ถูกจับตามองถึงเรื่องความรักมาพักใหญ่สำหรับ “ซาร่า คาซิงกินี” และหนุ่ม “ดาริล ยัง”ผู้มีชื่อเสียงจากคดี Forex-3D โดยที่ผ่านมาซาร่า ก็ออกมาปกป้อง ดาริล ยัง ตลอด และไม่กี่วันก่อน ซาร่า ได้ประกาศสถานะหัวใจผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ด้วยการตั้งสถานะแต่งงานกับหนุ่มหล่อชาวสิงคโปร์ พร้อมแท็กตรงไปที่เฟซบุ๊กส่วนตัวของฝ่ายชายที่ใช้ชื่อว่า Daryl Cai ก่อนเจ้าตัวจะลบโพสต์ดังกล่าวออกไป แถมในไอจีสตอรี่สาวซาร่ายังไปดูสถานที่คล้ายกับเป็นที่ที่ใช้จัดงานแต่งงงาน พร้อมกับพูดว่า มาดูสถานที่ นะคะ ล่าสุด สาวซาร่า ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ถึงประเด็นนี้ว่า….
ตกลงยังไง แต่งงานใหม่แล้ว?
“เรียกว่ากำลังแพลนที่จะแต่งงานแล้วกัน มีการสู่ขอแล้วเรียบร้อย จริงๆ ก็แพลนทุกอย่างไว้แล้ว น่าจะเร็วๆ นี้”
แล้วทำไมเรารีบตัดสินใจลงโพสต์ว่าแต่งงานแล้ว?
“ซาร่าจะเรียกว่าโป๊ะก็ได้ จริงๆ เราตั้งใจจะเซ็ตไว้ให้เห็นเฉพาะเฟรนด์ เราตั้งตอนที่เราง่วงๆ เราตั้งใจจะตั้งไว้เป็นเฟรนด์ แต่เฟรนด์เราก็หลายพันคน พอตื่นเช้ามามันเป็นพับบลิก”
พอคนเข้ามาดูอีกทีคือสเตตัสหายแล้ว?
“ยังอยู่ๆ แต่กลับไปเซ็ตเป็นเฟรนด์เหมือนเดิม คือคนที่เป็นเพื่อนกับเรายังมองเห็น แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อนจะมองไม่เห็น”
คนยินดีก็เยอะ แต่มีดรามาด้วย?
“ใช่ค่ะ จริงๆ ก็มีคนเข้ามายินดีกับเราเยอะ แต่คอมเมนต์ที่ดรามาก็นิดนึง อารมณ์แบบ แม่พักบ้าง แม่คุมนะ จะมีลูกคนที่สามหรือเปล่าอะไรประมาณนี้ สามีเขาชิล เอาเป็นว่าเขาอ่านภาษาไทยไม่ออก แต่ก็มีเล่าให้เขาฟัง เขาชิล ไม่คิดอะไร เขาถามว่าเราโอเครึเปล่า เราก็บอกว่าเราชิล เพราะเราอยู่ในวงการนี้มาหลายปีแล้ว มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอ ก็ไม่ได้ลบคอมเมนต์ที่ไม่ดีเลย ไม่มี ปล่อยไว้แบบนั้น ค่อยฟ้องเอา ล้อเล่น”
คนถาม “ซาร่า” ไม่เข็ดกับความรักบ้าง?
“เรามองความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม แล้วทุกความรักที่ผ่านมา ถึงมันจะจบลงไม่ดี แต่ทุกครั้งเหมือนเราได้เรียนรู้กับตัวเอง ได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ได้ทบทวนตัวเอง คนเรามันมีข้อดี ข้อเสีย เราคิดว่าทุกๆ ความรักมันสอนให้เราได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเสมอ ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นแฟน อยากเป็นภรรยาในเวอร์ชั่นที่มันดียิ่งขึ้น เรารู้สึกว่าผ่านอะไรมาเราเข้าใจเยอะถึงจุดๆหนึ่งที่พอเรามาเจอคนๆ นี้
กับคนล่าสุด เหมือนเรารู้สึกว่าเราเป็นเวอร์ชั่นที่ ครั้งแรกที่เป็นเรา มีคนๆ หนึ่งเห็นคุณค่าเราจริงๆ มาจากการกระทำของเขา จากคำพูดของเขาที่บอกเรา เราก็เลยรู้สึกแบบเออ...มันมีคนเห็นแล้วนะความตั้งใจของเรา”
ซาร่าในวันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดในชีวิตไหม?
