เปิดเส้นทาง “นิวคันที่” ลูกทุ่งเจนใหม่ก่อนดังเปรี้ยง เพชรเม็ดงามที่ผ่านการเจียระไนโดย “ก๊อต จักรพันธ์” ขอบคุณจุดไฟแห่งความหวัง เผยผ่านทุกความยากลำบาก เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
เรียกว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งเจนใหม่ที่มาแรงที่สุดในตอนนี้เลย สำหรับสมาชิกวง “นิวคันทรี่” ที่มีสมาชิก 4 หนุ่มและ 2 สาว ได้แก่ นุ พุฒธิวัฒน์ หนุ่มสุพรรณ, กีต้าร์ ณัฐเอก ทอนสูงเนิน, เอ็มโบ พันธกานต์ พุ่มพฤกษ์, ติณติณ จรัสวี เทียมรัตน์, มัทรี ธิติกานต์ เหลืองรุ่งทรัพย์ และ กิ๊ก ไอรดา บุญมี กับเพลงดังอย่าง Stand by หล่อ และ ติ่ง ที่ฮอตสุดๆ ในตอนนี้ ซึ่งทั้ง 6 คนได้มาเปิดใจว่ากว่าจะผ่านมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
กิ๊ก : “หนูชอบในการร้องเพลงค่ะ เพราะจุดกำเนิดก็คือคุณแม่อยากให้กล้าแสดงออกค่ะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นนักร้อง ที่ทำก็เพราะเราชอบในการร้องเพลง และหนูก็ประกวดร้องเพลงมาเป็นสิบๆ ปีเลยค่ะ ตั้งแต่ป.5 ค่ะ ไปประกวดในรายการซิงกิ้งคิดส์, มาสเตอร์คีย์ ฯลฯ จนม.ปลายก็หยุดไปเพราะอยากจะเรียน แต่จริงๆ คือขี้เกียจไปประกวดร้องเพลง เพราะกว่าจะเสร็จแต่ละครั้งตี 2 แล้ว 8 โมงเช้าต้องไปเรียน ก็เหนื่อย ก็เลยขอคุณแม่ค่ะ
วันที่ไม่ได้รางวัลถามว่าเฟลไหม ก็เฟลนะคะ แต่บ้านหนูเขาจะถ่ายวิดีโอไว้ว่าแต่ละเวทีเราทำผลงานไว้ยังไง และระหว่างนั่งรถกลับบ้านก็จะเปิดดู และเขาก็จะคอมเมนต์ว่าวันนี้หนูพลาดตรงไหน สำหรับตัวหนูเวลาไม่ได้ถามว่ากดดันไหม เรายอมรับในผลงานแต่ละวัน แต่มันก็มีความหวังว่าเราจะต้องติดที่ 1 2 3 แต่ถ้ามันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
แต่รางวัลที่ภาคภูมิใจที่สุดคือรางวัลพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีค่ะ แต่ไม่ได้ที่ 1 2 3 นะคะ ได้ชมเชยค่ะ ก็รู้สึกภูมิใจมากๆ เลยที่วันนี้มาถึงจุดนี้สักที คือเวลาไปประกวดรายการทีวีจะเจออานีโน่ (เมทนี บุรณศิริ) บ่อยมากเลยค่ะ ตั้งแต่อายุ 12 จนมาปีนี้ได้กลับไปเจอ อานีโน่ก็บอกว่าปีนี้หนูโตขึ้นและได้เป็นศิลปินสักทีนะ ก็ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ค่ะที่ส่งเสริมหนูมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ค่ะ”
