เข้าฉายวันที่ 19 มกราคมนี้แล้วเรียบร้อยสำหรับภาพยนตร์แฟนตาซี “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” ที่ถ้าใครได้เห็นนักแสดงที่มารับบท ไอ้ไข่ ก็ต้องขนลุก เพราะเหมือนกับรูปปั้นไอ้ไข่ที่วัดที่ใครๆ ต่างก็ไปกราบไหว้กันแล้วสมหวัง ซึ่งผู้ที่มารับบท ไอ้ไข่ ก็คือ “โกฮัง ณัฐวรรธ สุ่มพลอย” สตั๊นท์แมนอายุ 13 ปี ซึ่งกว่าจะได้ โกฮัง มารับบท ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ โกฮังต้องผ่านการคัดเลือก จากผู้สมัครทั้งหมด 2,000 คน และรอบสุดท้าย ต้องไปแคสต์ต่อหน้ารูปปั้นไอ้ไข่ที่วัด จนในที่สุดก็ได้ โกฮัง มาเป็นนักแสดงที่จะมารับบทบาท ไอ้ไข่ ในเรื่องนี้
วันนี้ MGR online ได้พูดคุยกับ โกฮัง ณัฐวรรธ สตั๊นท์แมนในวัย 13 ปี กว่าจะมีวันนี้ โกฮัง สตั๊นท์แมนวัย 13 ปี ผ่านอะไรมาบ้าง มีความฝัน และความหวัง กับเรื่องอะไร ทำไมถึงหลงใหลในสตั๊นท์แมน
“ผมเรียนเกี่ยวกับด้านสตั้นท์ มาตั้งแต่ 7 ขวบแล้วครับ ผมชอบตีลังกาโลดโผนตั้งแต่เด็ก ก็เลยขอพ่อไปเรียนเทควันโด แต่แถวบ้านมีแต่เรียนมวย ก็เลยได้เรียนมวยไทย ตอนแรกก็ไม่สนุกครับ แต่รู้สึกว่าเวลาโกรธ เราได้ระบายอารมณ์ที่เป้าแบบหนัก ๆ ทำให้เรารู้สึกสบายใจดี เลยเริ่มชอบมวยขึ้นมาแล้วช่วงนั้นพ่อก็พาไปฝึกเดินแบบด้วย เลยได้มีโอกาสเจอครูสอนสตั๊นท์คนแรกหลังจากเรียนมวยไทยได้ 1 ปีกว่า ๆ เลยได้เริ่มเรียนสตั๊นท์ตั้งแต่ 8 ขวบ
เรียนสตั๊นท์ครั้งแรกผมไม่เข้าใจ ผมพยายามจับจุดเรื่อยๆ กลับบ้านมาซ้อมกับที่นอนของตัวเอง ต้องฝึกไทม์มิ่ง คือการเข้าจังหวะ Eye Contact และการเคลื่อนไหวร่างกาย ต้องเคลื่อนให้ราบเรียบแต่สวย ผมเรียนระดับพื้นฐานอยู่ประมาณปีกว่าๆ จากนั้นก็เริ่มฝึกท่าที่ยากกว่าเดิม เช่น การตีลังกาต่าง ๆ การตั้งรับการจู่โจมต่างๆ”
คิดจะเป็นสตั๊นท์ การผิดคิวถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจอ
“มีอยู่แล้วครับ ตอนนั้นตีลังกาลงจากที่สูง ประมาณ 1 เมตร แล้วขาซ้ายลงมาตึงเกินไป ทำให้เส้นตึงและร่วงเลยครับ บาดเจ็บภายใน 1 สัปดาห์ และต้องพักรักษาตัวประมาณ 3 เดือนครับ ถามว่าระวังขึ้นไหม ไม่เลย ยังซ่าเหมือนเดิมเลย ด้วยความที่ยังเด็ก ร่างกายเลยอาจฟื้นตัวเร็ว แต่เวลาเล่นก็จะระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่ไม่เข็ดครับ เวลาที่เราเจ็บตัวแล้วเราจะจำว่าครั้งหน้าต้องไม่พลาดแบบเดิมอีกนะ”
จากติดเกมมาติดบู๊ ทุกวันนี้เวลาหมดไปกับการซ้อมบู๊ประมาณ 5-6 วันต่อสัปดาห์ วันละประมาณ 5-6 ช.ม. ฝันอยากเป็นนักแสดงแอ็คชั่น
“ประมาณ 5-6 วัน ๆ ละประมาณ 5-6 ช.ม. ผมรู้สึกสนุกครับ ไม่เคยเบื่อเลยครับ ผมเคยมีช่วงที่ติดเล่นเกมนะครับ แต่พอได้มาฝึกเรียนสตั๊นท์ก็ติดใจ แล้วไม่ติดเกมอีกเลยครับ การเรียนสตั๊นท์มีท่าที่หลากหลาย มีการปรับใช้ได้หลายอย่าง ผมอยากเรียนไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้ผมอยู่ระดับ 10 ครับ เกินขั้นที่เด็กทั่วไปเรียนแล้วครับ ผมน่าจะเทียบเท่าผู้ใหญ่บางคนครับ ความฝันของผมตอนนี้คืออยากเป็นนักแสดงแอ็คชั่น ผมอยากเป็นฟรีรันนิ่ง แอ็กชั่น พวกผาดโผน แสดงโชว์ ฟรีรันนิ่งไม่มีแพตเทิร์นตายตัว และมันไม่มีจุดสิ้นสุดด้วย”