“ที่สุดค่ะ เข้าใจชีวิตที่สุดแล้ว แล้วเป็นคนที่ทุ่มเทกับความรักมากๆ”
ผู้ชายคนนี้ชื่อ?
“ชื่อ ดาริล (Daryl) ค่ะ เขาเป็นหนุ่มชาวสิงคโปร์เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน ตอนนั้นเหมือนเป็นวันเกิดเพื่อนแล้วนัดรวมกันทานข้าว เราก็ปิ๊งๆ กันตั้งแต่วันแรกเลย นั่งกันอยู่ 10 กว่าคน
เขาน่ารักตรงไหน?
“สิ่งแรกของซาร่าเลย คือต้องยอมรับว่าเป็นคนมองคนแค่หน้าตาก่อน คือเราเป็นคนชอบคนหน้าตาดีในสไตล์ของเรา ก็ทำให้เราสนใจมองที่เขา แล้วพอนั่งไปสักพักรู้สึกว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่ดูเจ้าชู้ ดูแบบสุภาพๆ ก็เลยยิ่งทำให้เราสนใจเขามากขึ้น เขาก็น่าจะรู้ว่าเราแอบมองเขาอยู่ เขาก็มีมองเรา แต่ไม่ได้มาคุยอะไรกับเรา คือต่างคนต่างนั่งแล้วก็คุยกันบนโต๊ะ หลังจากนั้นมีการฟอลโลว์ไอจี ถ่ายรูปกรุ๊ปแท็กกัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทักมาคุยกับเรา เราไม่ทักเขาก่อน เราเป็นคนที่ไม่กล้า เราเป็นผู้หญิง
เขาทักมาเรากรี๊ดเลย เขาทักมาแสดงว่าเขาต้องชอบเรา เขาทักมา say hi ปกติ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม จำได้ไหมที่วันนั้นเราไปกินข้าวกันกับเพื่อนๆ เราก็บอกว่าจำได้ ก็คุยกันต่อ หลังจากนั้นก็มีการนัดกินข้าว ดูหนังกัน เขาเป็นคนเริ่มสานสัมพันธ์ทั้งหมด คือเราชอบเขานะ แต่เราเก็บอาการนิ่ง เขาเป็นคนตรงๆ แล้วแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ”
ครั้งนี้ดูแววตา “ซาร่า” สดใสมาก?
“คนมีความรัก”
เรามีน้องแล้ว 2 คน เขารู้ไหม?
“ตอนแรกเขาไม่รู้ หลังจากที่เดตกันวันแรกเขาก็อยากรู้ว่าเราเป็นใคร เขาก็ไปถามเพื่อนแล้วไปเสิร์จข่าว แต่เขาอ่านภาษาไทยไม่ออกเลย เขาเห็นข่าวแล้วถามเพื่อนเขา ก็เลยพอรู้เรื่องราวของเรา เรารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรก ในวันแรกที่คุยกับเรา ซีเรียสมากๆ เหมือนเขาก็พูดกับเราว่าเขาเป็นคนแบบนี้นะ มีนิสัยแบบนี้นะ อดีตเขาอย่างนี้ๆ นะ เขารู้นะว่าเรามีลูก 2 คน เขารู้สึกว่าอยากได้ความสัมพันธ์ที่รู้สึกซีเรียส เขารู้สึกว่าถ้าคุยกันเล่นๆ เขาไม่คุยนะ เขาไม่อยากเสียเวลา แล้วเขาก็บอกว่าด้วยความที่เรามีลูก 2 คนแล้ว แล้วคิดว่าเราก็คงซีเรียสกับความสัมพันธ์เหมือนกัน เขาเลยถามว่าจะโอเคไหมถ้าเราจะคุยกันจริงจัง เพราะเขามองถึงอนาคตอันยาวไกล”
เขาโอเคที่เราเรามีลูก 2 คน แล้วเขาจะดูแลด้วย?