มัทซี : “สำหรับของหนู คุณพ่อคุณแม่เป็นนักร้องค่ะ หนูก็เติบโตมากับเพลงลูกทุ่งตั้งแต่ลืมตาดูโลกเลย แม่เล่าให้ฟังว่าพอ 3 ขวบ แม่ก็พาขึ้นเวทีไปร้องเพลงกับแม่ และได้รางวัลเยอะมาก ไม่กดดันที่พ่อแม่เป็นนักร้องค่ะ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นฟีลไปหารางวัลมากกว่า คนเขาก็เอ็นดูว่าเป็นเด็กตัวน้อยๆ ไปร้องเพลง หนูเริ่มประกวดตอน ป.2 เป็นงานศิลปหัตถกรรมของโรงเรียน ก็ประกวดทุกแนวเลยค่ะ ลูกทุ่ง สตริง ป๊อป ร็อก สากล เอาทุกอย่าง
ถามว่าการร้องเพลงของพ่อแม่ส่งมาถึงเราไหม ก็น่าจะมีส่วนค่ะ แต่มันแล้วแต่คน เพราะพี่ชายกับพี่สาวหนูก็ไม่มีใครร้องเพลงได้เลย มีหนูที่ร้องได้คนเดียว แต่พ่อแม่หนูร้องเพลงเพราะทั้งคู่เลย อาจจะเกิดมาเพื่อเป็นศิลปิน (หัวเราะ) จริงๆ ความฝันหนูตั้งแต่เกิดมาไม่มีความฝันอื่นเลย นอกจากโตมาจะเป็นศิลปินให้ได้ หลังจากประกวดก็หวังที่จะชนะเพื่อที่จะได้มีโอกาสไปเป็นศิลปิน และวันนี้ก็ได้เป็นศิลปินแล้วค่ะ
แต่ตอนที่ประกวดก็ไม่ได้ชนะ ก็ตกรอบมา จริงๆ ตอนนั้นก็เฟลค่ะว่ามันไปได้แค่นี้เหรอ แต่พอลงจากเวที ผู้จัดการอาก๊อต ก็คืออามดเขาก็เดินมาบอกว่าอาก๊อตมีเรื่องอยากาจะคุยด้วย ให้เข้าไปคุยในห้องแต่งตัว พอเข้าไปอาก๊อตก็บอกว่าสนใจในตัวหนูกับพี่กิ๊ก และตอนนี้มีโปรเจกต์นิวคันทรี อยากจะได้หนูกับพี่กิ๊กมาเป็นดูโอในโปรเจกต์นี้ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่เลยค่ะ เหมือนอาก๊อตกำลังเฟ้นหานักร้องที่สามารถร้องและเต้นได้ เป็นลูกทุ่งเจนใหม่ ไม่จำเจเหมือนเดิม สามารถต่อยอดได้ในอนาคตค่ะ”
ด้าน 4 หนุ่มต่างก็มีที่มา และความยากลำบากต่างกัน
กีต้าร์ : “ของผมคือไปกับยายครับ ตอนนั้นผมอายุ 6-7 ขวบ ยายพาไปประกวด ก็ชอบการร้องเพลงครับ แต่ประกวดก็ไม่ค่อยได้รางวัล แต่ก็สนุกดีที่ได้ออกจากบ้านไปร้องเพลง (หัวเราะ) ตอนนั้นก็ไม่ได้เฟลครับ เพราะเราอยากไปเห็นคนอื่นร้อง และเราก็แค่อยากไปร่วมสนุกด้วย แล้วก็คิดว่าเราลองร้องแบบเขาบ้างไหม หรือเอามาปรับเปลี่ยนให้ตัวเองได้ไหม ทุกครั้งยายจะพาไปครับ ก็ได้ไปประกวดหลายๆ รายการครับ
ยายผลักดันมากครับ แรกๆ ก็เหนื่อยนิดหน่อย เพราะไปหลายรายการ แต่ยายเขาก็อยากจะให้เป็นนักร้อง และเราชอบร้องเพลงอยู่แล้ว พอได้ร้องไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีความฝันว่าอยากเป็นศิลปิน พอได้มาเป็นจริงๆ ก็ทะลุความฝันไปแล้ว 1 ขั้น จริงๆ ก็เคยมีบ่นกับยายว่าเหนื่อย เพราะเรานั่งรถทัวร์จากขอนแก่นมากรุงเทพฯ มานอนที่หมอชิต แล้วก็ตื่นไปรายการ ก็เหนื่อยครับ แต่พอไปในรายการมันก็สนุก จริงๆ ก็อยากกลับไปเลี้ยงไก่ด้วย (หัวเราะ) ผมเลี้ยงไก่ชนครับ คือก่อนที่จะมาประกวดลูกทุ่งไอดอล ยายเขาก็จะพาไปเปิดหมวกด้วย แล้วยายก็บอกว่าลองมาประกวดรายการลูกทุ่งไอดอลไหม ก็มา แล้วพอรู้ว่ามีลุงก๊อตก็ยิ่งอยากมา แต่จริงๆ แค่อยากมาเจอลุงก๊อตแล้วก็กลับเลย ไม่ได้ต้องการแข่งต่อหรืออะไร แค่อยากรู้ว่านี่คือก๊อต จักรพันธ์ใช่ไหม เคยเห็นลุงแต่ในโทรทัศน์
