เผือกร้อน! “เจมี่ บูเฮอร์” อัดคลิประบายความในใจ หลังถูกถามทำไม? ไม่เล่นละคร ฟาด “เมียผู้ยิ่งใหญ่” ใช้บารมีผัว ตามดิสเครดิต พร้อมใส่ความว่ารับงานขายบริการ เป่าหูผู้จัดจนไม่มีใครจ้าง เนื่องจากโกรธว่าเอาแบรนด์ เจมี่ บูเฮอร์ไปใช้ พร้อมฝากเตือนถ้ายังไม่หยุดพฤติกรรมนี้ ให้เตรียมหาประเทศใหม่ เพราะติดคุกไปก็เปลืองข้าวเปลืองน้ำ
เรียกได้ว่านานๆ ที่จะได้เห็นมุมนี้ของ “เจมี่ บูเฮอร์”นักแสดงสาวในยุค 90 ที่ถ้าย้อนกลับไปในช่วงนั้นเรียกได้ว่าเธอก็คือเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย เพราะเทรนด์หน้าลูกครึ่งแบบเธอนั้น เป็นที่ต้องการของตลาดในบ้านเราในยุคนั้น จากนั้นก็ผันตัวมาถ่ายเซ็กซี่จนสะเทือนโซเซียล แต่ล่าสุดเธอก็โพสต์ระบายความในใจหลังถูกถามว่า “ทำไม? ไม่เห็นเล่นละครเลย” งานนี้เรียกได้ว่าสะเทือนไปทั้งวงการบันเทิงว่าบุคคลที่เธอกล่าวถึงนั้น มีโปรไฟล์เป็นเจ้าของบริษัท และมีสามีเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ที่คอยตามดิสเครดิตเธอนั้นเป็นใคร
“มีหลายคนถามมาว่าทำไม เจมี่ถึงไม่เล่นละครอีกแล้ว แต่นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เจมี่ไปร่วมงานกับบริษัทนึง เขาก็สนับสนุนเราเพื่อประโยชน์ของงานเขา เจมี่ก็ทำงานให้กับเขาเต็มที่ แต่ในวงการมันก็ไม่มีใครร่วมงานกันได้ตลอดเวลา พอเจมี่เปลี่ยนไปร่วมงานกับที่อื่น และผู้หญิงคนนี้นะ คือเจมี่ถ่ายละครอยู่ที่ตึกแถมสุขุมวิท ขณะที่เจมี่แต่งหน้าอยู่อีกห้องนึง และผู้หญิงคนนี้เขาก็มากับผัวเขาผู้ยิ่งใหญ่ ไปนั่งคุยกับผู้จัดละคร นั่งด่าเจมี่ ดิสเครดิตจนทำให้ผู้จัดคนนั้นเขาเกลียดเจมี่ เพราะเขารู้สึกว่าแบรนด์ดิ้งหรือว่าชื่อเจมี่ บูเฮอร์ ชื่อนี้มันเป็นสิทธิของเขา เขาเป็นคนสร้าง แต่ย้อนกลับไปเจมี่ไปร่วมงานกับเขา เจมี่มีชื่อเสียงแล้ว พอเรามีชื่อเสียง เขาถึงเอาเราไปร่วมงาน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติในวงการบันเทิง
แต่เขาถือว่าคำว่าเจมี่ บูเฮอร์ เขาเอาไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ถ้าเจมี่ไม่ได้ทำงานกับเขา ก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำงานกับคนอื่น และแอดติจูดแบบนี้เป็นการอันธพาลมากๆ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ อย่าเรียกว่าคนเลยดีกว่า เรียกว่าอสูรกายดีกว่า เจมี่ก็ห่าง ไม่อยากยุ่ง เขามาล่วงละเมิดเรา พอเราเริ่มหนีเขา เพราะเขาเริ่มทำร้ายเรา แต่เขาก็ตามเรา เขาอยากให้เราซมซานกลับไปหาเขา