สงครามนางฟ้าที่แท้ทรู! เพราะจะว่าไปแล้ว “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2562 จะเรียกว่าเป็น “นางงามตัวตึง” ในรันเวย์นี้ก็ว่าได้ เพราะถ้าย้อนกลับไป ตั้งแต่วันที่ประกวดยันวันได้ตำแหน่ง รวมไปถึงวันที่ไปประกวดบนเวทีแม่ Miss Universe เธอมีดรามามาตลอด นอกจากจะมีข่าวลือมีปัญหากับกองแม่ของประเทศไทย แล้วยังมีการฟาดกันไปมากับคนออกแบบชุดอย่าง “โจ้ surface” หรือ “อธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์” เจ้าของแบรนด์ Surface และ Costume Director ผู้เป็นหนึ่งในทีม Expert ของกองประกวด Miss Universe Thailand ที่ออกแบบชุดให้นางงามสวมใส่เพื่อไปแข่งบนเวทีโลก
ล่าสุดเรื่องราวที่ผ่านมา 3-4 ปีก็เหมือนว่าเรื่องนี้ก็ถูกขุดขึ้นมาอีก เมื่อ “ฟ้าใส” ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “โต๊ะหนูแหม่ม” ถึงการวิเคราะห์ว่าทำไมตัวเองถึงพลาดมงฯ อาจจะเป็นเพราะกังวลกับชุดที่สวมใส่ ที่ไม่ตรงปก ไม่ตรงใจกับที่ตัวเองได้ขอไป
“การที่เราจะได้มงกุฏในปีนั้น อีกส่วนนึงที่จะเป็นส่วนประกอบ คือเรื่องของชุด ต้องยอมรับว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้หนูไม่มั่นใจ ในเรื่องของชุดเหมือนกัน เพราะมีการได้คุยแล้วว่าชุดน่าจะออกมาแบบไหน ก็ได้รีเควสไปแล้วว่าชุดแบบไหน เราใส่แล้วจะโดดเด่น ขอเป็นเกาะอกได้ไหม ขอไม่ให้มีการปักตรงขา ไม่ต้องแหวกสูงได้ไหม เพราะขาของเรายาวอยู่แล้ว ก็จะลิสต์ไปเลยว่าไม่เอาอะไรรุงรัง ไม่เอาปักอะไร แต่กลายเป็นว่าหนูมาลองชุดจริงๆ ก่อนจะบินไปประกวดเพียง 1 วัน และหนูก็แบบร้องไห้เลย มันไม่เหมือนกันสิ่งที่เราคุยกันไว้ ไม่เหมือนกับสิ่งที่เราไป ความมั่นใจเลยมีการลดลง ในเรื่องของไฟนอลลุคอีกอย่างคือช่างของกองใหญ่ มาเติมปากโน่นนี่นั่น มันทำให้เราไม่เห็นหน้าเราก่อนขึ้นเวที เขาบอกที่ทาสีนี้เพื่อให้แมตช์กับชุด ตอนนั้นที่เราไม่ได้ดู เพราะเรายังกังวลกับชุดที่เราสวมใส่ ว่าเราจะสวมทันไหม เลยคิดว่าไฟนอลลุคของเราน่าจะมีผลต่อคะแนน”
จากนั้นในไอจีของ “โจ้ surface” ก็ได้โพสต์ภาพ “สตรอว์เบอร์รี” พร้อมแคปชั่น “น่ารับประทาน” จากนั้นไอจีก็ระเบิดทันที เหล่าบรรดาแฟนนางที่เห็นแว้บแรก ก็เข้าใจเลยว่าจะสื่อถึงอะไร รวมไปติ่งของ “ฟ้าใส” ก็เข้าไปคอมเมนต์จนไอจีแทบแตก ซึ่ง “โจ้ surface” ก็ได้โต้ตอบกลับไปหลายคอมเมนต์ว่า
