“ปุ้ย TPN” พอใจผลการตัดสิน MU ที่ผ่านมา บอก “แอนนา” ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว แจงดรามาเรื่องห้องดำก็ขอให้รอดูคลิปที่จะมีการเผยแพร่ ส่วนไบโอแอนนาก็ไม่ได้น่าเกลียด ย้ำลิขสิทธิ์ MUT ยังอยู่ในมืออีก 2 ปี ส่วนเวทีนางสาวไทยมีประกวด 77 จังหวัดมาอยู่แล้ว ย้ำไม่รังเกียจ ใครมาจากเวทีไหนจะมาสมัครก็ได้ เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล
แม้จะจบการประกวดเวทีใหญ่ระดับโลกอย่างมิสยูนิเวิร์สไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดรามาเกี่ยวกับ “แอนนา เสืองามเอี่ยม” Miss Universe Thailand 2022 ตัวแทนจากประเทศไทยก็ยังไม่จบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตอบคำถามในห้องดำ เรื่องไบโอที่ไปพูดในห้องดำ เรื่องรางวัลพิเศษที่ได้มา ซึ่งล่าสุดหัวเรือใหญ่อย่าง “ปุ้ย TPN” หรือ “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” กรรมการผู้จัดการบริษัท ทีพีเอ็น โกลบอล จำกัด (TPN Global) ผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ก็ออกมาเปิดเผยทุกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จนะคะ ถึงแม้ว่าแอนนาจะไม่เข้ารอบ 16 คนสุดท้าย แต่อย่างที่ปุ้ยไลฟ์ตอนประกาศผลในทันทีว่าพวกเราต้องเคารพการตัดสินใจของกรรมการในการให้คะแนนนะคะ เราก็ต้องคิดว่าเราทำดีที่สุด และเราก็ทำดีที่สุดแล้ว แต่ในเมื่อเราไม่เข้ารอบ เราก็มีหน้าที่พัฒนากันต่อไปว่าปีหน้าจะเป็นยังไง การไปประกวดในทุกๆ ที่ปุ้ยอยากจะให้มองว่าอย่าไปพูดว่าเปิดหรือปิดประตู เพราะจริงๆ แล้วคนที่เคยเข้ารอบในปีก่อนๆ ถ้ามาปีนี้อาจจะไม่เข้ารอบก็ได้ คนที่ตกรอบในปีก่อนมาปีนี้ไปปีอื่นๆ อาจจะเข้ารอบก็ได้ มันขึ้นอยู่กับเรื่องราวในปีนั้นๆ จริงๆ
เพราะฉะนั้นเราให้ดูว่าเขาทำดีที่สุดหรือยัง เขาสู้เต็มที่หรือยัง และระหว่างการเก็บตัว ระหว่างการประกวดเขาเต็มที่ และเขาได้สร้างความสุขให้กับแฟนๆ ทุกคนจริงหรือไม่ และเขาทำได้ดีพอหรือยัง อยากจะให้มองตรงนี้ค่ะ”
เผยเรื่องไบโอในห้องดำ มีแต่สื่อต่างชาติชมกันหมด
“จริงๆ แล้วไบโอเรามีทีมที่ช่วยน้องนะคะ ประมาณ 7-8 หน้าได้ เพราะฉะนั้นที่สรุปกันมาไม่ใช่ทั้งหมดนะคะ แต่ยังไงก็ตามปุ้ยคิดว่าไบโอแอนนาไม่ได้น่าเกลียดค่ะ และเดี๋ยวจะไลฟ์ให้ฟังกับด็อกเตอร์ต้องนะคะ จริงๆ แล้วเราไม่ได้ไปขายเรื่องความรันทด ความยากจน เพราะแอนนาเขาก็บอกอยู่ว่าชีวิตมีความสุข เราจะเกิดหรือจะทำอะไรก็ตาม อย่าไปคิดว่าเป็นปมด้อย เป็นจุดอ่อน เราเปลี่ยนแรงกดดันให้เป็นแรงผลักดันของเราจะดีกว่า นี่คือแมสเสจสำคัญที่แอนนาพยายามจะสื่อออกไป
