“ปุ้ย ปิยาภรณ์” ไม่โต้กลับ “ฟ้าใส” บอกแบ่งแสงกันไปนะคะ หลังอีกฝ่ายวิเคราะห์ชวดมงฯ เพราะชุดไม่ตรงตามรีเควส ลั่นฟิตติ้งวันนี้ บินพรุ่งนี้เป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีการเตรียมงาน และมีการถ่ายเก็บไว้หมด แต่เรื่องจบไป 4-5 ปีแล้ว อยากรู้ต้องไปถาม “โจ้ เซอร์เฟซ” แต่พูดตอนนี้ไม่มีประโยชน์ ขอโฟกัสที่อนาคตดีกว่า
เป็นประเด็นให้แฟนนางงามได้ตามเผือกกันอีกแล้ว หลัง “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2562 ได้ไปออกรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” แล้ววิเคราะห์ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ตัวเองพลาดมงฯ อาจเป็นเพราะชุดที่ใส่ไม่ตรงกับที่รีเควส เลยทำให้ความมั่นใจลดลง แถมยังได้ลองชุดจริงๆ ก่อนบินเพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งตอนนั้นก็ถึงกับร้องไห้ ที่ได้ชุดไม่ตรงปก
ล่าสุดวันนี้ (6 ก.พ.) ได้เจอ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” ผู้อำนวยการกองประกวด “มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์” ก็เลยถามถึงประเด็นนี้สักหน่อย ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่ ซึ่งปุ้ยก็เผยว่า การจะได้ลองชุด 1 วันก่อนบินนั้นเป็นไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องมีการเตรียมงาน และในการทำงานก็มีการบันทึกเทปถ่ายทำไว้ด้วย การพูดถึงเรื่องราวที่มันเกิดไป 4-5 ปีแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย
“ก็มองว่ามันผ่านไปหลายปีดีดักแล้วค่ะ เราก็ไปปฏิสนธิใหม่แล้ว (หัวเราะ) ไม่ได้ตามค่ะ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะมันผ่านไปนานมากแล้ว แต่สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการลองชุด การฟิตติ้ง การถ่ายรูป LookBook การถ่ายทำภาพเก็บไว้ เพื่อจะหาข้อแก้ไขอะไรต่างเนี่ย ดีไซเนอร์เขาก็ทำงานกับนางงาม แล้วก็มีทีมงานโปรดักชั่นของทีมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นมันก็จะไม่ได้ทำกันสองคนนะคะ และมันเตรียมงานนานค่ะ เพราะไม่สามารถฟิตติ้งวันนี้ได้ แล้วพรุ่งนี้ไป ต้องมีการแก้เนิ่นนานมาก แต่ทุกสิ่งอันมันก็ผ่านไปแล้ว และมันก็ผ่านกระบวนการต่างๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตัวดีไซเนอร์เอง ทีมงานเอง ก็มีการบันทึกเทปถ่ายทำเก็บไว้ค่ะ อันนี้ก็ขอไม่พูดถึง มันผ่านไปนานมากแล้ว”
เรื่องชุดไฟนอลสีแดง ก็เปลี่ยนตามรีเควสของเจ้าตัว ที่บอกว่าเป็นสีถูกโฉลก
