“ย้ง ทรงยศ” อะดรีนาลีนหลั่ง กับความท้าทายใหม่ๆ จับมือ “ปิง เกรียงไกร” เปิดตัวค่ายใหม่ ปั้นศิลปินเป็นไอดอล ยกระดับที-ป๊อปสู่สากล ลั่นเป็นช่วงสุดท้ายของการทำงาน จบจากนี้จะเกษียณตัวเองแล้ว
หลังจากที่ลาออกจากค่ายนาดาวบางกอก เพราะหมดแพชชั่น ทำอะไรเดิมๆ ล่าสุด “ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์” จับมือ “ปิง เกรียงไกร วชิรธรรมพร” ผู้กำกับ นักเขียนบทชื่อดัง เปิดตัวบริษัททาดา เอนเตอร์เมนท์ จำกัด (TADA entertainment) ปั้นศิลปินให้เป็นไอดอล โดย ย้ง รับตำแหน่ง CHIEF EXECUTIVE OFFICER ขณะที่ ปิง เกรียงไกร รับตำแหน่ง MANAGING DIRECTOR (5x6 House Co., Ltd.) โดยในงานเปิดตัวบริษัท พร้อมตัวค่ายเพลง SONRAY MUSIC , ILY LAB และโปรดักชั่น “5x6 เฮาส์” ทั้งคู่ก็ได้เล่าที่มาที่ไปอย่างละเอียดถึงประตูบานใหม่ๆ ที่ทำให้เกิดความตื่นเต้น
ย้ง : “จริงๆ ก็กลับมาแบบตัวเล็กๆ เหมือนเดิม เราทำนาดาวบางกอกมา จากจุดเริ่มต้นในการดูแลน้องๆ นักแสดงให้กับ GDH แล้วเราก็เติมโตมากับการทำโปรดักชั่นของเราไปด้วย ตลอดระยะเวลาเกือบ 13 ปีที่ทำนาดาวบางกอก เด็กๆ หลายคนเติบโต แข็งแรง อาจจะถึงจุดที่ว่าน้องๆ แต่ละคนล้วนอยากมีสิ่งที่ตัวเองอยากทำในแบบของตัวเอง สำหรับเราก็เหมือนลูกๆ ของเราเรียนจบมหาวิทยาลัย เขาอยากทำงาน เขาอยากจะมีชีวิตที่เป็นอะไรของเขาก็ตาม ก็รู้สึกว่าถึงเวลาแล้วเหมือนกัน
พวกเราเองก็มานั่งคุยกับว่าตัวเราเองก็ล้วนมีความสนใจ ความชอบที่มันแตกต่างกัน และแปลกใหม่ มันไม่ใช่เรื่องการหมดสนุกกับสิ่งเก่า แต่เป็นเรื่องที่เรามีสิ่งที่เราสนใจใหม่ที่เราอยากจะลองไปต่อเหมือนน้องๆ นักแสดง เพราะงั้นเราก็คลี่คลายอันเก่าแล้วไปสร้างสิ่งใหม่ๆ ของตัวเองกัน ในการสร้างสิ่งใหม่ๆ นั้นจริงๆ เราก็ยังแจมกันอยู่ในหลายๆ พาร์ตเบื้องหลัง อนาคตก็จะได้เริ่มเห็นกันในหลายโปรเจกต์ วันนี้ พาร์ตนี้เราเลยจะมาแนะนำบริษัทใหม่ของผมกับปิง ตัวผมโฟกัสที่การพัฒนาศิลปินที่จะมาเป็นไอดอล ส่วนปิงจะโฟกัสที่พาร์ตโปรดักชั่นเหมือนเดิม
สิ่งที่ผมโฟกัสอยู่ในวันนี้คือศิลปินที่จะมาเป็นไอดอลเป็นหลักครับ ถ้าจะมีบริษัทนักแสดงเกิดขึ้นในอนาคตก็คงจะเป็นเราได้เจอพูดคุยกับน้องๆ บางคนที่เขาอยากจะทำสิ่งนี้แล้วอยากจะมาแจมกับเราแล้วเรามาร่วมทำด้วยกัน แล้วน้องอาจจะเป็นคนร่วมบริหารหรือจัดการในสิ่งนั้น ตัวผมเองอาจจะไม่ได้ไปโฟกัสสิ่งนั้น วางไว้ว่าทาดาจะมีบริษัทลูกอีกที่ทำงานหลากหลาย ตัวผมเองตอนนี้คือโฟกัสศิลปิน ค่ายเพลง SONRAY MUSIC ค่ายเพลง ILY LAB ที่เป็นไอดอลเท่านั้น”
