เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา "บียอนเซ่" สร้างสถิติใหม่สำหรับเวทีมองรางวัล "แกรมมี" ด้วยการกลายเป็นศิลปินที่คว้ารางวัล "แกรมมี" มากที่สุดตลอดกาลถึง 32 ตัว หลังคว้ารางวัลเพิ่มไปอีก 4 ตัวในปีนี้ อย่างไรก็ตาม "บียอนเซ" กลับพลาดคว้ารางวัลอัลบั้มแห่งเป็นครั้งแรก โดยศิลปินชาวอังกฤษ "แฮร์รี สไตล์ส"คว้ารางวัลใหญ่ดังกล่าวไปได้ในที่สุด
โดยในปีนี้ตัวเต็งที่มีลุ้นรางวัลหลายสาขาก็คือ อะเดล, เทย์เลอร์ สวิฟต์ และ ลิซโซ ซึ่งทั้งหมดต่างคว้ารางวัลกลับไปได้ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามงานมอบรางวัลแกรมมีปีนี้ กลับเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ และพลิกล็อกในหลายสาขา
แต่ดาวเด่นที่สุดคนหนึ่งในงานก็น่าจะเป็น บียอนเซ ที่หลังคว้ารางวัลเพลงสาขา อัลบั้มเพลงแดนซ์/เพลงอิเล็กทรอนิกส์ยอดเยี่ยม จากผลงานเพลงอัลบั้มชุด "Renaissance" ของเธอ ทำให้ บียอนเซ คว้ารางวัลแกรมมีทั้งชีวิตไป 32 สาขา ซึ่งแซงหน้า จอร์จ ซอลติ วาทยกรสายคลาสสิกผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งมีรางวัลแกรมมีเก็บเอาไว้ถึง 31 รางวัล
“ฉันพยายามที่จะไม่แสดงอารมณ์มากเกินไป ” ควีนเบย์ กล่าวในช่วงเวลาแห่งการสร้างประวัติศาสตร์ .บียอนเซ ยังกล่าวขอบคุณครอบครัวของเธอ และแสดงความเคารพเป็นพิเศษต่อชุมชนเกย์ ซึ่งเธอให้เครดิตกับการคิดค้นแนวเพลงของตัวเองในอัลบั้มนี้ ที่เธอตั้งใจจะให้เป็นเหมือนบทบันทึกประวัติศาสตร์ของตัวเอง เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้บุกเบิกแนวฟังก์ โซล แร็พ เฮาส์ และดิสโก้
โดยรางวัล 4 สาขาที่ บียอนเซ ได้รับในปีนี้ก็คือ เพลงแดนซ์/เพลงอิเล็กทรอนิกส์ยอดเยี่ยม, เพลงอาร์แอนด์บีดั้งเดิมยอดเยี่ยม, อัลบั้มเพลงแดนซ์/เพลงอิเล็กทรอนิกส์ยอดเยี่ยม และ เพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม
แต่ในปีนี้ บียอนเซ ที่ได้ชิงรางวัลถึง 9 สาขา กลับไม่ประสบความสำเร็จในสาขาใหญ่ 4 สาขา หรือ Big Four ของแกรมมีเลย
สำหรับรางวัลใหญ่อย่างอัลบั้มแห่งปีนั้น กลับกลายเป็น แฮร์รี สไตลส์ ที่คว้ารางวัลใหญ่ดังกล่าวไปอย่างอัลบั้มแห่งปีไป
“ในคืนเช่นนี้ มันสำคัญมากสำหรับเราที่จะต้องจำไว้ว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเพลงที่ดีที่สุด” สไตลส์ กล่าวหลังคว้ารางวัลใหญ่จากผลงานชุด Harry's House งานสุดฮิตของเขาในปีที่ผ่านมา
แม้จะคว้ารางวัลได้มากกว่าใครในประวัติศาสตร์ แต่กลายเป็นว่า บียอนเซ กลับไม่เคยคว้ารางวัลสำคัญคือ อัลบั้มแห่งปี และเพลงในการบันทึกเสียงได้เลยแม้แต่คร้ังเดียว
โดยในปีนี้ บียอนเซ มีเพลง Lemonade ที่ชิงรางวัลเพลงบันทึกเสียงแห่งปี แต่สุดท้ายรางวัลดังกล่าวก็ตกเป็นของ ลิซโซ จาก "About Damn Time"
ส่วนรางวัลเพลงแห่งปี ก็พลิกล็อกเช่นเดียวกัน เพราะ นักร้องโฟล์ค ร็อก และบลูส์ บอนนี เรตต์ คว้ารางวัลดังกล่าวไป
- แบรนดี คาร์ไลล์ และ , เคนดริก ลามาร์ คว้าคนละ 3 รางวัล -
โดยศิลปินที่ได้รางวัลมากสาขารองลงมาก็คือศิลปินแนวโฟล์คร็อก แบรนดี คาร์ไลล์ และแร็ปเปอร์ เคนดริก ลามาร์ จบค่ำคืนนี้ด้วยคนละ 3 รางวัล
ส่วน อะเดล หนึ่งในนักร้องรุ่นตัวเต็งของค่ำคืนนี้ คว้าไปเพียงรางวัลเดียวในสาขาเพลงป็อป
สำหรับ เทย์เลอร์ สวิฟต์ อาจจะพลาดรางวัลทางดนตรี แต่ก็คว้ารางวัลมิวสิควิดีโอยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์สั้นของเธอจากเพลง "All Too Well" เวอร์ชั่นความยาว 10 นาที ที่เธอเป็นคนกำกับเอง