แบ่งเวลาเรียนและซ้อมสตั๊นท์ได้ไม่กระทบกัน
“ทุกวันผมพยายามจะทำการบ้านให้เสร็จในคาบเรียน จากนั้นพอเลิกเรียนก็จะนั่งรถเมล์ไปซ้อมสตั๊นต่อท์ ผมไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ถ้าใจมันรักก็ไม่เหนื่อย และถ้าไม่เหนื่อยมากผมก็จะทบทวนบทเรียนเพิ่มก่อนเข้านอนครับ ถามว่าผลการเรียนผมดีไหม อยู่ในเกณฑ์ปกติครับ ไม่ได้ดีหรือแย่ครับ เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.00 สำหรับผมไม่คิดว่าตัวเองเก่งนะครับ ผมแค่พยายามตั้งใจเรียนเวลาที่คุณครูสอนในชั้นเรียน เพราะถ้าไม่เข้าใจอะไรจะได้ถามครูได้เลยครับ เพราะเคยถามเพื่อนแล้ว เพื่อนตอบไม่ได้ครับ (หัวเราะ) เลยคิดว่าเรียนให้รู้เรื่องในห้องไปเลยดีกว่าครับ สมมติอย่างวิชาคณิตศาสตร์จะฝึกทำโจทย์เยอะ ๆ ครับ”
จากการเป็นสตั๊นท์แมนทำให้ “โกฮัง” ได้มาเล่นภาพยนตร์ “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์”
“ตื่นเต้นมากครับ หลายคนบอกว่าหน้าผมเหมือน ไอ้ไข่ ผมก็ไม่แน่ใจว่าเหมือนแค่ไหน แต่ก็ดีใจที่ได้มีโอกาสเล่นเรื่องนี้ครับ เริ่มจากที่คุณพ่อเห็นประกาศรับนักแสดงเด็ก คุณพ่อก็เลยลองแคสต์ ตอนที่แคสต์ในส่วนของแอ็กชั่น ผมแสดงการออกอาวุธ การต่อยและเตะ พอได้เข้ารอบ 3 กลายเป็นกดดันมาก กลัวว่าจะไม่ได้ แต่พ่อก็บอกว่าไม่ต้องคิดมาก ทำให้ดีที่สุดก็พอ จนวันที่ประกาศผลรู้ว่าเราได้เล่นบทนี้พ่อแทบร้องไห้เลย ผมเองก็ไม่คิดว่าจะทำได้เหมือนกัน เพราะเขาคัดจากทั่วประเทศกว่า 2,000 คน ผมก็ดีใจที่ได้มีโอกาสเป็นนักแสดงนำแบบเต็ม ๆ เรื่องแรกในชีวิตครับ
ที่ผ่านมาผมได้แต่เข้าฉากแอ็กชั่นเล็กๆ เป็นนักแสดงประกอบหรือเดินผ่านหน้ากล้องครับตอนนั้นผมก็ดีใจที่ได้เล่นแล้วครับ เพราะงานนักแสดงไม่ได้อยู่ที่ว่าบทเราจะเด่นหรือไม่เด่น เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่ที่สุดก็พอ”
ดีใจได้เป็นนักแสดงเต็มตัวแล้ว มอง “ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์” กับตัวเองมีส่วนเหมือนและต่างกัน
“ผมว่า ไอ้ไข่ ก็เหมือนเด็กทั่วไป เป็นเด็กร่าเริง สนุกสนาน ซุกซน ซึ่งก็เหมือนผมนะครับ แต่ที่แตกต่างกันก็คือเวลาไอ้ไข่จะโกรธง่าย ในขณะที่ตัวผมเองไม่ค่อยโกรธใคร ตอนที่เล่นเป็นไอ้ไข่ฉากที่ยากที่สุดคือโกรธครับ ผมต้องทำหน้าโมโห จะแสดงเยอะไปก็ไม่สมจริง ต้องเล่นเป็นให้พอดีครับ และช่วงที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้เสียงของผมกำลังแตก และชอบพูดรวบคำ บางประโยคทีมงานก็ฟังไม่รู้เรื่อง ต้องฝึกพูดออกเสียงเพิ่มขึ้นครับ