คือไม่อยากให้แฟนๆ ดรามา ถ้าไปดูข่าวต่างประเทศ เขาก็ไม่ได้ลงเรื่องความรันทดอะไรของแอนนาเลย เขาใช้คำว่า Heart win ก็คือไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เกิดจากไหนมา แต่คุณพยายามสู้ให้ถึงที่สุด เพราะฉะนั้นเรื่องยากจนมันไม่ใช่จะมาเป็นจุดสำคัญ มาเรียกร้องความเห็นใจ ไม่ใช่เลย สื่อที่ลงของแอนนามีสื่อดังๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น CNN, YAHOO ฯลฯ เขาไม่ได้บอกเลยว่าแอนนาน่าสนใจเพราะมาจากความยากจนหรือยากลำบาก เพราะมันมีคนที่ยากลำบากในสังคมโลกนี้เยอะกว่าแอนนาเยอะ
แล้วเราก็ได้รีเช็กค่ะ เขาก็เอามาให้อ่าน คนที่อ่านก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาษานะคะ จริงๆ ภาษาไม่มีประเด็น แต่ตอนนี้ที่เป็นประเด็นเพราะไปตีความกันว่าแอนนาขายความยากจน ขายเรื่องของกองขยะ มันไม่ใช่เลยค่ะ”
บอกรอดูคลิปในห้องดำ แล้วตัดสินใจกันเอาเอง
“ห้องดำปุ้ยก็ไม่ได้ไปอยู่ด้วย ต้องรอดูที่เขาจะเปิดห้องดำ ก็มีแต่มาเล่าให้ฟัง เราก็ถามจากล่ามที่มีประสบการณ์ในการแปล เขาก็ชื่นชมว่าแอนนาตอบคำถามได้ดี เพราะแม่แอน (จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์) ก็ให้คำแนะนำที่ดี แม่แอนก็ได้บอกน้องว่าพูดไทยไปเลย เราต้องแสดงถึงความมั่นใจ เราต้องแสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวเองของเรา จะเป็นภาษาอะไรก็แล้วแต่ และสมัยที่เราเคยเป็นโฮสต์เมื่อปี 2018 เราก็เคยเข้าไปนั่งฟังอยู่ในห้องดำ
ก็ยืนยันตรงนี้ว่าภาษาก็ไม่ใช่ประเด็นคะแนนทั้งหมด เขาก็จะดูความจริงใจ ดูแววตาที่สื่อออกไป ก็แล้วแต่ว่ากรรมการเขาจะจับได้แค่ไหน ก็เห็นว่าจะมีการปล่อยภาพออกมานะคะ ก็ไปติดตามดูใน JKN18 นะคะ จริงๆ แล้วการไปดูก็ดีเหมือนกัน เราจะได้รู้ว่าคนอื่นเขาพูดแบบนี้
ส่วนเรื่องรางวัลพิเศษที่มีดรามาว่าให้เพราะเจ้าของเป็นคนไทย อันนี้ไม่เสียใจเลย เพราะมันไม่จริงค่ะ รางวัลนี้คุณแอนก็พูดอยู่บนเวทีอยู่แล้ว มันเป็นรางวัลจากการโหวต ซึ่งใครที่อ่านเรื่องราวและอินกับนางงามท่านนั้น ก็ให้โหวต แอนนาก็ชนะการโหวตในครั้งนี้ ฉะนั้นจะไปบอกว่าเป็นรางวัลปลอบใจไม่ได้ ต้องให้เกียรติเวทีมิสยูนิเวิร์สนะคะ เพราะเขาคงไม่อยู่ๆ เอารางวัลมายัดให้ใครก็ได้ ไม่ใช่เลยค่ะ เพราะคุณแอนพูดบนเวทีอยู่แล้วว่ามันตรวจสอบได้หมด เพราะมันมีบริษัทที่ตรวจสอบการลงคะแนน การโหวต”
