“ตูมตาม - อาหลี” เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย แต่พิธีการ รอฤกษ์ปี 67 ฝ่ายชายยอมรับคลั่งรักภรรยา หน้าที่สามีใหม่มากๆ ในชีวิต ไม่เหลือคนเดิมที่เป็นวัยรุ่น ด้าน “กัน เดอะสตาร์” แสดงความยินดีด้วย ลั่นเข้าใจความรู้สึก มีทุกอย่างแต่ไม่มีคนให้รัก ไม่มีเป้าหมาย โคตรเหงา
หลังจากที่อวดผ่านอินสตาแกรมว่าได้จดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้ว ล่าสุด “ตูมตาม ยุทธนา เปื้องกลาง” และภรรยา “อาหลี อัฐริญญา อึ้งศิลป์ศรีกุล” ก็ได้ออกมารีวิวชีวิตการเป็นสามีภรรยา เรียกว่าหวานเจี๊ยบเลยทีเดียว
ตูมตาม : “ก็อย่างที่บอกในไอจีครับ ตอนนี้อยู่ในสถานะสามี-ภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ว่าในเรื่องพิธีการ เราต้องรอฤกษ์ปี 2567 อีก 1 ปีข้างหน้า”
อาหลี : “จริงๆ แล้วอย่างที่เราบอกตลอดค่ะ เราตั้งใจว่าอยากรอให้บ้านเสร็จ เพราะอยากจัดงานที่บ้าน มันก็เลยเป็นปี 67 เหตุผลก็แค่นี้เอง”
บอกจดทะเบียนสมรสกันหลายเดือนแล้ว
ตูมตาม : “ในรูปคือวันที่โพสต์เฉยๆ แต่จริงๆ เราจดกันก่อนหน้านั้นประมาณหลายเดือนอยู่เหมือนกัน แล้วก็ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ที่บ้าน เขาบอกว่าไหนๆ เราต้องเริ่มสร้างบ้าน ก็จะได้เริ่มทำมาหากิน สร้างตัวกันต่อ มันไม่ได้เป็นปัญหาเลย พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็มาร่วมกัน แล้วเราก็มาจดทะเบียนกันครับ”
อาหลี : “เป็นงานเล็กๆ ค่ะ แค่ไปกินข้าวกัน แล้วก็ชวนกันไปจดทะเบียน แค่นั้นเอง ส่วนที่เรามาโพสต์กันวันที่ 24 ธ.ค. จริงๆ แล้วคือเป็นฤกษ์ที่ครูบาอาจารย์ พระผู้ใหญ่เขาดูให้ ว่าจริงๆ ต้องเป็นฤกษ์แต่งในปีนี้ แต่เราคุยกันว่าเราจัดงานไม่ทัน แล้วเราอยากจะรอให้บ้านเสร็จ”
ตูมตาม : “มันกระชั้นชิดไป คือฤกษ์ดีจะมีปลายปีที่แล้ว แล้วอีกทีก็ปี 67 เลย เพราะฉะนั้นปีนี้ไม่ได้ ก็เลยประกาศให้ทุกคนรับทราบทั่วกันแล้วกัน ว่าเราจดทะเบียนกันแล้ว”
อาหลี : “ใช้ฤกษ์ให้คุ้ม (หัวเราะ) ไหนๆ ก็ถือว่าเป็นวันดี เป็นสิ่งที่ทางผู้ใหญ่เขาอยากให้ทำ เราก็ทำ แต่จริงๆ แล้วสำหรับเราสองคน แค่วินาทีที่เราตัดสินใจจะแต่งงานกัน ที่เราคุยว่าจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน อันนั้นมันคือฟีลมากๆ แล้ว วินาทีที่ตกลงกันและดำเนินชีวิตกันไป”
เร่งสร้างเรือนหอ
ตูมตาม : “หลายอย่างเลยครับ จริงๆ แล้วเรารอบ้านด้วยครับ ตอนนี้กำลังเร่งทำบ้าน สร้างบ้านก่อน เป็นเรือนหอด้วย จะได้ทำพิธีเหมาขึ้นบ้านใหม่ด้วย แต่งงานเล็กๆ ด้วยกันด้วย”
หน้าที่สามีใหม่มากๆ ในชีวิต ไม่เหลือคนเดิมที่เป็นวัยรุ่น ด้าน “กัน นภัทร อินทร์ใจเอื้อ” แสดงความยินดี
ตูมตาม : “เป็นอะไรที่ใหม่สำหรับชีวิตผมมากๆ ครับ ต้องใช้แรงกายทั้งหมด มาทุ่มเททำหน้าที่นี้อย่างตั้งใจ มันก็เลยกลายเป็นว่าเราคนเดิมที่เคยเป็นวัยรุ่นมันแทบจะไม่เหลือแล้ว ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบนั้นแล้ว สนุกมาก ผมมีความสุขนะ เพราะว่ารู้สึกว่าการได้ดูแลได้ทุ่มเทให้คนคนหนึ่ง อย่างมีเป้าหมายในชีวิต มันมีความสุขมาก อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน เมื่อกี้คุยกับพี่กันอยู่หลังเวที พี่เขาก็มาแสดงความยินดี แล้วบอกว่าพี่ยินดีกับเรามากจริงๆ นะ เพราะพี่เข้าใจความรู้สึกของการที่มีทุกอย่างแต่ไม่มีคนให้รัก หรือไม่มีเป้าหมายในชีวิต มันโคตรเหงาเลย”