วันนี้ทำความฝันให้ยายสำเร็จแล้ว ตอนนี้หลานทำอะไรก็ดีหมดครับ (หัวเราะ) ยายประกาศทั่วเมืองขอนแก่นเลยครับ คือยายมีอาชีพขายของ แล้วแม่ค้าที่อยู่ใกล้ๆ เขาไม่รู้ว่าต้าร์เป็นอะไรกับยาย เขาก็เอาวิดีโอเพลงโดนัทยังมีรูมาให้ยายดู ยายเขาก็บอกว่านี่แหละหลานฉันๆ แต่ไม่มีใครเชื่อเลยครับ เพราะหน้าไม่ค่อยเหมือนยาย ถามว่าอยากกลับไปเลี้ยงไก่อีกไหม ก็อนาคตค่อยว่ากันอีกทีครับ ก็ต้องขอบคุณยายครับที่ผลักดันจนแทบจะอุ้มแล้ว และขอบคุณลุงที่รักและเอ็นดูต้าร์ เอาต้าร์มาดูแลครับ”
นุ : “ผมเริ่มประกวดลูกทุ่งตอนอายุประมาณ 16 ครับ ก่อนหน้านั้นผมไปเรียนร้องเพลง แต่ร้องเพลงสตริงครับ เมื่อก่อนผมเป็นคนขี้อายครับ ก็เลยอยากชาเลนจ์ตัวเอง ก็เลยตัดสินใจไปเรียนร้องเพลง และเริ่มรู้จักเพลงลูกทุ่งจากแม่ครับ พอไปประกวดเวทีแรกก็ได้ที่ 2 ในจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นเวทีของอบจ.ครับ ก็ได้ตังค์มา 5 พัน ตอนนั้นใจชื้นเลย เป็นรายได้ก้อนแรกจากการประกวดเลยครับ แล้วก็มาเจออาก๊อตที่เวทีนี้ครับ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการเฃ้าโปรเจกต์นิวคันทรี และได้เข้ามาฝึกครับ
ตอนที่เปลี่ยนแนวเพลงจากป๊อปมาเป็นลูกทุ่ง จริงๆ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มเรียนป๊อปไปได้ 1-2 คลาสเองครับ พอแม่รู้ว่าแอบไปเรียนร้องเพลง คือตอนนั้นขี้อาย ก็เลยไม่กล้าบอกที่บ้านว่าอยากร้องเพลง ทีนี้พอแม่รู้ แม่ก็เริ่มให้ฟังเพลงลูกทุ่ง เพลงแรกที่ร้องก็ยากเลย ก็คือเพลงเสรีขอพรครับ แล้วแม่ก็คอยสอน พอเริ่มประกวดพ่อกับแม่ก็คอยซัปพอร์ตมาตลอดครับ จริงๆ เมื่อก่อนแม่ชอบประกวดร้องเพลง แต่ไม่มีโอกาสเท่าไหร่ ก็เลยอยากให้ลูกชายได้ทำความฝันต่อครับ
จริงๆ ก็ค่อนข้างปรับตัวนิดนึงครับเพราะผมไม่เคยฟังเพลงลูกทุ่งเลย พอเริ่มฝึกจากแม่ แม่ก็คอยบอก คอยสอนครับ พอวันนี้สำเร็จแล้วแม่ก็เอาไปคุยทั่วบ้าน ทั่วเมืองเลยครับ (หัวเราะ) จริงๆ พอแม่เริ่มสอนเพลงลูกทุ่ง ผมก็เริ่มรู้สึกชอบเลยครับ เพราะรู้สึกว่าเพลงลูกทุ่งมันไม่เหมือนเพลงแนวอื่นๆ มันมีเสน่ห์ในตัวของมัน มีลูกเอื้อนเอ่ย ผมชอบมันมีเอกลักษณ์ดีครับ
