน้าที่ในเรื่องสื่อ แล้วก็คิดเองเออเองหรือไปเอาข้อมูลที่มันพิสูจน์ไม่ได้ แล้วเขาทำเพื่ออะไรวะ คนเป็นเพื่อนจะทำเพื่ออะไร
จริงๆ ผมฟ้องเขาได้ตั้งเท่าไหร่ ชื่อเสียงระดับไหน แต่สิ่งที่เขาโพสต์มันทำให้ผมดูแย่ ทั้งเรื่องที่ว่าผมเอาซองกฐินไปใช้ ทั้งเรื่องที่ว่าผมขโมยพระ เนี่ยผมฟ้องได้นะ ทำให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง และเขาเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ หลักฐานก็เต็มไปหมด ถ้าผมจะเอาผิดเหรอ คุณลองคิดดูนะ 10 ล้านก็เอาไม่อยู่ แล้วบ้านเขาใครจะเดือดร้อน ตัวเขาไม่มีปัญญามาใช้หนี้หรอก หรือไม่มีปัญญาจะไปจ้างทนายหรืออะไรที่ปกป้องตัวเองหรอกถ้าในทางกฎหมายนะ
บอกคนอย่างตนไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้น แต่ก็ให้อภัย ไม่คิดฟ้อง
“ถามว่าเรายืนยันว่าไม่เคยทำแบบที่เขากล่าวหาใช่ไหม ถ้าพูดในระดับว่าผมเนี่ยเดือดร้อนถึงขนาดต้องขโมยซองกฐินหากินเนี่ยนะ หรือเขากล่าวหาว่าผมบ้า ผมเพี้ยน คนบ้าอะไรเขาบวชสวดมนต์ได้ครับ วัดเขารับคนบ้าเหรอ เขารับคนไม่สบายเหรอ คิดหน่อยเถอะโยม
แต่ที่คอมเมนต์กลับไป อันนั้นผมขึ้นจริงๆ อารมณ์ประมาณว่ามาเล่นกับผมผิดเวลาแล้ว ผมทำธุรกิจมาก่อน สำหรับซองกฐินซองละ 100, 50, 20 บาท คิดว่าผมจะไปทำอะไร ผมทำงานวันเดียวก็ได้เงินล้านแล้ว ผมไม่เคยยึดติดกับเรื่องนี้ แต่ว่าคำพูดต้องระวัง ขโมยพระบ้างอะไรบ้าง แล้วมึงไปคุยอะไร มึงจะไปคุยทำไม มึงจะมาเสืxกเรื่องผมทำไม ผมคิดว่าถ้าไม่เสืxกจะดีกว่าไหม เอาเรื่องตัวเองก่อน ทำเรื่องตัวเองให้ดี ตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรครับ ผมคิดว่าผมให้อภัย”
บอกเจอผู้หญิงที่รอมาทั้งชีวิตแล้ว
“คนนี้ก็คบกันมาสัก 5 เดือน ก็ยังต้องศึกษานิสัยใจคอ ความเป็นตัวเขา ความเป็นตัวเรา ว่าเราทำให้เขามั่นใจได้ไหมว่าเราเป็นคนเปิดเผยนะ เราเป็นคนแบบนี้นะ เขารับได้หรือเปล่า เราเป็นคนชอบทำบุญนะ เราก็ฝึกเขาไปทำบุญด้วย ฝึกเขาไหว้พระ อยากให้เขาสบายใจ เรานั่งสวดมนต์ เขาก็นั่งฟัง เราสวดทุกวันจนเขาชินแล้วว่าตกลงกูอยู่ห้องหรือกูอยู่วัดวะ (ยิ้ม)คือผมสวดก็สวดจริงจัง ไม่ใช่ว่านะโม 3 จบแล้ววางแค่นั้น ไม่ใช่ ผมสวดชุดใหญ่ยาวเลย ผมเป็นคนที่เคร่งกับตัวเอง ผมถือศีลของผม แต่ผมก็ไม่ใช่พระ ผมก็เป็นแค่ฆารวาส คนธรรมดานี่แหละ แต่เราปฎิบัติกับตัวเราเองเพื่อสติสัมปชัญญะให้อยู่ครบ
ก็ขออวยพรให้ทุกท่านในเดือนแห่งความรักนะ 14 กุมภาพันธ์ ก็ขอให้พบเนื้อคู่กับไวๆ ขอให้พบผู้ชายแบบที่ต้องการ บางคนก็ไปไหว้พระขอให้เจอสักที ก็ขอให้โชคดีในความรัก แฮปปี้วาเลนไทน์ครับ”