คาดหวังต้องทำให้ได้มาตรฐาน เป็นความท้าทาย
ย้ง : “ผมก็ไม่รู้ว่าไอดอลของคนทำงานส่วนใหญ่เขาเป็นยังไง สำหรับตัวผมการเป็นศิลปินไอดอลคือศิลปินที่ต้องมีความกรูมมิ่ง เราจะต้องช่วยกันทำให้เขามีภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้เขามีความสามารถที่ดี ที่ผ่านมาได้ลองติดตามไอดอลต่างประเทศและค้นพบว่าชื่นชอบในมาตรฐานเขา คือเราไม่ได้อยากจะเป็นศิลปินในการทำงานเพลงแบบนั้นนะ แต่เราชื่นชอบในมาตรฐานแบบนั้น มันน่าสนุกดีที่วันนี้เราจะลงมาทำงานศิลปิน ที-ป๊อปไทยของเราแล้วทำให้ได้ไปถึงมาตรฐานนั้น มันคือความท้าทายใหม่ของเรา เรารู้สึกสนุก เหมือนที่เราเคยทำหนัง ทำซีรีส์ สำหรับเราในวันนี้การลงมาทำศิลปินไอดอล มันเห็นมาตรฐานนั้น เราอยากจะไปให้ถึง”
หวังปั้นไปให้ไกลระดับโกอินเตอร์
“อยากปั้น ที-ป๊อป ไปโกอินเตอร์ครับ เบื้องต้นอยากทำศิลปิน ที-ป๊อปให้คนไทยฟังก่อน แล้วเมื่อคนไทยฟังแล้วเราอยากจะพาที-ป๊อป ออกไปสู่ระดับสากล สากลก็คือไปทั้งหมด ไม่ได้ตั้งใจจะพาไปประเทศใดประเทศหนึ่ง ผมว่ายุคนี้มันไม่ใช่ยุคที่มาแบบสวยหล่อ เริ่มต้นมาแล้วเก่งมากๆ แต่มันเป็นยุคของศิลปินที่เริ่มต้นจากการที่เขามีความพยายาม มีความตั้งใจ ดนตรีในทุกวันนี้มันพาให้เราก้าวข้ามเรื่องภาษาไปแล้ว ถ้าศิลปินคนนั้นมีความตั้งใจ มีความพยายามทำเพลงออกมาต่อเนื่องสม่ำเสมอ ผมว่าก็มีโอกาสที่จะไปถึงคนฟัง คนดูที่กว้างขึ้นมากๆ ต่อไปได้ในอนาคตในระดับสากล”
ไม่ตื่นเต้นกับเรื่องเดิมๆ แต่เปิดประตูบานใหม่แล้วสนุก อะดรีนาลีนหลั่ง
ย้ง : “ตอนช่วงวัยเด็กเราจะมีความกลัว เราก็จะทำงานแต่ในสิ่งที่เราคุ้นเคย แต่พอเรามีโอกาสได้ลองเปิดประตูบานใหม่ๆเรารู้สึกว่าเราสนุกจังเลย ในวันนี้ที่เราโตแล้ว เวลาที่เราทำงานอะไรซ้ำๆ เดิมเราจะไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เราทำ พอเราลงไปทำอะไรใหม่ๆ แล้วประสบความสำเร็จ มันทำให้อะดรีนาลีนเราหลั่ง เรารู้สึกกลับไปเหมือนตอนที่เราเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ เราสนุกกับมัน ผมว่าตอนนี้ศิลปินไอดอลที่ผมกำลังทำอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกแบบนั้น มันเลยทำให้เราอยากจะลองลงมาทำมันสักตั้งนึง น่าจะเป็นช่วงสุดท้ายของการทำงานของตัวเองแล้วมั้งครับ จบจากนี้คงจะเกษียณแล้วครับ แล้วคงจะส่งต่อให้ปิง”
คัดกรองศิลปิน ต้องรู้จักให้มากในระดับหนึ่ง