เอ็มโบ : “เส้นทางการมาเป็นนักร้องของเอ็ม คือเอ็มโตมาในครอบครัวที่เป็นศิลปินเลยครับ ทางพ่อเอ็ม ปู่ย่าจะเป็นลิเกครับ พ่อก็เป็นพระเอกลิเก เรียกว่าโตมาในโรงลิเกเลยครับ ส่วนทางแม่ก็เป็นลำตัดครับ ตั้งแต่จำความได้ก็พอจะเอื้อนได้ครับ ก็เริ่มประกวดตั้งแต่ยังจำเนื้อไม่ได้ อายุประมาณ 6-7 ขวบ เวทีแรกก็คือให้ป๋ามาบอกเนื้อหน้าเวที อันนั้นเป็นงานโรงเรียน ก็ชนะมา เราก็ใจฟู อยากประกวดต่อ ก็ประกวดมาเรื่อยๆ
จนช่วงมหาวิทยาลัย ก็มีโอกาสได้รับงานเป็นแดนเซอร์ และมีโอกาสได้เต้นให้กับศิลปินหลายๆ คน จากนั้นก็มารับงานอย่างอื่น ก็คือเป็นพริตตี้บอย ด้วยการยืนอยู่เชลน้ำหอม แจกเทสเตอร์ แจกครีม จากนั้นก็มีโอกาสได้เจอบรอดแคสงานของกลุ่มพริตตี้ เขาก็ชวนให้ไปประกวดนายแบบ เราเองก็อยากเรียนบุคลิกภาพก็ไปประกวด 3-4 เวทีครับ จนกลับมาประกวดร้องเพลงอีกครั้งในรายการคว้าไมค์ คว้าแชมป์ ได้ร้องเพลงในโครงการอาก๊อตด้วย ตอนนี้เอ็มได้ที่ 2 ก็คิดว่าตอนนั้นคงจะได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินแล้ว แต่ก็ห่างหายจากตรงนั้นไปสักพัก จนมาถึงเวทีนี้ครับ
จริงๆ ตอนแรกก็คิดจะเปลี่ยนแนวนะ จนแม่มาบอกว่าจะถอยหลังเหรอ ทำไมไม่อยากเป็นนักร้องไปยืนอยู่ข้างหน้า ทำไมกลับอยากเป็นแดนเซอร์ ก็บอกแม่ไปว่าพอมันเป็นอาชีพ เอ็มก็ได้ตังค์ด้วย และเอ็มเคยเห็นศิลปินบางคนก็เคยเป็นแดนเซอร์ และตอนนี้เขาก็เป็นนักร้อง และเอ็มได้อะไรจากการเป็นแบ็กอัปให้ศิลปินเยอะมาก เอ็มเห็นว่าศิลปินเขาดูแลตัวเองยังไง เขาดื่มอะไร ไม่ดื่มอะไร เราเหมือนเป็นเงาเขาเลยเวลาเราเต้น เราจะพยายามดูว่าเขาพูดอะไรบนเวที เขาพูดคำไหนแล้วแฟนๆ ตบมือ”
เผยจดจำจากศิลปินหลายๆ คนมาเป็นต้นแบบ
เอ็มโบ : “ก็เคยเต้นให้พี่ต่าย อรทัย ในเอ็มวี แล้วก็มีพี่ไผ่ พงศธร และที่สำคัญคืออาก๊อต ตอน 20 ปีหัวแก้วหัวแหวน หลายเพลงเลยครับ แล้วก็มีเอิ้นขวัญ วรัญญา ไปทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน มีพี่ไมค์ ภิรมย์พรด้วย และแม่นาง ศิริพร ก็ไปเต้นเอ็มวีให้ เวลาไปเต้นให้ศิลปิน ผมก็คิดตลอดว่าเราอยากไปยืนตรงนั้นบ้าง เคยมีแว๊บนึงที่เรารู้สึกน้อยใจว่าเมื่อไหร่จะเป็นเราสักที เอ็มได้รับโอกาสจากพี่ๆ ศิลปินในตึกนี้หลายคนมากๆ
ยกตัวอย่างเอิ้นขวัญ วรัญญา เราเกือบจะรุ่นเดียวกันเลย ห่างกันแค่ปีเดียว เขาก็ให้โอกาสผมร้องเพลงอาก๊อต แล้วก็มีคนติดตามมากขึ้นด้วยจากการที่เราเป็นแดนเซอร์ ก็ขอบคุณความอดทนของตัวเอง และไม่เคยคิดว่าเราถอยหลังเลย ทุกอย่างเอ็มเชื่อในความตั้งใจว่ามันคือผลที่ทำให้เรามีวันนี้ครับ และขอบคุณโอกาสของอาก๊อตที่เห็นว่าเราทำได้หลายด้าน และวันนี้ก็เหมือนจับเอ็มมาประกอบร่างและเป็นเอ็นในวันนี้ได้ ก็ขอบคุณอาก๊อตครับ”