“ใช่ เขามีแบบเจอลูกได้ไหมตั้งแต่แรกๆ เลย เราเลยรู้สึกว่าเขาไม่ได้เข้ามาเล่นๆ เขาดูแบบจริงจังถามว่าเขาชอบเด็กๆไหม คือเขาไม่เคยเดตกับผู้หญิงมีลูกมาก่อน เขาก็บอกว่าลูกเราน่ารัก แล้วเขาก็มีความประหม่าในการเจอลูกเรา เขามีความกังวลว่าลูกเราจะชอบเขาไหม เขาจะเข้ากับลูกเราได้ไหม คือเขาดูกังวลมากๆ จะเจอแล้วต้องทำตัวยังไง แต่พอถึงเวลาเขาเป็นธรรมชาติกับลูกเรามากๆ
ตัวเรากังวลไหมโมเมนต์ที่เขาจะเจอกับลูกเรา?
“ก็ไม่นะคะ เหมือนเราชิลแล้วบอกว่าอย่าคิดมาก เพราะว่าลูกเราเข้ากับทุกคนได้ง่ายมาก พอเขาได้เจอกันก็ติดกัน เล่นกัน วันแรกที่แม็กซ์เวลล์เจอเขา หลังจากนั้นแม็กซ์เวลล์ก็ถามถึงว่าเมื่อไหร่จะได้เจอลุงอีก ลุงจะมาอีกไหม เอมมิลี่ก็ติดค่ะ อยากให้อุ้มตลอด”
เขาอายุมากกว่าเรา?
“เขาอายุมากกว่าประมาณ 3 ปี เขาพูดภาษาไทยได้ แต่ว่าอ่านไม่ได้ เขาก็ไม่ได้พูดชัดมาก เขาไปๆ มาๆ ที่เมืองไทยประมาณ 10 ปีได้แล้ว แล้วแฟนเก่าเขาคนไทยทั้งนั้นเลย”
พอเราเห็นภาพที่เขาเข้ากับลูกเราได้ เรารู้สึกยังไง?
“เราโหยหาโมเมนต์แบบนี้ เราเห็นเขาทุกดีเทลเลย นั่งสอนการบ้านกัน จูงมือกันพาไปดูหนัง แม้กระทั้งดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เราไปทำหน้าที่คลินิก เขาหายไปซื้อเสื้อผ้าให้เอมมิลี่ เรารู้สึกว่าเราไม่เคยได้รับโมเมนต์นี้จากใคร ก็เลยรู้สึกว่าประทับใจในตัวเขา คุยกันอยู่ประมาณ 2-3 เดือน ถึงตัดสินใจคบกัน เขาก็เป็นคนบอกว่าเรามาคบกันแบบซีเรียส ส่วนเราเก็บอาการ”
ลูกเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราตัดสินใจมั่นคงและเดินหน้าต่อกับผู้ชายคนนี้?
“มันมีโมเมนต์หนึ่งที่เรานั่งรถกันไป แม็กซ์เวลล์ก็หันไปถามว่า ลุงๆ รักแม่ไหม เขาก็ตอบว่ารัก เขาก็บอกว่าถ้ารักแม่จริงๆ ยูต้องขอแม่แต่งงานนะ ยูต้องซื้อแหวนนะ เราก็คิดในใจ โอ้โห..พูดแบบนั้นออกไปถ้าผู้ชายไม่คิดนี่หนีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นเขาก็หันมามองแม็กซ์เวลล์ โอเคเขาจะทำแบบนั้น แล้วเราก็คิดว่ามันคงเป็นฟีลพูดเล่นๆ พอวันเวลาผ่านไป 4-5 เดือนมันก็เกิดขึ้นจริงๆ”
นานกว่าจะสอนให้แม็กซ์เวลล์พูดประโยคนี้ได้?