และมีอยู่วันนึงเป็นเหตุการณ์ของช่องนึง เจมี่ก็ไปสวัสดีตามปกติ และเขาก็นั่งอยู่ในโต๊ะที่มีผู้จัด ผู้บริหารช่อง เจมี่ก็ด้วยมารยาทก็เข้าไปสวัสดี แต่พอเราเดินออกมา เขาพูดในโต๊ะว่าเจมี่นี่ขายบริการ ทำงานไซด์ไลน์ เอาความน่าเชื่อถือตัวเอง มาใส่ร้ายเจมี่แบบนี้เลย เขายืนยันว่าเขาเช็กมาแล้ว ขายบริการ ส่งเด็กไปขายบริการที่ประเทศญี่ปุ่นกลางโต๊ะนั้น และทุกคนก็เชื่อเพราะบารมีของสามีเขา และประมาณว่าถ้าใครไม่เชื่อเขา ก็คือต้องหักกันไปเลย เป็นการข่มขู่ทางอารมณ์
พูดจริงๆ เขาไม่มีสิทธิ์ในชื่อเจมี่เลย และในทางคุณธรรมก็ไม่มีสิทธิ์เลย ฉันใช้แรงงาน ทำงานให้เธอ เธอฟังฉันดีๆ นะ เธอได้เงิน ได้สปอนเซอร์ ไปสร้างตึก ที่เธอยังอาศัยอยู่ทุกวันนี้ และแม้เจมี่มาทำ tiktok ทุกวันนี้มันก็ยังตามมาส่องเจมี่ ว่าเอาชื่อเสียงเจมี่ที่คิดว่าเขาสร้างมาให้เรา เอามาใช้เพื่อมาสร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้กับตัวเอง ซึ่งมันมีทางไหนอีกที่เขาจะทำลายเจมี่อีก เจมี่ไปเล่นละครที่ไหน เขาก็จะยกหู และไปใส่ไฟเจมี่อย่างมากมาย”
“และมีอยู่วันนึงเจมี่ไปทานข้าวกับเพื่อน ที่โรงแรมแถวถนนวิทยุ ถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก เมียของลูกน้องเขาก็โทร.ไปบอกว่า ฉันรู้ดีว่าเจมี่ไปขายบริการที่โรงแรมนี้ ฉันไปเช็กมากับทางโรงแรม ข่าวลือนี้จริง ทั้งๆ ที่เราไปทานข้าว และถ้าเจมี่ไปทำอะไรที่ไม่อยากเปิดเผย เจมี่จะถ่ายรูปลงเฟซทำไม แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไร มีแต่คำใส่ร้าย”
ซัดเอาคลิปให้ผัวดูด้วย เย้ยกระจอก เอาบารมีผัวมาใช้สุรุ่ยสุร่าย
“เอาคลิปนี้ไปให้ผัวดูด้วย และคิดสิว่าจะฟ้องฉันยังไง ทำได้ไหม บารมีผัวเธอ ทำได้ไหม เธอคิดว่าเสกทุกสิ่งทุกอย่างได้ อย่างที่เธอคิดแบบนั้นจริงๆ เธอก็แค่คนกระจอกคนนึงที่เอาบารมีผัวมาใช้อย่างสุรุยสุร่ายคนที่อยู่สูงจริงๆ เขาไม่มีพฤติกรรมแบบนี้หรอก เขาต้องบริจัดการให้มันดำรงอยู่
ฉันไม่ฟาดเธอเล็กๆ หรอก มันไม่สมมง ฟาดตอนอาวุธครบมือไม่ดีกว่าเหรอ เตรียมหาประเทศสำรองไว้บ้างนะ ติดคุกไป เปลืองข้าวเปลืองน้ำ ไม่ต้องกลัวหรอก เพราะอาชีพของเธอคือโสเภณีอย่างที่ทุกวันนี้เธอเป็นอยู่แล้วและมีหลักฐานตรงไหนบ้างที่ฉันขายบริการ ใครเป็นคนซื้อ หลักฐานโอนตังค์ จุดประสงค์ของเธอที่ทำกับฉันแบบนี้เพราะอะไร ก็เพราะเธออิจฉาฉันไง ฝากบอกสามีด้วยต้องเตือน ต้องแก้ไข เมื่อภรรยาไประรานผู้อื่น ระวังคนจะหาว่าเราสมรู้ร่วมคิด ปลามันเน่าตัวเดียว มันจะเน่าไปทั้งตระกูล”