หลังจากที่นักแสดงซีรีส์วาย “โอม ภวัต จิตต์สว่างดี” ถูกชาวเน็ตลากไส้พฤติกรรมในอดีตที่เคยบูลลี่แกล้งเพื่อนตั้งแต่สมัยประถมยันม.ปลาย โดยคนที่โดนแกล้งส่วนมากเป็นเด็กออทิสติก และผู้หญิง มีการเรียกร้องผ่านแฮชแท็ก #โอมภวัตออกมาพูดเถอะ จนติดเทรนด์ทวิตฯ ทำให้เจ้าตัวออกมาขอโทษสังคม เสียใจที่สร้างบาดแผลให้เพื่อน และเป็นบทเรียนราคาแพง
ล่าสุดอีกคนที่ถูกชาวเน็ตตามขุดโพสต์เก่าในอดีต ผ่านมาเป็น 10 ปีแล้ว คือ “บิวกิ้น พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล” ที่ครั้งหนึ่งเคยคอมเมนต์ล้อเลียนเพื่อน LGBT แบบไม่เหมาะสม
โดยบิวกิ้นก็ไม่ได้ปล่อยผ่านเรื่องนี้ เจ้าตัวได้ออกมาชี้แจง ผ่านสตอรี่อินสตาแกรม ยอมรับว่าเฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นของตนจริง และเคยคอมเมนต์ดังกล่าวจริง โดยหลังทราบเรื่องบิวกิ้นได้ติดต่อไปหาเพื่อนคนดังกล่าวทันที โดยเพื่อนบอกว่าไม่ติดใจอะไร ตนรู้สึกเสียใจที่เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น และให้คำมั่นว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก
“จากกรณีที่มีการแชร์ คอมเมนต์ในเฟซบุ๊ก ของผมและเพื่อนสนิทในอดีต ผมขอยืนยันว่าเป็นเฟซบุ๊กของผมจริง และได้พิมพ์คอมเมนต์ด้วยตัวเองจริง ๆ
หลังจากทราบเรื่อง ผมได้ติดต่อไปหาเพื่อนสนิทคนดังกล่าว ผมได้ขอโทษเพื่อนเรียบร้อย โดยเพื่อนไม่ได้ติดใจกับคอมเมนต์ของผมแล้ว
กรณีนี้ผมยอมรับว่า คอมเมนต์ที่ผมเคยอ้างถึงไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด และในวันนั้นผมได้กระทำโดยขาดวิจารณญาณ ในการคิดและไตร่ตรองให้รอบคอบถึงผลลัพธ์ทุกทางที่อาจเกิดขึ้นกับผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม
ในวันนี้ผมรู้สึกเสียใจกับการกระทำในอดีตทั้งกรณีในนี้รวมถึงการกระทำอื่น ๆ ที่ผมเคยทำในทำนองเดียวกันกับบุคคลอื่น ๆ ด้วย วันนี้ผมเติบโต เรียนรู้ มีวิจารณญาณ สามารถรับรู้และแยกแยะถึงสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นแล้ว ซึ่งผมจะไม่ให้กรณีที่ไม่เหมาะสมแบบนี้เกิดขึ้นอีก
สุดท้ายนี้ผมขอโทษเพื่อนสนิทของผมอีกครั้ง รวมถึงขอโทษทุกคน มา ณ ที่นี้ด้วยครับ บิวกิ้น 10 ม.ค. 2566″
ขณะที่กรณีที่มีคนกล่าวหาว่าบิวกิ้นเคยบูลลี่รุ่นพี่ นั้น ทางบริษัท Billkin Entertainment ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่เป็นความจริง โดยได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด
“เนื่องจากเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา มีแอคเคาท์ในทวิตเตอร์ชื่อ @trendiitantan_โพสต์ข้อความพาดพิงถึงศิลปินเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดความเสียหาย หรือผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของศิลปิน
หลังจากทางทีมงานทราบเรื่อง จึงทำการติดต่อเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงไปยังผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวและพยายามสอบถามขอเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ส่วนตัวของผู้ที่ถูกแอบอ้างว่าเป็นผู้ถูกกระทำเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงของเรื่องราวความเป็นมา ปรากฏว่าบุคคลที่ถูกแอบอ้างว่าโดนกระทำนั้น ไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องราวต่าง ๆ แต่อย่างใดยังปรากฏพบว่า ผู้โพสต์มีการปลอมบทสนทนาผ่านแชตในลักษณะที่ได้คุยกับบุคคลที่ถูกแอบอ้าง
ทั้งขณะที่อยู่ระหว่างการไกล่เกลี่ย ผู้กล่าวหาก็ยังคงมีการพูดกับบุคคลที่สาม ในทำนองที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดอยู่ ทางบริษัทเล็งเห็นว่าทางผู้โพสต์ไม่ได้รู้สึกผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และทางบริษัทมีความจำเป็นในการปกป้องสิทธิ โดยชอบดำเนินการทางกฎหมายต่อไปอย่างถึงที่สุด โดยไม่ยอมความใดๆ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน”
