xs
xsm
sm
md
lg

“ชาคริต” เสี่ยทุเรียน 100 ไร่ เลี้ยงลูกอยู่ได้ทั้งสองภาค สบายๆ ไม่เครียดกับชีวิต ได้ลูกสาวเพิ่มอีกคนก็บุญแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ชาคริต” น้อมรับคนทักเป็นเสี่ยสวนทุเรียน ส่วนตัวถือว่ายังใหม่ โชคดีครอบครัวภรรยาคอยให้ความรู้ ผลผลิตปีนี้ดีแต่ก็มีอุปสรรค ไม่สู้ปัจจัยธรรมชาติ ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรม ตอนนี้มีอยู่ร้อยไร่ ไม่อยากทำเพิ่มเดี๋ยวเกินตัว ยกงานในวงการเป็นหลักวางแผนไว้หมดแล้ว ไม่กำหนดเส้นทาง “น้องโพธิ์” อยากให้ลูกทำสิ่งที่ชอบ เร่งปั๊มลูกสาว ก่อนปิดอู่เพราะอายุเยอะ

นอกจากจะเป็นนักแสดงมากฝีมือแล้ว พระเอกหนุ่ม “ชาคริต แย้มนาม” ก็ยังเป็นคนทำงานที่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่ว่าจะหยิบจับธุรกิจอะไร ก็ไปได้สวยตลอด อย่างช่วงโควิดที่ผ่านมา ที่ลงไปลุยธุรกิจด้านเกษตรกรกับครอบครัวฝั่งภรรยา “แอน ภัททิรา” ที่จังหวัดจันทบุรี ก็ได้ผลผลิตดีสุดๆ ทั้งทุเรียน มังคุด มะยงชิด ทำเอาหลายคนยกให้เป็นเสี่ยสวนทุเรียนไปแล้ว

“สวนทุเรียนตอนนี้ก็ดอกมาแล้วครับ น่าจะได้กินกันประมาณสักมีนาคมปีหน้า พวงมณีน่าเริ่มมาแล้ว แต่เดี๋ยวช่วงปลายม.ค. - กุ.พ. มะยงชิดก็น่าจะได้แล้ว”

น้อมรับคำชมเป็นเสี่ยสวนทุเรียนแล้ว
“ก็น้อมรับแต่โดยดี ขอบคุณมากครับผม ขอบคุณทุกคน ก็เปรียบเสมือนคำอวยพรให้เราประสบความสำเร็จ ก็ขอบคุณมากๆ ครับ แต่ก็ยังไม่ได้เป็นเกษตรกรเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เพราะเราก็ยังทำงานตรงนี้อยู่ แต่มันก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ เหมือนกับการแสดง เหมือนกับการทำงานทุกวันนี้แหละ ผมว่าการเรียนรู้มันไม่มีอะไรที่เรียกว่าสิ้นสุด ก็ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เพราะเราเองก็ถือว่ายังใหม่ เราโชคดีที่เรามีพี่เขย มีแม่ยาย มีครอบครัวฝั่งภรรยาที่คอยให้ความรู้ สอนกันตลอดเวลา แล้วพอมันเป็นครอบครัวมันก็เอื้อกัน ตรงนี้มันก็เป็นสิ่งที่สำคัญครับ”

ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็มีอุปสรรคหลายอย่างให้ได้เรียนรู้
“ก็ดีครับ แต่ต้องบอกเลยว่าปีที่แล้วธรรมชาติเขาโหดร้ายจริงๆ นะ ฝนก็ตกกันยาวๆ เลย ก็เสียผลิตไป ได้ไม่เท่าที่ควรจะได้ แต่มันก็โอเค แล้วยังไปเจอเรื่องอุปสรรคโควิดของคนในบริษัทด้วย มันก็ต้องชะงักไป แต่ว่าก็โอเคครับ มันก็ได้ของมัน สถานการณ์ต่างๆ มันก็บีบให้เราได้เรียนรู้หลายอย่าง”