แบด บันนี่ ดาราเร็กเก้ชาวเปอร์โตริโก เป็นหนึ่งในศิลปินที่ได้โชว์ในคืนนี้ ก่อนที่เขาจะคว้ารางวัล Best Musica Urbana Album กลับบ้านไป
ตลอดปีที่ผ่านมา Bad Bunny ซึ่งเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์มากที่สุดคนหนึ่งในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเขากล่าวเป็นภาษาสเปนระหว่างรับรางวัลว่า "ขอบคุณชาวละตินทุกคนทั่วโลก เราจะยกระดับแนวนี้ไปอีกขั้น"
นักแสดง วิโอลา เดวิส กลายเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่คนล่าสุดที่ได้รับรางวัล EGOT ซึ่งหมายความว่าเป็นบุคคลที่คว้ารางวัลใน 4 เวทีมอบรางวัลสำคัญของวงการครบ ทั้ง เอ็มมี, แกรมมี่ ออสการ์ และโทนี่ จากการคว้ารางวัลแกรมมี่สำหรับหนังสือเสียง จากการอ่านหนังสือเสียงผลงานบทบันทีกส่วนตัวของเธอที่ชื่อว่า "Finding Me"
- ซามารา จอย คว้ารางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม -
งานกาล่าเพื่อมอบรางวัลแกรมมีประจำปีครั้งที่ 65 มีดาวตลก เทรเวอร์ โนอาห์ รับหน้าที่ดำเนินรายการ นอกจากนี้ยังมีการแสดงจาก แฮร์รี สไตลส์, ลิซโซ และ แมรี เจ. ไบล์จ
ซึ่งอีกรางวัลใหญ่ที่หลายคนจับตาก็คือ ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม เพราะผู้คว้ารางวัลนี้หลายคนกลายเป็นศิลปินระดับซูเปอร์สตาร์ในเวลาต่อมา อาทิ โอลิเวีย โรดริโก, เมแกน เดอะ สเตเลียน และ บิลลี ไอลิช เป็นต้น
ด้วยสื่อสังคมออนไลน์ทำให้ศิลปินหน้าใหม่หลาย ๆ คนโด่งดังในระยะเวลาอันรวดเร็ว และปีนี้ก็มีผู้ชิงรางวัลเป็นศิลปินจากหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก อาทิ อนิต้า จากบราซิล, Maneskin ร็อกเกอร์จาก Eurovision และแร็ปเปอร์ Latto ต่างมีชื่อเสียงโด่งดังบน TikTok
แต่สุดท้ายกลายเป็นศิลปินแจ๊ซ ซามารา จอย ที่คว้ารางวัลดังกล่าวไป "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย -- ฉันเฝ้าดูพวกคุณทุกคนทางทีวีมานานมากแล้ว" ซามารา จอย ที่เกิดในบรองซ์บอกกับผู้ชม หลังจากที่คว้ารางวัล Best Jazz Vocal Album กลับบ้านไปก่อนหน้านี้
อัลบั้มแห่งปี: Harry's House, Harry Styles
รางวัลเพลงแห่งปี (ยกย่องการร้อง และบรรเลง) : "About Damn Time" Lizzo
เพลงแห่งปี (ยกย่องการแต่งเพลง): "Just Like That" -- Bonnie Raitt
ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ได้แก่ ซามารา จอย
อัลบั้มเพลงแดนซ์/เพลงอิเล็กทรอนิกส์ยอดเยี่ยม: "Renaissance," Beyonce
เพลงแดนซ์/เพลงอิเล็กทรอนิกส์ยอดเยี่ยม: "Break My Soul" โดย Beyonce
อัลบั้มเพลงป็อปยอดเยี่ยม: "Harry's House" จาก Harry Styles
อัลบั้มแร็พยอดเยี่ยม: "Mr. Morale & the Big Steppers" Kendrick Lamar
อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม: "Patient Number 9" Ozzy Osbourne
การแสดงเพลงป๊อปเดี่ยวยอดเยี่ยม: "Easy on Me" โดย Adele
การแสดงเพลงป๊อปดูโอ/กลุ่มยอดเยี่ยม: "Unholy" โดยแซม สมิธ และ คิม เพทราส
อัลบั้ม Americana ที่ดีที่สุด: "In These Silent Days" โดย Brandi Carlile
อัลบั้มคันทรียอดเยี่ยม: "A Beautiful Time" โดย Willie Nelson
มิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยม: "All Too Well (The Short Film)" เทย์เลอร์ สวิฟต์
อัลบั้มเพลงยอดเยี่ยมสำหรับศิลปินต่างประเทศ : "Sakura" Masa Takumi
เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมสำหรับวิดีโอเกมและสื่ออินเทอร์แอกทีฟอื่นๆ: "Assassin's Creed Ragnarok: Dawn of Ragnarok" โดย Stephanie Economou