รีวิวสามีในฐานะภรรยา ใช้เงินให้น้อยหน่อยค่ะ แต่ก็ดีใจที่เลือกคนไม่ผิด
อาหลี : “ก็ใช้เงินให้น้อยๆ หน่อยนะคะ (หัวเราะ) ตอนนี้เรามีหน้าที่เก็บเงิน เราก็ต้องควบคุมนิดหนึ่ง แต่เขาน่ารักมาก คอยดูแลเอาใจใส่ ที่เขาพูดคือเขาทำจริงๆ เราเห็นสปิริตของเขา ในการที่เป็นหัวหน้าครอบครัว จนเราตกใจเหมือนกันนะ ว่าเราเคยเห็นภาพพี่ตูมตามดูฝากอนาคตยากนิดหนึ่ง แต่พอกลับมาอยู่ตรงนี้ เราได้เห็นถึงมุมมองความเป็นหัวหน้าครอบครัวของเขาค่ะ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกว่าเราเลือกดีใจที่เราเลือกคนไม่ผิด”
อยากมีลูก ปรึกษาหมอแล้ว
ตูมตาม : “เราอยากมีอยู่แล้ว แล้วก็ปรึกษาคุณหมอแล้ว หลังจากนี้ก็คงปล่อยตามธรรมชาติเลยครับ ถ้ามาก็มา ถ้ายังไม่มาก็แล้วแต่เขาครับ เพราะเราอยากมีอยู่แล้ว ก็เตรียมการเตรียมร่างกายให้พร้อม เราอยู่กันมาสักพัก และยิ่งคบหากันมาช่วงโควิดด้วย มันต้องมีอะไรสักอย่างหนึ่งมา จะได้มาเติมเต็ม ก็อยากมีครับ ถ้ามาก่อนถึงฤกษ์แต่งก็ไม่เป็นไรครับ สำหรับผม ผมรู้สึกว่าอะไรที่เกิดขึ้น ในระหว่างความรักที่มีให้กันตรงนี้ เป็นเรื่องดีทั้งหมด มันไม่เคยมีเรื่องเลวร้ายเลย ทุกสิ่งถูกกำหนดมาแล้วถ้ามันจะเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องที่ผมพร้อมยิ้มรับ แล้วก็พร้อมเต็มที่กับมันอยู่แล้ว ดีใจเสมอครับ”
อาหลี : “มาฟังพี่พูดอย่างนี้ หนูรู้สึกว่าเออ…มันคลั่งรักจริงๆ เนอะ (หัวเราะ) เขิน ฟังแล้วหนูยังเขิน ขนลุกจริงๆ”
ตูมตาม : “คลั่งรักจริงๆ ครับ เพราะพ่อผมก็สอน ครูบาอาจารย์ก็สอน ว่าถ้าเรามีภรรยาแล้ว เราจะเหนื่อยแทบเป็นแทบตาย เพื่อหาเงินมาหมื่นพันแสนล้านเพื่อคนคนหนึ่งมันก็คุ้ม เพราะเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ถ้าเรายังโสดอยู่ ต่อให้มีเงินเยอะแค่ไหน เราก็ไม่สามารถซื้อใจใครได้นะครับ ที่สำคัญคือเรามีคนที่อยู่ข้างกาย มีคนที่ดีร่วมชีวิตแล้ว มันจะเหนื่อย จะทำอะไรก็ตาม มันคือเรื่องที่ดีที่คุ้มค่าเสมอกับการทุ่มเท ผมเพิ่งได้เจอคำนี้เหมือนกัน ตอนที่ได้มีภรรยาเป็นตัวเป็นตนครับผม (หัวเราะ)”
อาหลี : “เขาเป็นอย่างนี้ค่ะ แต่เวลาเราอยู่ด้วยกัน เขาจะไม่ค่อยมาพูดในเชิงอย่างนี้สักเท่าไหร่ ก็จะมีแบบรักนะอะไรแบบนี้ เป็นเชิงพฤติกรรมมากกว่า แต่พอมาได้ฟังอย่างนี้ มันก็จั๊กจี้นะ (หัวเราะ)”
จดทะเบียนแล้วหวานขึ้น
ตูมตาม : “ก็หวานขึ้นนะครับ คือจริงๆ แล้วผมอยากบอกว่ามันคือคำที่เราคิดถูกแล้วที่เลือกกันและกัน เพราะเราเคยรู้สึกว่า ความรักบางทีมันยาก และมันไม่แน่ไม่นอน มันอาจจะมีวันหมด มันก็มีนะบางวันที่เรารู้สึกว่าเบื่อหน้ากัน อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่พอข้ามไปอีกวันหนึ่งสวีตกัน แสดงว่าเราต้องมีอะไรบางอย่างที่ชอบในกันมากอยู่แล้ว มีการหยอกล้อ มีการเติมเต็มให้กัน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมถือว่าโชคดีครับ ที่โชคดีเพราะว่ามันได้มาโดยที่เราไม่ต้องวางแผนอะไร มันเกิดขึ้นเองอยู่แล้ว”