การที่ได้มาเป็นนักแสดงนำในเรื่อง ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ ดีกว่าตรงที่มีผมได้เข้าฉากเยอะขึ้น คนน่าจะจำผมได้มากขึ้น (หัวเราะ) แต่ในเรื่องของหน้าที่นักแสดงผมทำเต็มที่และพยายามทำให้ดีที่สุดเหมือนเดิม แต่ที่ดีใจก็คือเราได้ทำความฝันของตัวเองสำเร็จไปอีกชิ้น คือได้เล่นหนังแอ็กชั่นที่เราชอบครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากเป็นนักแสดงอีกคนที่ได้มีโอกาสโชว์ศิลปะการต่อสู้ของไทยให้ชาวต่างชาติได้เห็นเหมือนอย่างพี่จา (พนม ยีรัมย์) ครับ”
มี “จา พนม ยีรัมย์” เป็นไอดอล
“ผมมีพี่จา พนม เป็นไอดอล เขาเก่งมวยไทยโบราณ ผมชอบท่าการ์ดหักต่าง ๆ ผมเองก็มีพื้นฐานมวยด้วย ก็พยายามเอาความรู้มวยที่มีพัฒนาท่าต่าง ๆ ผมจะเน้นตั้งการ์ดแล้วพยายามตีลังกาหลบ แต่ผมจะพยายามไม่เลียนแบบพี่จา ส่วนแอ็กชั่นเตะต่อย ผมชอบ เจสัน สเตแธม เขาเตะต่อยเก่งและครีเอตบทสดเก่ง เขาต่อยเก่ง ดูดุดัน และมีความอดทนสูง ทุกวันนี้ผมพยายามฝึกหนักทุกวัน แต่ก็ไม่รู้จะไปได้ไกลแค่ไหน ที่แน่ๆ อยากมีโอกาสได้แสดงหนังและละครไปเรื่อย
ดีใจที่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ คิวบู๊ต่าง ๆ ที่ร่ำเรียนมาได้เอามาใช้งานสักที คุ้มค่ามาก และยังเป็นหนังเรื่องแรกของผมด้วย ซึ่งให้ประสบการณ์ที่ดีมาก ๆ บางฉากที่ยากๆ หรือเจออุปสรรคเราได้แก้ไขสถานการณ์เพื่อให้งานได้ดำเนินไปต่อ ได้ฝึกความคิดและหาวิธีการแก้ไขปัญหาครับ ทุกคนคงจะเคยได้ยินเรื่องราวของไอ้ไข่จากเรื่องเล่าต่าง ๆ แต่ครั้งนี้ ทาง ไอยรา แอนิเมชั่น แอนด์ สตูดิโอ นำเรื่องราวบางส่วนมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เลย ครบทั้งภาพและเสียง ก็อยากให้มาชมกันเยอะ ๆ นะครับ”
เข้าใจดีอาชีพสตั๊นท์ถูกจำกัดด้วยวัย คิดว่าจะเล่นไปถึงอายุ 43 ปี
“ไม่เกินอายุ 43 ปีครับ แต่เราสามารถปรับเล่นได้ตามสภาพร่างกายและวัยของเรานะครับ ถ้าเราอายุมากขึ้นอาจหักโหมหรือผาดโผนมากไม่ได้ ก็ต้องเล่นในระดับที่เราไหวครับ ที่ผ่านมาคุณพ่อโกฮังค่อนข้างสนับสนุนให้ผมเรียนสตั๊นท์เต็มที่ บ้านผมไม่ได้มีฐานะที่ร่ำรวยอะไร ทุกเช้าพ่อต้องขายข้าวแกงเพื่อหาเงินเลี้ยงผมและคุณย่า ก็อยากขอบคุณคุณพ่อที่สนับสนุนผมมาตลอด ตอนผมยังเด็กหลังจากขายของเสร็จ พ่อก็ต้องรับผมกลับจาก ร.ร.แล้วก็ไปเรียนมวยและสตั๊นท์ พ่อจะทำแบบนี้ทุกวันไม่เคยบ่นเลยครับ ผมอยากทำอะไรก็ให้ทำ พยายามหาครูสอนสตั๊นท์ดีๆ มาสอนผมตลอดครับ”
นอกจากนี้วันเสาร์-อาทิตย์ “โกฮัง” จะไปช่วยคุณพ่อขายอาหารด้วย
“ผมจะช่วยคุณพ่อขายอาหารตั้งแต่ 06.00-10.00 น.ครับ ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยครับ แต่ผมอยากแบ่งเบาภาระคุณพ่อบ้าง จะมีแค่เสาร์-อาทิตย์นี่แหละที่ผมพอจะช่วยท่านได้ อะไรที่ผมทำได้ก็ทำไปก่อน จะช่วยพ่อเอาแกงใส่ถุงหิ้วให้ลูกค้าและเก็บเงินจากลูกค้าเพราะวันธรรมดาผมก็ใช้เวลาไปกับการเรียนและซ้อมสตั๊นท์ครับ”