“ชุดสวยไม่สวยไม่ว่า เพราะเป็นไปตามความรีเควส แต่มันได้ทำหน้าที่ครบไปหมดแล้ว ตั้งแต่ 2019 และดูผลตามจริงได้ในคอมเมนต์ทั้งหมดของวันนั้นในไอจีนี้ได้ และเหตุการณ์ ทั้งหมดทีมงานหลายคนของทีมและกองประกวด สามารถมีหลักฐานและอธิบายได้ พร้อม”
“แล้วความจริงก็จะได้พูดเต็มปากว่าอะไรแน่ที่เป็นสาเหตุ”
“แล้วแมงเม่าก็บินเข้ากองไฟ สงสัยจะอยากรู้ความจริงทั้งหมด ขออะไรไม่ได้ แล้วที่เปลี่ยนสีให้ทั้งชุดคืออะไร คิดให้เป็นก่อน”
แต่ก็ยังมีคนเข้ามาเมนต์ถาม เพื่อให้ “โจ้ surface” แสดงความรับผิดชอบกับสิ่งเกิดขึ้น ว่า “เสริมอีกนิด ไล่ดูชุดที่ทำให้แต่ละคนใส่ถามจริงว่าไม่ทำการบ้านสรีระร่างกายคนใส่เลยหรอ ปักหนาทุกชุด ใครใส่ก็ไม่รอด ยิ่งใส่ยิ่งตัวใหญ่” ด้านเจ้าของแบรนด์สวนกลับ “มีไซส์และมีรูปขนาดชัดเจนมีความรู้เรื่องสรีระ และแก้ปัญหาทุกอย่างจากหุ่นในเวลานั้น การปักก็เป็นการแก้ปัญหาที่ต้องปักบนผ้าตาข่าย ก่อนลงชุดจริงเพราะต้องรอไซส์ที จะเข้าที่ซึ่งไม่ทราบว่าจะลงไปจุดไหน เมื่อไหร่ จึงมีระยะเดตไลน์หนึ่งที่จะต้องทำและมีคิเซตด้านใน เพื่อกำหนดหุ่นที่จะต้องได้แล้วจึงนำการปักบนตาข่ายมาเรียงอีกครั้ง การบ้านทำเยอะเพื่อแก้ปัญหาแต่คนไม่ทราบ แล้วมาตำหนิโดยขาดความรู้แล้วตัดสินคนอื่นแบบนี้ช่างไร้สติปัญญา”
หรือจะถูกถามต่ออีกว่า “ฟ้าใสถึงจะหุ่นไม่บางร่างเล็ก แต่น้องสวยมาก ผม ผิว ความสูง องค์รวมคือสง่าดูดีหมด ชุดที่ออกมาจะต้องเสริมส่งรูปร่างน้อง เสริมส่งหน้าตาน้อง” จึงถูกตอกกลับด้วยเจ้าของไอจีอย่าง “โจ้ surface” ว่า “แต่ละช่วง หุ่น และแอดติจูดไม่เหมือนกัน ก่อนไป MU มีการเร่งลด ขาดการเตรียมตัว ที่ดีอีกทั้งเรื่องการจัดการเวลาทำให้อารมณ์ไม่นิ่งพอ”
ซึ่ง “โจ้ surface” ก็ยังเคลียร์ประเด็นเรื่องชุดของ “ฟ้าใส” ผ่านอีกหลายคอมเมนต์ที่ถาโถมเข้ามาถามอีกว่า “ถ้าไม่รู้จริงต้องถามก่อนแล้วเช็กด้วยว่า ณ เวลาขณะนั้นมีความเสถียรของหุ่นแค่ไหน การทำงานทำไปจนวันสุดท้าย แต่การเริ่มต้นที่จะทำ ต้องมีกำหนดเและคิดว่าจะเอาไซส์ไหน แล้วจึงทำโครงขึ้นมาเพื่อฟิกซ์หุ่น โดยการบีบและดึงเชือก ความรู้และประสบการณ์นี้ คิดว่ามีมากและมีสปิริตมากพออย่างมืออาชีพ บางครั้งการแสดงความคิดเห็นถึงเหตุผลง่ายๆ โดยไม่ทราบเหตุผลอะไรจริงเลยอาจจะดูอวดดี อวดภูมิ แต่เมื่อเจอปัญหาหรือได้ทำเองจริง ก็แก้ไขไม่ได้ ไหม”
หรือจะสวนกลับไป “สวยหรือไม่สวย วันประกวดจริงก็ดูได้จากคอมเมนต์ในวันนั้น กรรมการให้คะแนนวันนั้น ไม่ใช่ 4-5 ปีให้หลัง ไม่ใช่มาหาแพะในวันนี้ แล้วล่อคนมาเห่าสร้างกระแส”