ติณติณ : “ตอนเด็กๆ ผมอยากเรียนเปียโนครับ แล้วแม่อยากให้เรียนร้องเพลง ผมก็เริ่มจากการร้องเพลงลูกทุ่งเลยครับ แล้วก็ลองไปเวทีแรกเพราะแม่อยากให้ลองดู ก็ร้องเพลงของอาก๊อตนี่แหละ ผมก็ได้รางวัลขวัญใจมหาชน เพราะคุณแม่ไปเหมาพวงมาลัยมาให้ รางวัลน่าจะไม่ถึงพัน แต่แม่ผมหมดไปหลายพันเลยครับวันนั้น นั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการเดินสายประกวดเลย ก็ประกวดเรื่อยมาเลยครับ จนช่วงม.ปลายที่จะเข้ามหาวิทยาลัยก็หยุดประกวดไป ก็เกือบจะละทิ้งความฝันในการเป็นนักร้องไปแล้ว เพราะสายที่เราเรียนก็ไม่ใช่สายดนตรี
จนได้มาประกวดรายการลูกทุ่งไอดอล ก็หยุดร้องเพลงไปนานแล้วเหมือนกันครับ แต่แม่อยากให้มาประกวด และเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับอาก๊อต และเหมือนได้จุดไฟในตัวเองอีกครั้ง จนได้รับโอกาสมาร่วมงานตรงนี้ๆ ได้เข้าในโปรเจกต์นิวคันทรี่ มันเป็นโอกาสครั้งนึงที่สุดยอดมากเลยครับในชีวิต แต่จริงๆ คุณแม่อยากให้เป็นนักร้อง แต่คุณพ่ออยากสนับสนุนให้เป็นวิศวกรตามรอยคุณพ่อ แต่เขาไม่ได้ขัดแย้งกันครับ มาขัดแย้งตรงผมนี่แหละ ว่าผมต้องตั้งใจเรียนด้วยนะและต้องตั้งใจซ้อมเพลงด้วย (หัวเราะ) มันก็ยากครับ
แต่ก็เป็นชีวิตที่มีความสุขนะ เพราะผมได้ทำให้พ่อแม่ผมมีความสุขด้วย และเรื่องการร้องเพลงผมก็ชอบอยู่แล้วด้วย เหนื่อย แต่เราก็พยายามสู้กับมัน ถามว่าทำไมถึงมาเลือกลูกทุ่ง ไม่เลือกทีป๊อป จริงๆ ผมฟังเพลงหลายแนวครับ และเพลงแต่ละแนวก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป และมีเสน่ห์แตกต่างกันไป ผมเริ่มจากการร้องเพลงลูกทุ่ง แต่ผมก็ร้องเพลงแนวอื่นได้ด้วย ผมชอบเพลงลูกทุ่งตรงที่มันมีเอกลักษณ์ มีลูกเอื้อน ลูกหยอดที่พอเราได้ฟังครั้งแรกก็รู้เลยว่านี่แหละคือเพลงลูกทุ่ง และผมก็คิดว่ามีเสน่ห์
ผมชอบที่ได้ร้องเพลงลูกทุ่งครับ และช่วงที่อาก๊อตเข้ามาทาบทาม ตอนนั้นผมหยุดร้องเพลงไปแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าอยากไปร้องบนเวที อยากร้องให้คนอื่นฟัง ก็ไปทำงานเป็นนักร้องนักดนตรี เล่นคนเดียว ก็คิดว่าชีวิตเราได้แค่นี้เหรอ ได้แค่ร้องเพลงตามร้านอาหาร ช่วงนั้นก็แอบเฟลนิดหน่อยครับ จนได้รับสายจากอามดผู้จัดการอาก๊อตนี่แหละครับ ว่าสนใจมาร่วมงานตรงนี้มั้ย ก็ตอบทันทีเลยว่าสนใจมาก ปกติจะปรึกษาแม่ก่อนทุกเรื่อง แต่ครั้งนี้ไม่ได้ปรึกษาแม่เลย แล้วก็ค่อยโทร.บอกแม่ทีหลัง แม่ก็ตื่นเต้นกว่าผมอีกครับ”