“ไม่ได้สอนเลยค่ะ เราก็ตกใจ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเขาโตขึ้นด้วย ตอนที่เขาพูดขึ้นมาเราก็หันไปมอง โห..ลูกเรานี่แบบสุดยอด แล้วคิดในใจว่าเขาจะคิดว่าเราบอกลูกให้ไปบอกหรือเปล่า แต่เราก็ไม่ได้ถามลูก และหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกับลูกต่อ เขาเข้ากับครอบครัวเราได้ดีมากๆ ซาร่าเองเพิ่งไปเจอครอบครัวเขามาที่สิงคโปร์ น่ารักมากๆ เลย เป็นครอบครัวคนจีน ครอบครัวใหญ่มากๆ เกือบ 20 คน เหมือนเขานัดครอบครัวเขามาเจอเรา วันนั้นมีพิธีเล็กๆ น้อยๆ แบบฝั่งทางบ้านเขา เหมือนพิธียกน้ำชา”
หมายความว่า “ซาร่า” แต่งงานแล้วที่สิงคโปร์?
“ไม่รู้พิธีเล็กๆ เขาเรียกว่าแต่งไหม ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ใส่ชุดอะไรเลยนะคะ แบบชิลๆ กันเลย (ทางจีนยกน้ำชา แล้วมีของรับขวัญนิดๆ หน่อยๆ) ใช่ เหมือนให้อั่งเปา (นั่นแหละ แต่งแล้ว?) แต่งแล้วเหรอ ใช่เหรอ เรียกว่าหมั้นก็ได้ค่ะ ซึ่งเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว"
ก็เหมือนกับแต่งแล้วแหละ แต่เป็นพิธีเล็กๆ ของที่บ้านผู้ชาย แต่ยังไม่ได้ฉลองมงคลสมรสให้ทุกคนรู้?
“ใช่ค่ะ งานก็จะมีเร็วๆ นี้แหละ เร็วมากด้วย”
จะบอกไหมฉลองมงคลสมรสวันไหน?
“อุ๊บไว้ค่ะ แต่เร็วๆ นี้ค่ะ”
ย้อนกลับไปที่โมเมนต์ขอแต่งงาน เห็นว่า “ซาร่า” เองก็เซอร์ไพรส์?
“จริงๆ ก็เรียบง่ายนะคะ เหมือนเขาแค่ชวนเราไปตรงทะเล ที่มาเลเซีย แล้วบอกว่าถ่ายรูปกัน วันนั้นก็มีทั้งครอบครัวเขา ญาติเขาอยู่ตรงนั้นหมดเลย คือเราก็ยืนถ่ายรูปกับเขาสักพัก เขาก็หันมาคุกเข่า เอาแหวนให้ ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าเราพูดอะไรไปบ้าง มันไม่มีอะไรมาก เขาแค่ขอแต่งงาน แค่ขอบคุณที่เราร่วมทุกข์ ร่วมสุขอะไรอย่างนี้ แล้วก็นั่นแหละ เขาบอกว่าเขาจะเป็นคนดี จะพยายามโน่น นี่นั่น เราก็ เซย์เยส ค่ะ ตอนนั้นหูดับ”
ก่อนหน้านี้ก็มีลังเลบ้าง เหตุผลนั้นคืออะไร?
“ด้วยความที่ทุกคนเห็นว่ามันมีข่าวเรื่อง forex-3d ขึ้นมา เขาก็บอกเราว่าตัวเขาพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พิสูจน์ความจริงให้เรา ครอบครัว แล้วก็สังคมได้รับรู้ เหมือนเขาพูดว่าเขาจะเดิมพันทั้งชีวิต เพื่อที่จะกลับมาเคลียร์ปัญหาที่มันเกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ทำมันจริงๆ หลังจากที่เขากลับมาก็ดำเนินการสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย ถ้าสมมติผิดกฎหมายจริงๆ กลับมาเขาก็ต้องโดนจับแน่นอน แต่นี่ไม่ค่ะ ตอนนี้เขากำลังเคลียร์ตัวเองอยู่ เราก็คิดว่าถ้าเราเป็นเขา ถ้ารู้ว่าผิดก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับมาทำอะไร ฉันไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ถูกต้องไหม แต่เขาพร้อมที่จะกลับมาสู้คดีต่างๆ นานา”
ส่วนหนึ่งเขาทำให้เราเห็นด้วย?
