“ชมพู่ อารยา” เปิดใจ ไม่ชอบให้ใครแตะครอบครัว ข่าว “น็อต วิศรุต” สามี มีบ้านเล็ก ไม่รู้สึกคงโกหก รับผิดหวังถูกโยง เดือดร้อนทุกฝ่าย เราอยู่ของเราดีๆ ที่ผ่านมาไม่เคยรังแกใคร ไม่หาต้นตอ ไม่จับผิดสามี จับมือกันแน่นขึ้น เขินผัวเซ็นยกมรดกให้ท้้งหมดคนเดียว ห่วง “ดิว อริสรา” ถูกทำร้าย เป็นบาดแผลที่ไม่ดี
หลังจากที่ครอบครัวต้องวุ่นวายกับดรามาอักษรย่อ ดาราสาวสามีมีบ้านเล็ก จนคนโยงมาที่ครอบครัว “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” และ “น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” ต่อมาดรามาก็ดูซาไป พร้อมกับข่าวสามีเซ็นยกมรดกให้สาวชมพู่ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งภายหลังตกเป็นข่าว ก็เป็นครั้งแรกที่สาวชมพู่ได้ออกอีเวนต์ และเคลียร์ใจถึงเรื่องนี้ในงาน งาน House of Hyaluron เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์สระผมตัวใหม่ล่าสุด ยอมรับถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรคงโกหก เพราะตนก็ไม่ชอบให้ใครแตะครอบครัว
“ข่าวสามีมีบ้านเล็ก ก็ไม่ใช่แล้วไง เลี้ยวไปแล้ว ถ้าถามความรู้สึกใช่ไหม จริงๆ ชมว่าไม่มีใครชอบให้มาแตะครอบครัวหรอก ถูกไหมคะ โดยเฉพาะอย่างเราก็เป็นคนที่ให้คุณค่ากับสถาบันครอบครัว เป็นอะไรที่เป็นอันดับหนึ่งสำหรับเรา คงไม่ได้ถึงกับว่า จ้า อะไรก็ได้ คงไม่ได้ขนาดนั้น ชมเชื่อว่าถ้าเกิดขึ้นกับครอบครัวใครก็คงไม่ชอบหรอก เรื่องนี้ก็มีคุยกับพี่น็อตค่ะ แต่ไม่ได้คุยในลักษณะอะไรใคร ยังไง ไม่ใช่อย่างนั้น (หัวเราะ) แต่คุยว่ามันเป็นอย่างนี้ ใครทำอะไรเรา เป็นในเวย์นั้นมากกว่า”
ผิดหวังที่ถูกโยงเป็นบ้านเรา อยู่ของเราโดยไม่เคยรังแกใคร
“จะใช้คำว่าแปลกใจเหรอ ขอใช้คำว่าผิดหวังมากกว่า เราก็รู้สึกว่าเราก็อยู่ของเราโดยที่ไม่เคยรังแกใคร”
ส่วนกรณีโยงไปที่ฟิตเนสไม่มีอะไรต้องเคลียร์ เรื่องนี้เดือดร้อนทุกฝ่าย
“ชมไม่ได้คุย เพราะไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นจุดที่จะต้องไปเคลียร์หรืออะไร เรารู้ตรรกะ รู้เหตุผลอะไรของมันอยู่แล้ว เรารู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร มันไม่ต้องคุยกัน ถ้าจะบอกว่าเดือดร้อนก็เดือดร้อนกันทุกคน เดือดร้อนกันทุกฝ่าย อยู่กับประเด็นของตัวเองกันไป”
“น็อต” สามี โฟกัสที่ความรู้สึกตนก่อน แต่ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรก็คงโกหก
“เขาก็บอกว่าความรู้สึกเราคืออะไร อย่างแรกที่โฟกัสเลยก็คือความรู้สึกเรา แล้วแต่เราว่าอยากจะยังไง ถามว่าเราลอยตัวเหนือดรามา ปล่อยผ่านได้ไหม อย่างที่บอกค่ะว่า ถ้าชมจะบอกว่าชมไม่รู้สึกอะไรเลย ก็คงโกหก คือต้องแบ่งออกเป็น 2 กรณีนะ ข้อหนึ่งคือว่า พอมีข่าวมันจะมีเรื่องของความเข้าใจของสังคม คนที่มองเข้ามา ซึ่งตรงนี้ชมรู้อยู่แล้วว่าห้ามอะไรใครไม่ได้ ใครจะคิดอะไรยังไง หรือใครจะบอกยังไง ชมไม่สามารถทำให้ทุกคนมองเห็นหรือคิดอย่างที่เราให้คิดเหมือนกันหมดทั้งประเทศมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เราอยู่วงการมาเรารู้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตรงนี้คงต้องปล่อย ไม่รู้จะไปดีลกับมันทำไม คงต้องปล่อย แต่อีกจุดที่ว่าเราอยู่ของเราดีๆ ทำไมถึงเกิดขึ้นกับเรา”
ซาบซึ้งคนซัปพอร์ต ไม่หาต้นตอ
