xs
xsm
sm
md
lg

“อาทิตย์ ริว” เปิดแผลในใจ เดินเข้าไปบอกเฮียเรื่องมีลูก อีกฝ่ายบอกจบแล้ว! สะอื้นไห้เป็นคนดังแต่เป็นตัวเองไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กำลังเป็นกระแสในโซเชียลกับการเปิดเผยชีวิตอดีตดารายุค 90 “ริว อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์” หรือ “อาทิตย์ ริว”ที่ก่อนหน้านี้เป็นพระเอกหนุ่มที่โด่งดังมาก แต่ก็หายเงียบจากวงการไป พร้อมกับกระแสข่าวลือว่ามีลูกแล้ว หลังจากนั้น เราก็พอจะได้ข่าว อาทิตย์ ริว อยู่บ้างทั้งในเรื่องชีวิตครอบครัว การงานที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่

ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดเผยชีวิตตัวเองที่ผ่านมาอย่างหมดเปลือก กับรายการ one exclusive ทางช่อง วันบันเทิง โดยริว เริ่มเล่าถึงความอัดอั้นตันใจกับการเป็น อาทิตย์ ริว ในวงการบันเทิง ว่า….

“ในยุคนั้น ยุค 90 ดาราศิลปินที่มีชื่อเสียงเขาจะไม่เปิดเผยตัวเองว่าเขามีอะไรอยู่ข้างหลัง เพราะฉะนั้นข่าวของแต่ละคนที่ออกมาแพลมๆ บ้าง แล้วสื่อจับจ้องเอาไปเขียนขยายความก็กระทบต่อชื่อเสียงของคนๆ นั้น ใครมีแฟนในยุคนั้นทำไม่ได้ ออกไปไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เปิดเผยเรื่องนี้ก็ไม่ได้ มีแฟนก็ไม่ได้ แฟนคลับก็บอก พี่ริวอย่ามีแฟน รักพี่ริวคนเดียว

แฟนคลับเขารู้สึกอย่างนั้น เขาหวง เขามีความรู้สึกว่าเขารักของเขา ในยุคนั้นผมก็เข้าใจแหละว่ายิ่งเราเล่นละครแนวนี้ แล้วยิ่งเป็นพระเอก เขาก็ดูนะ คนดูเขาก็ดูพระเอกกับนางเอก มีตัวร้าย แต่เราก็ต้องเป็นคนดีในเรื่อง ใครๆ ก็ชอบคนดีถูกไหม ทีนี้คิดถ้าเราชั่วขึ้นมาทำยังไง คงจะผิดหวังน่าดู เราก็ไม่เป็นตัวเอง สรุปภาพลักษณ์ก็ติดมาเป็นเด็กเรียบร้อย”

รู้สึกอึดอัดกับการเป็น “อาทิตย์ ริว” ชีวิตไม่ได้เป็นตัวเอง ปกปิดชีวิตส่วนตัวเพื่อไม่ให้แฟนคลับผิดหวัง
“ทีนี้ก็มีความรู้สึกอึดอัดเต็มที่แล้ว ชื่อ ริว อาทิตย์ รู้สึกว่าเป็นปัญหากับตัวเองแล้ว เริ่มชีวิตส่วนตัวไม่มีแล้ว ความสุขก็ไม่มีแล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้ เป็นตัวเองก็ไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่เป็นบทบาท เป็นภาพลักษณ์นั้น ห้ามเปลี่ยน มีแฟนไม่ได้ถ้ามีเดี๋ยวแฟนคลับจะแบน เขาจะแอนตี้ เขาจะผิดหวัง เขาเลิกสนับสนุนผลงานอะไรก็แล้วแต่ที่เราจะทำ อย่าทำให้แฟนคลับผิดหวัง โอ้ว!”

ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องมีลูกแล้ว แต่ก็แลกมาด้วยการต้องหันหลังให้กับวงการบันเทิง
“มันเศร้ามาก เราอยากพาลูกเที่ยว เขาเป็นเด็กเราอยากพาเขาไปเที่ยว ไปดูโน่นนี่ พาไปเดินห้าง แต่เราพาไปไม่ได้ เขาไปก็ต้องไปกับแม่หรือใครก็ได้ที่ไม่ใช่เรา เพราะเรากลัวเป็นข่าว มีความรู้สึกกดดันมาก มีอยู่วันนึงลูกเดินมา ป๊าๆ ไปทำอะไรในห้าง หนูเห็นรูปป๊าอยู่ที่ร้านเทป เป็นรูปป๊าเลย จำได้ป๊าหล่อ แล้วป๊าทำไมไปอยู่ในทีวี ลูกไม่รู้ว่าเราทำอาชีพอะไร เป็นดาราอยู่ในทีวี

