หลังจากเปิดตัวเพียงสี่สัปดาห์ “The Way of Water” ทำรายได้ไปแล้ว 517 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือ และ 1.19 พันล้านดอลลาร์ รวมทำเงินไปแล้วทั้งสิ้นถึง 1,700 ล้านเหรียญฯ
“Avatar: The Way of Water” ยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดที่เปิดตัวในปี 2022 และเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดอันดับสองของยุคโรคระบาด รองจาก Spider-Man: No Way Home ในปี 2021 (1.91 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เท่านั้น
แต่ชาว Na'vi ก็มีโอกาสโค่นล้ม ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ สูงมาก เพราะ Avatar: The Way of Water ฉายไปได้แค่เดือนเดียวเท่านั้น
ด้วยกระแสในขณะนี้ “Avatar 2” ยังมีโอกาสทำเงินทะลุ 2 พันล้านเหรียญทั่วโลกสูงมาก ซึ่งเป็นเรื่องยากแม้แต่ในยุค "ก่อนโควิด" ก็ตาม
โดยก่อนหน้านี้มีภาพยนตร์เพียง 5 เรื่องในประวัติศาสตร์ที่ทำรายได้เกิน 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ “Avatar” (2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ), “Avengers: Endgame” (2.79 พันล้านเหรียญสหรัฐ), “Titanic” (2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ), “Star Wars: The Force Awakens” (2.069 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ) และ “Avengers: Infinity War” (2.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ)
ภาคต่อที่รอกันมานานเกิน 10 ปีของ “Avatar” ใช้ทุนสร้างไปอย่างน้อย 350 ล้านดอลลาร์ และอีกกว่า 100 ล้านดอลลาร์เพื่อทำการตลาด
ผกก. เจมส์ คาเมรอน เองก็ยังยอมรับว่าเขาก็ไม่แน่ใจว่าหนังจะประสบความสำเร็จพอที่จะสร้างไปถึงภาค 5 ตามแผนได้หรือไม่ และหากหนังไม่สำเร็จอย่างที่หวังก็อาจจะจบหนังชุดนี้ที่ภาค 3 ไปเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า เจมส์ คาเมรอน น่าจะต้องเหนื่อยไปอีก 5 - 7 ปี กับการทำภาคต่อของ Avatar ไปจนถึงภาค 5