เผยตนยังมีลิขสิทธิ์ของ MUT อยู่ ส่วน “เต้ ปิยะรัฐ กัลย์จาฤกษ์” ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
“ก็ไม่ทราบนะคะ เพราะยังอยู่กับปุ้ยอีก 2 ปี ก็ค่อยไปถามกันใหม่ดีกว่า เพราะคุณแอนเขาก็โทร.มาคุยกับปุ้ยก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร คือบางครั้งการจับประโยคแล้วไปปั่นกันต่อ บางทีมันก็ต้องระวังเหมือนกัน
คุณเต้ก็เป็นเพื่อนกัน คุณเต้เขาก็พูดชัดเจน เขาไม่ได้พูดอะไรไม่ดีเลย ตอนนี้ปุ้ยว่าคนไทยต้องเปลี่ยนมุมมองการรับฟังให้มันเยอะ ให้มันดีขึ้น บางทีเราฟังอะไรประโยคนึงก็ไปจับชนกันเละเทะไปหมด ก็ฝากไว้ว่าใครที่สนใจจะมาลง MUT 2023 รีบๆ เตรียมความพร้อม คิดว่าตัวเองมีรอยรั่ว มีจุดอ่อนตรงไหนก็รีบเตรียมตัวกันนะคะ
กับคุณแอนก็แฮปปี้กันเลย ปุ้ยก็ส่งกำลังใจให้แม่แอนเขาตลอด เพราะเขาก็หนักหนาสาหัสนะ ไหนจะควักสตางค์ซื้อมา ไหนจะต้องมาบริหารจัดการ และเพิ่งซื้อกันมาสดๆ ร้อนๆ เราก็ควรจะให้กำลังใจเขา เพราะมันหนักจริงในการบริหารองค์กรระดับโลกขนาดนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เพราะวันรุ่งขึ้นคุณแอนก็น่ารักมากโทร.มาคุยกันว่ามีการจับคำอะไรมั่วซั่วไปหมด”
บอกเวทีนางสาวไทยมีประกวด 77 จังหวัดมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี
“จากนี้ก็เตรียมแผนในการจัดประกวดไปเรื่อยๆ เหมือนทุกปีนะคะ แต่ละปีก็จะมีเรื่องราวที่ต่างกันออกไป และหลังจาก 2 ปีเราก็ค่อยมาดูกันว่ายังทำอยู่มั้ย อันนี้ก็เป็นเรื่องของในอนาคตค่ะ ส่วนลิขสิทธิ์นางสาวไทยก็เตรียมไป 77 จังหวัด อันนี้ได้อยู่แล้ว เพราะเดิมทีนางสาวไทยเขาก็มี 77 จังหวัดอยู่แล้วถ้าใครไปย้อนดูในอดีต นางสาวนู่น นางสาวนี่
ปีนี้ TPN ก็ได้รับโจทย์มา และยังมีภาคีกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรม และการบินไทย เราจะต้องเชิดชูศิลปะวัฒนธรรมการท่องเที่ยวและของดีประจำจังหวัด 77 จังหวัดให้เกริกก้องเกรียงไกร ก็เลยมีนางสาวไทย 77 จังหวัดขึ้นมาค่ะ ประเดิมไปแล้ว มีหลายจังหวัดแล้ว”
ฉะเวทีคู่แข่ง บอกเวทีตนไม่คิดห้ามใครมาประกวด เพราะเป็นสิทธิมนุษยชน