ผมปลีกตัวเข้าห้องน้ำเลย ร้องไห้ ทำไมเปิดเผยไม่ได้ ทำไม ลูกก็อยากเที่ยวกับเรา (น้ำตาคลอ) ไม่ไหวแล้ว สงสารลูก อยากพาลูกเดินห้าง ทำไงดี ถ้าค่ายรู้ว่ามีลูกตายแน่เลย ละครกำลังพีกเลยตอนนั้น วัยร้ายเฟรชชี่ ภาค 2 จะปิดกล้องแล้ว ไม่อยากเล่นแล้วละคร อยากเลิกแล้ว ตอนนั้นเรตติ้งดีก็หลายตอน จนผมบอกว่าเฮียครับ ช่วยเขียนบทให้ผมตายเลยได้ไหม เขาก็ถามผมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมบอกว่าผมเบื่อกับคำว่า อาทิตย์ ริว แล้ว ทำอะไรไม่ได้เลย แต่ก็ไม่กล้าพูดเรื่องลูก จนวันปิดกล้องมีงานเลี้ยง ผมก็ตัดสินใจเลยว่าต้องบอกผู้ใหญ่แล้ว ผมขอโทษนะครับเฮีย ผมมีลูกแล้ว เฮียแกก็นิ่ง แกบอกจบแล้วริว แล้วผมต้องผ่อนบ้าน ดูแลลูกแล้วผมจะเอาเงินที่ไหน ตอนนั้นรู้สึกว่ามันจบง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ ก็กราบลาเฮีย ร้องไห้มาตลอดทาง เสียใจว่าบางครั้งความจริงไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย อ๋อ หรือชีวิตเราต้องอยู่ในโลกมายา ตอนนั้นเรื่องการงานไม่ได้สำคัญแล้วผมคิดแบบนั้น ในเมื่อตอนนั้นผมตัดสินใจแล้วว่าจะเอาครอบครัว ชื่อเสียง เงินทอง ก็ไม่เอาแล้วเหมือนกัน ไม่มีงานก็คือไม่เป็นไร ผมเดินออกจากวงการบันเทิง ไปทำอย่างอื่นก็ได้”

สุดท้ายแล้วชีวิตครอบครัวก็ไม่สมหวัง แต่งงาน 2 ครั้ง มีลูก 3 คน สิ่งนึงที่ยังรู้สึกถึงตอนนี้คือการไม่ได้ทำหน้าที่พ่อ
“พอเป็นข่าวทีนี้กระแสมันถาโถมมา ทุกอย่างอีรุงตุงนัง ริวโกหก ทรยศแฟนคลับ ข่าวสำคัญมากกับชีวิตผม แต่ผมก็เข้าใจทั้งหมด ทั้งตัวเอง เฮีย แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้ ในเมื่อเราเข้าใจทุกคนแต่ก็เป็นตัวเองไม่ได้สักที ก็เลยรู้สึกว่าพอแล้วในเมื่อเป็นตัวเองแล้วมีแต่เรื่อง เป็นอะไรก็ได้ คิดแบบนั้นเลย (คนเลยหาว่าริวบ้า?) ผมเป็นอะไรก็ไม่ได้

อยากจะบอกว่ามันอาจจะไม่ใช่การกีดกัน แต่มันมีความรู้สึกว่าริวก็ไปใช้ชีวิตของริวเถอะ ทางนี้ไม่ต้องห่วง ทางนี้ดูแลได้ ทางนี้โอเค แต่ริวอย่ามายุ่ง นั่นคือความเจ็บปวดของผมที่ผมไม่ได้อยู่กับลูก แล้วผมเป็นคนที่รักลูกมาก(ร้องไห้) ผมไม่อยากร้องไห้ ผมไม่ได้เจอลูกนานมาก ทุกครั้งพอพูดเรื่องลูกก็ (นิ่ง ร้องไห้) ผมได้แค่ส่องชีวิตเขาจากโซเชียล ได้แค่ดูอย่างนี้ มันทรมานมาก

ลูกชายคนเล็ก ผมไปเจอเขาตอนน้ำท่วม เขาอยู่ที่พัทยา ผมเป็นห่วงเขา ผมก็รีบขึ้นมาจากใต้ ตอนนั้นผมก็เกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ด้วย ร่างกายก็ยังไม่ดีมาก แต่ห่วงลูกก็ตีรถขึ้นมาจากใต้ ผมก็ไปเจอลูก เขาก็ไม่เคยอยู่กับผมเลย ไม่เคยเจอด้วย ครั้งแรกที่เจอเขาอยากให้ผมป้อนข้าว ผม (ร้องไห้) ผมไม่ได้ดูลูกเลย เขาต้องการสิ่งเหล่านี้จากผม ผมก็ป้อนไปร้องไห้ไป













กำลังโหลดความคิดเห็น