ความบ้าชนิดเดินหน้าอย่างเดียวไม่เหลียวหลังครั้งไหนในชีวิตผู้เขียนไม่เท่ากับเรื่องราวต่อไปนี้แน่นอน
มันเริ่มต้นจากวันที่ 7 ธันวาคม 2565
เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งโทรศัพท์มาหา มีวัตถุประสงค์ว่าจะให้ไปรับจ๊อบหนึ่งที่ขอนแก่นกับสุรินทร์ ใช้เวลา 2 วัน เสร็จงานก็แยกย้ายกันกลับ
งานนี้นอกจากมีเงินติดกระเป๋าให้สองสามพัน ยังเจียดงบประมาณไว้เป็นค่าเช่ารถผู้เขียนในการเดินทางทำงานด้วย
อยู่ห้องเช่ามาเกิน 9 เดือนเต็มๆ เพราะตกงานบวกสถานการณ์โควิด ฉะนั้นเมื่อมีข้อเสนอแบบนี้มีหรือจะไม่โดดงับ
เล่าแบบรวบรัดว่าวันที่สองทีมงาน 4 คน ดันไปเจอโดยบังเอิญกับนักเขียนซีไรต์ท่านหนึ่ง ขณะสนทนา ผู้เขียนหลุดปากว่าอยากไปชมแม่น้ำโขงที่นครพนม ทันใดนั้นนักเขียนซีไรต์สวนทันที “ผมก็อยากไปนครพนม”
แค่นี้เอง...แค่นี้จริงๆ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ หรือพูดอีกแบบก็ต้องเป็น...เล่าไปใครจะเชื่อ เพราะมันไม่ใช่พากันไปนครพนมแล้วจบ ทว่ามันเป็นการเดินทางไปยังสถานที่ซึ่งไม่มีการกำหนด
เหนือไปกว่านั้นคือผู้เขียนแทบไม่มีเงินในกระเป๋า แต่เมื่อลุยแล้วมีไม่มีมันก็ต้องหาวิธีแชร์กับเพื่อนๆ ให้จงได้
จากสุรินทร์ต่อไปไหนก็ไม่ได้จด เอาที่จำได้มั่วๆ คือไปบุรีรัมย์ ไปโขงเจียม อุบลราธานี ข้ามไปลาวที่ด่านช่องเม็ก ไปสกลนคร ไปนครพนม ไปมุกดาหาร ไปหนองคาย ถึงหนองคายกำลังจะหาห้องพัก ใครบางคนบอกเราข้ามไปเวียงจันทน์ดีกว่า?!?
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว จากเวียงจันทน์อีกคนเสนอว่าน่าจะไปต่อเสียมเรียบ... เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นนครวัต นครธมโดยไม่คาดคิดมาก่อน
ตระเวนเที่ยวในเสียมเรียบจนทั่ว ใครอีกคนบอกนั่งรถประจำทางไปพนมเปญกันเถอะ
อะไรมันจะบ้ากันเบอร์นี้
แล้วทุกแหล่งที่ไปก็ระห่ำอยู่ในความทรงจำของหัวใจทั้งนั้น ไม่ว่าเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผับ บาร์ ขุนเขา เงาไม้ สายน้ำ ธรรมชาติ วัด วัง อาคารบ้านเรือน สถานที่ประวัติศาสตร์ภูมิภาค - ระดับโลก กระทั่งผู้คนพื้นถิ่นกับนักท่องเที่ยวเอชัย ยุโรป อเมริกา
แค่อยากไปนครพนม เอาเข้าจริงไปถึงเมืองหลวงกัมพูชา และลูกบ้ายังไม่จบแค่นี้