“คงไม่ต้องตามหา มีคนบอกอยู่แล้วไหม กับลูกๆ เขายังเด็กมากยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอก คนซัปพอร์ตเยอะมาก ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่รักครอบครัวเรา ต้องบอกว่าตรงนี้ซาบซึ้งจริงๆ”
พูดไปจะเหมือนอวดผู้มีภาพใหญ่ร่วมกัน ไม่ควรถูกทำลายด้วยเรื่องแบบนี้
“ถ้าให้พูดก็เหมือนเราอวดผู้ชาย เหมือนเราออกตัวแทนเขา เราไม่ได้รู้สึกว่าต้องออกมาอธิบายว่าเขาเป็นแบบนี้ๆ เขาไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกแก ในขณะเดียวกันเขาเองก็ไม่ได้สนใจว่าใครจะมองเขายังไง เพราะฉะนั้นคิดว่าเราไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องมาอธิบายว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะ แต่ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้เรามั่นใจ เพราะว่าเรารู้จัก แล้วเรารู้ว่าเรามีโฟกัสอะไร เรามีความฝัน เรามีภาพบางอย่างร่วมกัน ซึ่งมันไม่ควรที่จะต้องมาถูกทำลายด้วยเรื่องพรรค์นี้ เพราว่าเรามีภาพใหญ่ เรามีมิชชั่นบางอย่าง มีความฝันที่เราอยากจะไปด้วยกัน แล้วเราต่างคนต่างกำลังทำในพาร์ตของเรากันอยู่ค่ะ”
สามีไม่เคยเล่ามีคนหิวใส่ ส่วนตนไม่ได้จับผิดยิ่งจับมือแน่นขึ้น
“ก็ไม่เคยนะคะ แล้วชมก็ไม่ได้โฟกัสด้วยหรือมานั่งจับผิดว่าคนนี้มองเขา หรือว่าคนนี้จะเท็กซ์มาหรืออะไร หรือคนนี้ดูหิวดูอะไร เราไม่เคยโฟกัสตรงนั้นเลย ส่วนเป็นเพราะเขาหล่อขึ้นทุกวันไหน คนเลยจับตรงนี้ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน คือเราห้ามความคิดคนไม่ได้ เขาอยากจะคิดอะไร เอาที่สบายใจเลย แม้แต่อันนี้คนดูสัมภาษณ์นี้จบ จะคิดอะไรชมก็ห้ามเขาไม่ได้ ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ความเชื่อใจเราบั่นทอนลง หรือยังร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิมไหม ก็ไม่นะ ชมกลับรู้สึกว่า ยิ่งทำให้เราได้รักกัน แล้วกลับมามองเป้าหมายของเราด้วยกัน มันทำให้เราได้กลับมาจับมือกันมากขึ้น แน่นขึ้นด้วยซ้ำ”
เขินสามียกมรดกให้ทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
“เป็นเรื่องที่เราคุยกันมาตลอดอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าเราผ่านการสูญเสียมา และเราก็อยู่กันมานาน ตั้งแต่กลับมาใหม่ๆ ทำธุรกิจของที่บ้านจนเราเริ่มทำของตัวเอง เราก็ความฝัน ฟังแผนการ ฟังทุกอย่างของเขา คืออัปเดตกันตลอด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราคุยกันแบบนี้มาตลอดว่า ถ้าเกิดวันนึงใครไม่อยู่ลูกจะยังไง ทรัพย์สมบัติจะดูแลกันยังไง ถ้าพี่เป็นอะไรไป ธุรกิจดูไม่ไหวให้จัดการกันยังไง อันนี้คุยอัปเดตกันมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ส่วนที่เขาเซ็นให้เราทั้งหมด เป็นชื่อเราแต่เพียงผู้เดียว แม่เขินเหมือนกัน ประมาณนั้นค่ะ ส่วนที่คนชมว่าเขาสายเปย์ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เขาก็คงเห็นว่าถ้าวันใดวันนึงถ้าใครไม่อยู่ คนที่เหลืออยู่ต้องดูแลลูก”
ห่วง “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” เป็นบาดแผลที่ไม่ดี
“ก็ห่วงนะคะ (เคยทราบสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้องไหม?) ไม่เคยๆ ก็รู้จากข่าว ไม่อยากคอมเมนต์มากเลย ก็เอาเป็นว่าให้กำลังใจกันแล้วกัน เราก็ยังไม่ได้คุยเลยค่ะ จากข่าวที่เกิดขึ้น เอาเป็นว่ามันเกิดขึ้นกับใคร มันก็ล้วนแล้วแต่เป็นบาดแผลที่ไม่ดี เราก็มีลูกสาวใช่ไหมคะ”