ปัจจัยทางธรรมชาติ ก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรม สิ่งที่ทำได้คือการดูแลให้ต้นและดอกแข็งแรงที่สุด
ถ้าเกี่ยวกับธรรมชาตินี่ทำอะไรไม่ได้เลยครับ เพราะจะตัดหนีฝนก็ไม่ได้ ถ้าเขายังไม่ได้อายุของเขา มันก็ไม่ได้จริงๆ มันก็ต้องแล้วแต่บุญแต่กรรม (หัวเราะ) แล้วแต่ธรรมชาติ แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือทำให้ต้นให้ดอกแข็งแรง เพื่อที่จะให้ขั้ว ให้ลูกเขาแข็งแรง จะได้ทนทานกับลม กับน้ำ กับฝนให้ได้มากที่สุด เหมือนกับมนุษย์แหละครับ ก็ต้องให้อาหารดีๆ ดูแลเขาดีๆ เขาจะได้แข็งแรง”

ตอนนี้มีประมาณร้อยไร่ ยังไม่อยากทำเพิ่มเดี๋ยวมันจะเกินตัว
ตอนนี้รวมๆ ก็น่าจะประมาณร้อยไร่ได้ เอาแค่นี้ก่อน เพราะเดี๋ยวมันจะเกินตัวไป แล้วมันจะคุมไม่ไหว แล้วเราก็ยังไม่รู้ทิศทาง ของราคาในอนาคตด้วย เราก็แค่รู้สึกว่า แค่นี้เราเพียงพอ ก็พอกับตรงนี้ก่อน เรายังสนุกกับการทำงานในวงการ แล้วยังมีธุรกิจอย่างอื่นที่ต้องทำอีกหลายๆ อย่าง”

ยังไม่เปิดให้คนเข้า เหมือนสวนผลไม้ที่อื่นๆ
“ของเรายังไม่ได้เปิดให้คนเข้า แต่บางทีคนเขาก็ไม่รู้ว่าเราไม่ได้ให้เข้า เขาก็ขับเข้ามา เพราะประตูเราไม่ได้ล็อก (หัวเราะ) บางทีเข้ามาก็ป๊ะเจอผมนั่งอยู่บ้าง

ตอนนี้ก็มีเพื่อนๆ เริ่มโทร.มาเหมือนกัน หลายๆ คนก็เริ่มสนใจ อยากทำของตัวเอง ผมก็ให้คำปรึกษาหมดครับ ผมว่าดีนะ ทุกคนกลับมาสู่ธรรมชาติ มันจะได้มีดูแลผืนแผ่นดิน”

ปัดเป็นรายได้หลักของครอบครัว เพราะงานในวงการยังเป็นงานหลักอยู่
“ไม่หรอกครับ มันก็ครึ่งๆ แหละ ก็วงการบันเทิงด้วย ทางโน้นด้วย เพราะตรงนี้มันก็ยังเป็นงานหลักของผมอยู่

วางแผนการรับงานไว้หมดแล้ว ละครใกล้ปิดกล้อง ก็ถึงช่วงแต่งกิ่งแต่งลูกทุเรียนพอดี
“ตอนนี้มันก็มีรายการที่ถ่ายอยู่ แล้วก็มีละคร ซึ่งละคนก็รับทีละเรื่อง จะไปหนักในช่วงครึ่งของอาทิตย์ แล้วอีกครึ่งของอาทิตย์เราก็ยังว่างๆ อยู่ อาจจะมีรายการมีอะไรบ้าง แล้วมันยังไม่ถึงช่วงสำคัญของการที่เราจะต้องลงไปดู อย่างตอนนี้เริ่มเปิดตาดอก ก็จะเป็นพี่เขยดู เดี๋ยวพอเริ่มเป็นช่วงแต่งกิ่งแต่งลูก ละครก็จะใกล้ปิดแล้ว เราก็ค่อยลงไป เราวางแผนไว้แล้ว ก็ต้องไปๆ มาๆ น้องโพธิ์เองก็เรียนอยู่กรุงเทพฯ มันก็ต้องแยกร่างกัน บางทีถ้าผมไปไม่ได้แอนก็ต้องไป”