“ใช่ค่ะ”
อะไรทำให้มั่นใจในผู้ชายคนนี้?
“เขาเป็นคนที่พูดแล้วทำให้เราเห็นจริงๆ ที่ไม่ได้พูดอย่างเดียว พูดปุ๊บแล้วทำปั๊บ เขาเป็นคนไม่สวีตเลย ไม่หวาน เป็นคนพูดตรงๆ อะไรที่ไม่ชอบในตัวเรา อะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงทั้งตัวเขาและตัวเรา มีอะไรเราก็นั่งคุยกันแบบผู้ใหญ่ อันนี้โอเค อันนี้ไม่โอเค เรานั่งคุยกัน ปรับจูนกันได้ไหมอะไรหลายๆ อย่างในตัวเขาเรารู้สึกสบายใจ คุยกันแล้วมันคลิก มันไปกันได้ แล้วก็อยู่ในจุดที่เราร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันจริงๆ ในวันที่ซาร่าลำบากมากๆ หรือตัวเขาลำบากมากๆ เราก็ไม่ปล่อยมือกันไป เรารู้สึกว่าเรายังไม่เคยเจอคนแบบนี้ในความรักแต่ละครั้งเลย”
แล้วเคสนี้ไปถึงไหนแล้ว จบหรือยัง?
“น่าจะใช้เวลานะคะ เพราะว่าต้องมีการสอบสวนต่างๆ นานา น่าจะใช้เวลาสักพักเลย ตอนนั้นที่มีข่าวมีหวั่นไหวนิดนึง เราก็มีถามเขาว่ามันคืออะไร มันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอดีตที่ตัวเราไม่รู้จักเขา เราเพิ่งมารู้จักเขาในปัจจุบัน เขาก็มีเล่าให้เราฟังบ้างว่ามันเป็นแบบนั้น แต่เราก็ยังรู้สึก จริง ไม่จริง มันจะอะไรเมื่อไหร่ พอถึงจุดๆ นึงที่เขารู้สึกว่าพร้อมที่จะกลับมาเคลียร์ปัญหาต่างๆ กับคดีตรงนี้ มันก็ทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่า ถ้ามันผิดจริงๆ ในความรู้สึกเรา เขาก็คงไม่กล้าที่จะเดินเข้ามาในขั้นตอนของกฎหมาย”
ที่ “แม็กซ์เวลล์” ขอเบบี๋ เราแพลนจะมีต่อไหม?
“จริงๆ เราอยากมีลูกแค่ 2 คนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็คิดว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน ตัวเขาเองก็อยากมี แต่เขาเคารพการตัดสินใจของเรา เขาก็เห็นว่าเรามีลูกมาแล้ว 2 คน เขาก็รักลูกเราทั้ง 2 คนเหมือนลูกเขา ถ้ามีอีกก็อยากจะได้ลูกผู้ชายค่ะ”
“ซาร่า” มีแพลนจะย้ายไปอยู่สิงคโปร์ไหม?
“ถึงเราจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่เราก็ต่างคนต่างทำงาน ตัวซาร่าเองก็ยังต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเองอยู่ แล้วก็ลูกด้วย ตัวเขาก็ต้องทำงาน ต้องให้เวลาเขาพิสูจน์ตัวเองด้วย ทั้งกับเรา ครอบครัว แล้วก็สังคม ก็ยังคิดว่าเราน่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่ภูเก็ตและกรุงเทพฯ เขาก็น่าจะอยู่สิงคโปร์ อีกอย่างพ่อซาร่าอยู่สิงคโปร์มาจะ 40 ปีแล้ว ซึ่งการไปภูเก็ต-สิงคโปร์ เป็นเรื่องปกติของที่บ้านค่ะ”