แม้จะเป็นเรื่องในอดีตกับสิ่งที่เคยทำผิดพลาด และรู้ว่าทำผิดก็ขอโทษกันไป เพราะสังคมไทยให้อภัยเสมอสำหรับคนที่สำนึกผิด แต่ถ้าเปรียบเทียบในกรณีของการ “บลูลี่” เกิดขึ้นในวงการบันเทิงที่ผ่านมา กับเคสล่าสุดของ 2 สาวดูโอ “New Country” เจ้าเพลง “ติ่งค่ะ” ซึ่งหนึ่งในสมาชิกอย่าง “มัทรี ธิติกานต์” ออกมาเล่าให้ฟังว่าเขาเคยบลลูลี่เพื่อนสมัยอยู่วงโยธวาทิต จนเจ้าตัวต้องออกมาโพสต์ “ขอโทษ”
แต่ชาวเน็ตก็ติดใจว่าคำพูดของอีกหนึ่งสมาชิกอย่าง “กิ๊ก ไอรดา” กับคำพูดบางคำ จนเป็นแฮชแท็ก #อวตารกับคนมีแสง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้อัดคลิปขอโทษกับสิ่งที่พูดออกไป
จากนั้นไม่กี่วันก็ถึงคิวของ “โอม ภวัต” นักแสดงชื่อดังจากซีรีส์วายเรื่อง “แค่เพื่อนครับเพื่อน” ก็ถูกหนี่งในผู้ใช้ทวิตเตอร์เล่าเรื่องว่าเธออยู่ในเหตุการณ์ที่นักแสดงคนนี้บลูลี่เพื่อนที่เป็นออทิสติกกลางโรงอาหาร จนเป็นที่มาของแฮชแท็ก #โอมภวัตออกมาพูดเถอะ จนนักแสดงหนุ่มโพสต์อธิบายและขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต
โดยทั้ง 2 กรณีสืบเนื่องมากจากกระแสของซีรีส์ The Glory ของเกาหลีใต้ ซึ่งเนื้อหาของซีรีส์เรื่องนี้เป็นการกล่าวถึงเคสการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียนมัธยม จนทำให้แอ็กเคานต์หนึ่งในทวิตเตอร์ออกมาจากโพสต์ จนถูกโยงไปถึงกรณีของ “มัทรี” จากนั้นไม่กี่วันก็มีการออกมาตอกย้ำถึงกระแส “การบลูลี่” ในโรงเรียน โดยแอ็กเคานต์ที่โยงในกรณีของ “โอม ภวัต” ชาวเน็ตได้สืบค้นย้อนกลับไปว่าไม่น่าจะใช่ “อวตาร” เพราะเขาเคยโพสต์เรื่องนี้เอาไว้เมื่อประมาณปี 59 ซึ่งถ้าเทียบเวลาการเกิดเหตุแล้วก็น่าจะพอดีในช่วงที่นักแสดงหนุ่มเรียนมัธยม
จนมีกระแสบอกว่าถ้าเป็นที่เกาหลีหรือว่าที่จีนนั้น การบลูลี่บุคคลอื่นแบบนี้ นักแสดงคนนั้นอาจจะเป็นดาวดับไปเลย รวมไปถึงค่ายยักษ์ของเกาหลี เพราะก่อนที่จะรับเด็กมาฝึกเพื่อเตรียมพร้อมเป็นไอดอลนั้น ก็จะมีการสอบประวัติถึงขั้นว่าถ้าที่ผ่านมามีการบลูลี่เพื่อนในอดีตไหม?