“เห็นข่าวแล้วค่ะ ห้ามไปประกวดใช่ไหม ไม่เป็นไรค่ะ แต่บอกตรงนี้นะคะ TPN เราจะไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของใครทั้งสิ้น ใครอยากจะมาก็มาค่ะ ใครอยากจะไปก็ไป มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลของแต่ละคนนะคะ และปุ้ยขอย้ำตรงนี้ว่าโดยส่วนตัวไม่เคยไปดูถูกหรือรังเกียจในเวทีใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเราพูดตลอดนะว่าทุกเวทีเขามีบริบทของเขา มันมีความศักดิ์สิทธิ์ มีความสำคัญ และมีความสนุกสนานในแต่ละแบบของตัวเอง เราไม่เคยเอาไปเทียบว่าเราดีกว่าใคร หรือใครดีกว่าเรา แค่วันนี้เราทำของเราให้มันดีที่สุดเถอะ แค่นี้ก็ยากเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว
ที่มีคนไปวัดระดับเกรดนางงาม ถ้าปุ้ยถามกลับว่าพวกเราเป็นพลเมืองเกรดไหนคะ ถ้าจะวัดกันอย่างนั้น เราต้องเป็นคนเกรด A เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนเกรด A หมด เพราะเราฝ่าดงกรงกรรมมาเป็นมนุษย์ได้ มันเกรด A ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเราอย่าไปวัดเกรดใครต่อใครเลยนะคะ มันแรงไปนะถ้าไปเทียบว่าเป็นเกรดนั้นเกรดนี้ ปุ้ยไม่เคยใช้คำนี้ เพราะว่ามนุษย์ผู้หญิงและมนุษย์ผู้ชายทุกคนก็คือมนุษย์ อย่าไปแบ่งเกรดเขาอย่างนั้นเลย”
บอกคงเลี่ยงที่จะพูดถึงไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิแต่ละบุคคลเหมือนกัน
“นี่ก็อีกเรื่องนึง ปุ้ยไม่ได้มีอำนาจว่าจะไปสั่งห้ามหนูอย่าไปพูดถึงนะ เป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน และถ้าเราเป็นนักประชาธิปไตย เราไม่ควรจะไปละเมิดใครค่ะ ใครจะพูดอะไรถ้าเขามีสิทธิในการพูดในขอบเขตของกฎหมาย เราไปห้ามใครไม่ได้เลย แต่ของเราคือเปิดทุกเวทีตั้งแต่วันแรกแล้วค่ะ ไม่เคยบอกว่าห้ามเวทีนั้น ห้ามเวทีนี้ โดยส่วนตัวไม่ห้ามค่ะ เพราะไม่มีสิทธิในการไปห้าม”
บอกรอดูกฎหมายไทยในอนาคต ว่าจะให้สาวประเภทสองประกวดเหมือนเวทีมิสยูนิเวิร์สใหญ่ได้ไหม
“สาวที่เหมาะกับบริบทของเวทีนะคะ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง พร้อมที่จะส่งแรงกายแรงใจ พลังบวกต่างๆ ออกไปให้ผู้คนรอบด้าน และแน่นอนเรื่องของการทำจิตอาสาหรือการกุศล ปุ้ยถือเป็นหนึ่งในมิชชั่นของมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์และของ TPN เพราะเรามองว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่มายืนอยู่ตรงนี้ เราควรจะใช้ตรงนี้แหละออกไปช่วยผู้คน ไปขับเคลื่อนเรื่องดีๆ ใหักับสังคม อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องทำค่ะ
ส่วนเรื่องที่เวทีใหญ่เปิดรับเพศสภาพแล้ว อันนี้ก็อยู่ที่กฎหมายค่ะ เพราะกฎหมายยังไม่รับรองเลย ก็ต้องอิงตามคำนำหน้า อย่างบางประเทศที่เขารับรองเพศสภาพให้เป็นนางสาว เป็นนางได้ก็ตามนั้น ก็รอค่ะ ถ้ากฎหมายรับรองเราโอเคค่ะ”
