“กวาง อริสรา” เผยสัมพันธ์ “เอลฟ์ตี้” คบกันมาได้ 3-4 เดือนแล้ว แต่รู้จักกันนานกว่านั้น ยอมรับตอนแรกงงในสถานะคู่ตัวเอง แต่สุดท้ายความรักไม่ได้แบ่งเพศ เผยโดนมองเหยียดแต่ปล่อยผ่าน พร้อมผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้เกิดขึ้นให้ได้
เดินทางมาร่วมงานประกาศรางวัล เชียร์บอลให้มัน เฮลั่นรับโชค ณ อาคารโกดัง 7 สำนักงานใหญ่ไทยรัฐ ถนนวิภาวดี ด้วยกันแบบสวยทั้งคู่ สำหรับคู่ของ “กวาง อริสรา การกล้า” มิสทิฟฟานี่ 2022 และ “เอลฟ์ตี้ ศศิณัฏฐ์ สอนสุรัตน์” คู่รักสาวประเภทสองที่เคยเปิดตัวกันไปแล้วเมื่อวันรับตำแหน่งมิสทิฟฟานี่ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งคู่ได้เผยถึงความสัมพันธ์ว่าตอนแรกก็แอบงงกับสถานะคู่ตัวเองเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็อยู่ด้วยความรักและความเข้าใจ
กวาง : “จุดเริ่มต้นของความรักเริ่มมาจากความเป็นเพื่อน ความสัมพันธ์ของเราสองคนค่ะ ที่มีความสบายใจ มีความรู้สึกดีๆ ให้กัน และพัฒนามาเป็นความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อน”
เอลฟ์ตี้ : “เริ่มจากที่เราทำงานด้วยกันทุกวันค่ะ พอเราได้เจอกันทุกวัน ไปไหนไปกัน ความสัมพันธ์มันก็เลยมีการพัฒนาจากที่เราเจอกันทุกวัน บางวันเราเจอเรื่องที่มันไม่ดี เจอเรื่องเสียใจ ก็เป็นเขาที่มาอยู่ข้างๆ มันก็เลยเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์”
กวาง : “ถามว่าใช้เวลานานไหมกว่าจะตกลงเป็นแฟนกันเหรอ ก็ประมาณ 3-4 เดือนได้ค่ะ คือก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันอยู่แล้ว แต่เพิ่งมาคุยกัน 3-4 เดือนที่จริงๆ จังๆ สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ได้นานมาก แต่สำหรับเรามันนานมาก เพราะเราอยู่ด้วยกันทุกวัน เห็นทุกโมเมนต์ของกันและกัน”
เผยที่ผ่านมามีแฟนเป็นผู้ชายตลอด พอครั้งนี้ก็เลยมีงงๆ บ้าง
กวาง : “เป็นครั้งแรกที่เรามีแฟนเป็นสาวประเภทสองค่ะ ทั้งสองคนเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด ช่วงแรกๆ เป็นความรู้สึกงงค่ะ คือเราต้องทำยังไง เราต้องจัดการความรู้สึกของเรายังไง เราต้องรู้สึกว่าเราคือผู้ชายไหม หรือใครต้องเป็นผู้ชาย มันจะเป็นความสับสนงงไปหมด แต่พอเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสักพักนึง เราเริ่มรู้สึกว่าความรักมันไม่ใช่แค่ผู้ชายกับผู้หญิง มันคือทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้อง อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจแค่นั้นเลย
เอลฟ์ตี้ : “จริงๆ สายตาเวลาที่คนมองสำหรับหนูคือเหมือนเราเป็นสาวประเภทสอง ก็จะถูกคนมองตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เราก็เลยชิน ไม่ได้สนใจ เรามีวิธีการจัดการกับความรู้สึก เราเลือกที่จะไม่สนใจ เลือกที่จะมองอะไรที่มันเป็นความสุขของเรา เราโฟกัสและเดินไปทางนั้นค่ะ”
บอกอยากให้สังคมเปิดกว้าง และยอมรับกับเพศสภาพที่หลากหลายได้แล้ว