แต่ในมุมกลับกันเมื่อทำผิดแล้วรับผิดชอบกับการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างที่ “โอม ภวัต” และ “มัทรี” ทำนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสังคมจะให้โอกาสต่อไปไหม? แต่เหมือนเรื่องมันจะไม่จบ เพราะเกิดการถกเถียงจนกลายเป็นประเด็นร้อนในทวิตเตอร์ เมื่อมีแอ็กเคานต์ที่ชื่อว่า “อยู่ทุกด้อม สาววาย” ตั้งคำถามกลับถึงในกรณีนี้ว่า
“อันนี้ก็ยังสงสัยอีกค่ะ คุณพ่อคุณแม่ก็รู้อยู่แล้วว่าเด็กไม่ปกติ แล้วทำไมถึงให้เรียนโรงเรียนคนปกติคะ คุณพ่อคุณแม่ก็น่าจะรู้ อยู่แล้วว่าลูกไม่ปกติยังไงถูกต้องโดนแกล้งอยู่แล้ว ทำไมไม่ไปส่งเรียนโรงเรียนพิเศษคะ แล้วถ้าอย่างงั้น เขาจะสร้าง โรงเรียนพิเศษขึ้นมาทำไมคะ #โอมภวัตออกมาพูดเถอะ”
และแน่นอนไม่มีใครเห็นด้วยกับการตั้งคำถามนี้ รวมไปถึงแฟนคลับของพระเอกหนุ่มก็ร่วมกันสาปว่า ทำไมถึงความคิดแบบนี้ออกมา จนทำให้ “สาววาย” ถูกมองในมุมลบ จากนั้นแอ็กเคานต์ที่ชื่อว่า “มนต์รักได้ต้ม” ก็ได้แคปเอามาเผยแพร่ พร้อมตั้งคำถามกลับอีกว่า การที่คิดแบบนี้ คือไม่เหลือความเป็นมนุษย์แล้ว
“ขอประจานการกระทำของแอ็กนี้ เป็นการตั้งคำถามที่เลวร้ายจนไม่มีหลักสิทธิมนุษยชนใดๆทั้งสิ้น นอกจากเบลม เหยื่อแล้วยังไปโทษพ่อแม่ของเหยื่ออีก เด็กพิเศษไม่ควรถูกแบ่งแยกจากเด็กทั่วไปและเขาควรได้รับการศึกษาอย่างที่เด็กทุกคนได้รับ แอ็กนี้ไม่เหลือแล้ว ความเป็นมนุษย์ #โอมภวัตออกมาพูดเถอะ”
และการที่ถูกตั้งคำถามว่า “ทำไม? พ่อแม่ไม่ส่งเด็กพิการไปเรียนที่โรงเรียนพิเศษ จากในคอมเมนต์ของพ่อแม่ที่มีลูกเป็นเด็กพิเศษ ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นไวรัลในทวิตและในหลายๆ คลิปจาก tiktok ที่ใช้ชื่อว่า @thitipongdungnko ได้เผยแพร่เรื่องการใช้ชีวิตของ “บุ๋น” เด็กพิเศษที่ใช้ชีวิตในโรงเรียน โดยมีเพื่อนเป็นคนปกติทั่วไปช่วยดูแล และผู้ปกครองของ #บุ๋นเด็กพิเศษ ได้อธิบายถึงการใช้ชีวิตของ “เด็กพิเศษ” ในสังคมของคนปกติเอาไว้ว่า
“ขอตอบในฐานะแม่เด็กพิเศษค่ะ โรงเรียนพิเศษ มีเพื่อฝึกให้เด็กพิเศษพัฒนาให้ช่วยเหลือตัวเองและอยู่ร่วมกับสังคมคนปกติได้ เมื่อดีขึ้นแล้ว ก็จะให้เรียนร่วมกับเด็กปกติค่ะ เด็กพิเศษจะพัฒนาได้เร็วขึ้น เมื่อได้เรียนร่วม คุณหมอจะแนะนำแบบนี้เสมอๆ ค่ะ ใครได้ดูคลิป #บุ๋นเด็กพิเศษ จะเข้าใจค่ะ”
“บุ๋นพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ได้เรียนร่วมกับเพื่อนๆ เด็กปกติตั้งแต่ ม.4 ค่ะ ช่วง ป.1-ม.3 เรียนห้องคู่ขนาน (มีแต่เฉพาะเด็กพิเศษ) และโรงเรียนที่รับเด็กพิเศษเรียนร่วมกับเด็กปกติคือมีน้อยมากๆ ค่ะ อีกอย่างที่ผู้ปกครองอยากขอร้องสังคมคือ ขอโอกาสให้ #เด็กสติปัญญามีงานทำ ค่ะ”