“ก็เท่าที่รู้นะคะ อันนี้ก็มีหลักฐานหลายอย่างมาก เพราะเดิมทีชุดนั้นจะเป็นสีน้ำเงิน แต่ที่มันเปลี่ยนเป็นสีแดง เพราะจำได้ว่าคุณแม่น้องไปดูดวงมา แล้วบอกว่าสีที่ถูกโฉลกเป็นสีนี้ จำได้ว่าพี่โจ้ เซอร์เฟซ (อธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์) ยกหูหาเรา ว่าพี่ปุ้ยขออนุญาตเปลี่ยนนะ ให้น้องสบายใจ เพราะเป็นสีที่ถูกโฉลกกับน้อง แล้วก็ขออนุญาตทำใหม่เลย เราก็บอกว่าเอาเลยเรื่องชุดเราทำไม่เป็น โจ้ลุยเลย แล้วก็ติดต่อกับน้องทำไป ก็ออกมาเป็นสีแดงอย่างที่เห็นค่ะ”
ดีเทลชุดไม่ตรงปกก็พอทราบ แต่ทุกอย่างมันจบไปแล้ว และไม่ได้เป็นการไม่รู้ เพราะมีการถ่ายเทปเก็บไว้ด้วย
“จริงๆ ก็ทราบนะคะ แต่อย่างที่บอกว่ามันผ่านไปแล้ว มัน 4 ปีจะ 5 ปีแล้วนะคะ มันจบประเด็นไปแล้ว แล้วก็มีความรู้สึกว่าทุกสิ่งอันเนี่ย มันไม่ได้เป็นการไม่รู้ค่ะ รู้แน่นอน เพราะว่ามีการถ่ายเทป มีการอะไรกันไว้เยอะแยะนะคะ”
บอกเอ็นดูมีดรามาวนเข้ามาเกี่ยวตลอด แบ่งแสงกันไป ตอนนี้ขอไปโฟกัสกับอนาคต
“ก็ไม่รู้สึกอะไรค่ะ บางทีก็ต้องเอ็นดูเนอะ เพราะการพูดถึงหรือมีดรามาที่มาเกี่ยวกับเวทีเราเนี่ย มันก็เป็นข้อพิสูจน์แหละ ว่าคนที่พูดถึงเขาก็ได้แสงไป ไม่เป็นไรค่ะ แบ่งแสงกันไปนะคะ ตราบใดที่มีคนฟัง มีคนอยากจะรู้ ก็พูดไปต่อได้ไม่เป็นไร แต่ว่าทางฝั่งของปุ้ยเอง ก็จะขอโฟกัสกับอนาคต ขอพัฒนานางงามของเราให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ อุดรอยรั่วไปเรื่อยๆ ทุกปี ทุกการทำงาน จะต้องมีจุดอ่อน มีข้อผิดพลาดที่จะต้องแก้ไข้เสมอ
เพราะฉะนั้นเราเอาเวลามาโฟกัสกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตดีกว่า การจะย้อนกลับไปฟื้นฝอย หรือพูดถึงเรื่องราวที่มันเกิดไป 4-5 ปีแล้ว มันไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย สายน้ำไม่ไหลกลับมา กาลเวลาก็ผ่านไปนานมากแล้ว อนาคตเป็นอย่างไรเราไปแก้กันดีกว่า แก้วันนี้เพื่อให้อนาคตมันดีขึ้นค่ะ”
โอกาสกลับมาร่วมงาน ทุกคนมีสิทธิ์เลือกหนทางของตัวเอง
“แต่ก็เห็นว่าฟ้าใสก็ไปทำอีกเวย์หนึ่งอีกทางหนึ่ง มันไม่เกี่ยวว่าจะร่วมงานหรือไม่ร่วมงาน ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกวิถีทางและหนทางของตัวเอง อันนั้นก็ตามสะดวกค่ะ เราก็ไม่ได้มีอะไรยึดติดค่ะ”
ยืนยันทุกอย่างมีการวางแผน ไม่มีการรู้ล่วงหน้าแบบกะทันหันแน่นอน
“การรู้ล่วงหน้าแบบกะทันหัน มันได้ค่ะ เพราะมันจะใส่ไม่ได้ ทำไม่ทัน แล้วอันนี้ไปสัมภาษณ์พี่โจ้ น่าจะรู้ดีที่สุดค่ะ เพราะพี่โจ้จะมีการถ่ายทำเก็บไว้ วันเวลามันน่าจะหลอกกันไม่ได้นะคะ (จะมีการเปิดหลักฐานไหม?) พี่โจ้ทุกวันนี้เขางานยุ่งมาก อย่างที่บอกค่ะ ทุกคนก็คงเอาเวลาไปทำอะไรดีๆ กับชีวิตดีกว่านะคะ ปุ้ยก็ไม่โต้กลับนะคะ มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องอะไรไม่ดีเนอะ”