กวาง : “อันที่จริงคู่หนูไม่ใช่คู่แรกนะคะ เพียงแต่เขายังไม่ได้เปิดตัวออกมาสู่โลกออนไลน์เท่าไหร่ อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจว่าโลกเรามันไม่ได้มีแค่สองเพศแล้ว มันมีหลากหลายกลุ่มคนเข้ามา หลากหลายเชื้อชาติ หลากหลายสีผิว หลากหลายทางเพศ อยากให้เปิดโอกาส ยอมรับ เปิดใจ ทำความเข้าใจกับเรา ไม่ได้ขอโอกาส ไม่ได้ขอข้อยกเว้น ไม่ได้ขออะไรพิเศษ แค่ขอทำความเข้าใจกับเราในฐานะมนุษย์ เรามีความรู้สึก เรามีสิทธิที่จะถูกรักและเราก็มีสิทธิที่จะรักใครก็ได้แค่นั้นเองค่ะ
ถามว่าก่อนเปิดตัวกับหลังเปิดตัวความรู้สึกต่างกันไหม สำหรับเราก่อนเปิดตัวและหลังเปิดตัวเหมือนกันทุกอย่าง เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือสังคมรอบข้าง สังคมจะให้ความสนใจกับเรามากขึ้น เหมือนเขาไม่เคยเห็นในสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้น เขาก็เลยคิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ ซึ่งเราเคยเห็นคู่ก่อนหน้านี้มาแล้ว เลยรู้สึกว่ามันเป็นปกติมากๆ ก็เลยไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ค่ะ
ซึ่งฟีดแบ็กก็มีทั้งดีและลบค่ะ ด้านลบก็มีโดนบอกว่าวิปริตบ้าง ผิดเพศบ้าง อย่ามานั่งใกล้ชิด เดี๋ยวเธอชอบฉันอะไรประมาณนี้ แต่เราก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากมาย เพราะเมื่อไหร่ที่เราหนักแน่นกับความรู้สึกเราพอ เรารู้ว่าสิ่งที่เราเป็นมันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็เลยรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องแคร์คำพูดคนเหล่านั้นเลย เราสนใจกับพลังบวกในชีวิตมากกว่า ไม่อยากเอาพลังลบมาบั่นทอนจิตใจเราค่ะ”
พร้อมผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมให้เกิดขึ้นให้ได้
กวาง : “ก็ทำทุกอย่างในสิทธิที่เราควรจะได้รับเบื้องต้นนะคะ ไม่ว่าจะสมรสเท่าเทียม ความรักทางด้านกฎหมาย สินสมรส คำนำหน้าต่างๆ นานาที่เราควรจะได้รับ คือเราอยากร่วมกันกับองค์กรทิฟฟานี่ที่จะช่วยขับเคลื่อน ณ ตรงนี้ให้มันเกิดขึ้นในสังคมได้แล้วสักที คือมันไม่ใช่แค่เพิ่งมามี LGBTQ ในยุคนี้ LGBTQ มันมีมานานมาก แต่แค่ยังไม่ถูกยอมรับ และมอบโอกาสให้กับเราในสิ่งที่เราควรจะได้รับ
คือในปัจจุบันมันก็ควรเกิดขึ้นได้แล้ว หนูเป็นมิสทิฟฟานี่ หนูมีเสียงที่ดังมากพอในระดับนึง เหมือนมาออกรายการในวันนี้หนูก็จะใช้ช่องไทยรัฐเป็นสื่อกลางที่ทำให้คนรู้ว่า ความรักของเรามันมีมากมายหลากหลายเพศจริงๆ เพราะฉะนั้นสมรสเท่าเทียมก็ควรเกิดขึ้นจริงได้แล้วในสังคมไทย ถ้าผู้ใหญ่บางท่านเล็งเห็นความสำคัญตรงนี้
สิ่งที่เราจะได้รับมันจะทำให้ชีวิตเราดีขึ้นมากๆ เลย สมมติหนูกับพี่เอลฟ์ช่วยกันทำงาน และเก็บเงินร่วมกัน มันมีกฎหมายบางข้ออย่างเช่นสินสมรส ถึงแม้พ.ร.บ.คู่ชีวิตจะเกิดขึ้น แต่พอพ.ร.บ.คู่ชีวิตนั้นมันไม่ได้มีสินสมรส ไม่ได้มีกฎหมายรับรองข้อนี้ ถ้าเกิดวันนึงหนูกับพี่เอลฟ์เลิกกันไป สินสมรสตรงนี้มันจะต้องเป็นของใครที่หนูหามาร่วมกัน เราจะต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องเงิน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเรารักกันดี มันก็ไม่ใช่ แต่ถ้าเรามีกฎหมายสมรสเท่าเทียมเกิดขึ้นจริงๆ มันจะมีกฎหมายตรงนี้มารองรับ วันนึงถ้าเกิดเราเลิกรากันไป หรือพี่เอลฟ์เกิดเจ็บป่วยขึ้นมา มันก็จะรองรับตรงนี้ได้อย่างสบายมากๆ ค่ะ”