“น้องโพธิ์” เริ่มชินกับการออกกล้อง แต่ไม่ถึงขั้นอยากเข้าวงการ ความชอบเปลี่ยนไปทุกวัน ยังอยากให้เรียนก่อน
“วันก่อนเอาโทรศัพท์แม่ไปเล่น (หัวเราะ) แล้วแม่ก็ไม่รู้ เปิดมาก็ขำก๊ากเลย เขาอัดวิดีโอแล้วพูดว่า รู้ไหม ว่าพี่หล่อไหม (อย่างนี้มีสิทธิ์พาเข้าวงการไหม?) ยังครับ ไปเรื่อยๆ ถ้ามีงานก๊อกๆ แก๊กๆ ก็เดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เน้นหรือมุ่งว่าเขาจะต้องมาทางสายบันเทิง ความเป็นพ่อเป็นแม่ก็คงเหมือนกับทุกคนเนอะ ให้ลูกเรียนก่อน ถามว่ามีแววไหม เขาเปลี่ยนใจทุกวัน เดี๋ยวก็อยากเป็นโน่นอยากเป็นนี่ไปเรื่อย แต่ก็ยังดีที่ใฝ่ว่าอยากเป็นโน่นเป็นนี่ที่มันดีๆ เขาชอบสัตว์ บางทีเหมือนจะเป็นนักอนุรักษ์สัตว์ป่าอะไรประมาณนี้ ชอบอยากไปช่วยสัตว์โน่นนี่ที่แอฟริกา อยากไปช่วยยีราฟ ช่วยฮิปโป เราเลี้ยงให้เขาอยู่กับธรรมชาติ อยากให้เขาอยู่ได้ทั้งสองภาค ทั้งภาคเมืองและภาคธรรมชาติ อยากให้เขาเป็นคนสบายๆ ไม่ต้องเครียดกับชีวิตมากมาย”
 
ไม่กำหนดเส้นทางให้ลูก อยากให้เขาได้ทำในสิ่งที่ชอบ และเป็นตัวเองเขาที่สุด
“ไม่ ผมว่าการเป็นพ่อเป็นแม่ มันก็เหมือนการเรียนรู้ตัวเราเอง ไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ลูกของเราอยากให้เขาเป็นธรรมชาติ เป็นตัวของเขาที่สุด จนกว่าจะถึงเวลาที่เขาจะเลือกจริงๆ เราก็ได้แต่คอยตบๆ ให้เข้าที่ แล้วก็ให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ ในแบบที่เป็นตัวตนของเขาแล้วเขามีความสุขที่สุด ก็อยากให้เป็นอย่างนั้นมากกว่า ตอนนี้ 4 ขวบ 8 เดือนแล้ว เรียนนานาชาติอยู่ที่กรุงเทพฯ จันทร์-ศุกร์ ที่เขาเรียนก็คือไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว นอกจากรับเขาตอนเลิกเรียน แล้วถึงเดินทางไปจันทบุรี ถ้าเสาร์-อาทิตย์พ่อแม่ว่าง ก็จะกลับไปดูสวนหน่อย ซึ่งเขาชินกับการนั่งรถการเดินทาง แล้วเขาก็ชอบ”

พยายามปั๊มลูกคนที่สองก่อนปิดอู่ เร็วๆ นี้จะไปปรึกษาหมอ คราวนี้อยากได้ผู้หญิง
“พยายามอยู่ครับ ก็หวังว่าในเร็ววันนี้ครับ แต่ก็อาจจะต้องเริ่มปรึกษาหมอกันบ้างแล้ว เพราะว่าด้วยวัยด้วย ก็กะว่าอยากให้คุณแอนเขาตั้งท้องอีกสักครั้งหนึ่งพอแล้ว ถามว่าเอาแฝดเลยไหม โอ้โห…ได้คนหนึ่งก็บุญแล้วครับ (หัวเราะ) ได้ผู้ชายมาแล้ว ตอนนี้ก็อยากได้ผู้หญิงแล้วครับ”













กำลังโหลดความคิดเห็น