ย้ง : “ตั้งแต่สมัยนาดาวบางกอกเราก็ต้องทำกันมาอยู่แล้วนะ แต่มันจะไม่เชิงสกรีน เรียกว่าถ้าเราจะชวนน้องๆ คนไหนเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัด เราต้องรู้จักเขาให้มากในระดับที่เราจะรู้ได้ในวันนั้น ผมก็ไล่ส่องไอจีจนทั่ว นอกจากไอจีเขาแล้วก็ตามไปส่องไอจีเพื่อนเขา ว่าเขาตามใคร ยังไงบ้าง เราแค่อยากรู้จักน้องก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าเขาใช่ศิลปินหรือนักแสดงที่ตรงกับที่เรามองเห็นหรือเปล่า นี่คือความตั้งใจหลักของเรามากกว่า จากนั้นมันจะทำให้เรารู้ไปเองว่าน้องมีคาแรกเตอร์แบบไหน สไตล์ยังไง เขาเป็นเด็กแบบไหนมาก่อน
ไม่ได้ถึงขั้นปิดกั้นว่าเด็กที่มีความแสบซ่าแล้วเราจะไม่ให้เขา ไม่เกี่ยวนะ เราก็อาจจะพาเขามาแนะนำ พามาเข้าใจการใช้ชีวิตอยู่ในวงการนี้ หลายๆ คนอาจจะเติบโตมา เริ่มต้นไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ความสามารถยังไม่ใช่ แต่ว่าน้องเขาอดทนในการที่จะขัดเกลาตัวเอง เวลากับการพัฒนาตัวเอง จริงๆการทำงานตรงนี้ข้างหน้าอาจจะดูสวยงาม แต่จริงๆ แล้วเวลาฝึกฝน มันเหนื่อยและยากมากในการที่จะไปถึงจุดที่สำเร็จได้”
ส่วนกรณีที่คนมองว่าไอดอลจะต้องเป็นแบบอย่าง ต้องขาวสะอาด สำหรับนักปั้น มาตรฐานของย้ง ไอดอลมันต้องเป็นยังไงนั้น เจ้าตัวเผยว่า...
ย้ง : “ผมว่าเขาน่าจะต้องเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดี แต่เรื่องขาวสะอาดระดับไหน ช่วงชีวิตที่เราเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่นมันก็ต้องมีการลอง ลองแล้วผิดบ้าง ลองแล้วถูกบ้าง แล้วเราจะเรียนรู้และเติบโตจากประสบการณ์เก่าๆ ในอดีต หลายครั้งที่เราอาจจะผิดพลาด แต่การผิดพลาดคือสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตได้ดีที่สุด ก็เลยไม่ได้มีปัญหากับเด็กบางคนที่ในอดีตเขาอาจจะเคยทำผิดพลาด แต่ถ้าเราได้คุยกับเขาแล้ว เราได้เห็นทัศนคติเขาแล้วเรารู้สึกว่าเขาน่าจะเข้าใจเรื่องนี้และพัฒนาไปต่อได้ในเรื่องทัศนคติ สังคม ประเด็นต่างๆ อันนี้มากกว่า ผมว่าทัศนคติสำคัญมาก มันจะรู้จักการที่เราได้พูดคุย ใช้ชีวิตอยู่กับเขาสักระยะนึง”
ด้านโปรดักชั่น ก็ยังทำต่อเนื่องตั้งแต่สมัยทำที่บริษัทนาดาวฯ
ปิง : “อะไรที่เราทำไว้สมัยนาดาว เราก็ยังจะทำอย่างต่อเนื่อง 2-3 โปรเจกต์ใหม่ๆ จะได้เห็นกันในเร็วๆ นี้ จะได้ทำซีรีส์อย่างเป็นรูปธรรมปีหน้า งานสเกลสั้นๆ จะได้เห็นกันอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เป็นช็อตคอนเทล ซึ่งเป็นแนวทางที่เราเองก็ยังไม่เคยลอง ก็อยากลอง ผมสนุกกับการทำสิ่งนี้ ผมรู้สึกอยากลองหาพื้นที่ใหม่ๆ ทุกวันนี้ในการทำคอนเทนต์มันเป็นอะไรก็ได้แล้วจริงๆ อยากจะสร้างคนรุ่นใหม่ๆ เพื่อไปเจอกับทิศทางการทำงานใหม่ๆ ด้วย”