xs
xsm
sm
md
lg

“ตั๊ก มยุรา” เลิกบงการชีวิตลูก น้อยใจแต่ก็ต้องทำใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ตั๊ก มยุรา” หลงหลานมาก อยากจะเอามาเลี้ยงแต่เกรงใจลูกสาว เผยตั้งแต่ลูกสาวแยกบ้านไปมีชีวิตของตัวเอง ก็ไม่เคยมาขอพึ่งอะไรตนเลย มีแต่ตนที่ไปยุ่งวุ่นวาย รับต้องเปลี่ยนมายเซตตัวเองใหม่ ทำใจให้ได้ หยุดบงการชีวิตลูก ยิ่งทำลูกยิ่งถอยห่าง ก่อนจะแนะนำอะไรลูก ถามลูกก่อนอยากได้คำแนะนำไหม

เป็นคุณยายแล้วสำหรับ “ตั๊ก มยุรา เศวตศิลา” ที่ตอนนี้กำลังหลงหลานชาย "น้องทีเค” วัย 2 ขวบ หลังจากที่ออกมายอมรับว่าตัวเองพลาดที่เลี้ยงลูกสาว “น้ำตาล ณัชชา” มาแบบไข่ในหิน จนสุดท้ายลูกมีอะไรไม่ยอมบอก ขอคิดขอตัดสินใจแก้ปัญหาชีวิตด้วยตัวเองด้วยการใช้ชีวิตเป็นซิงเกิ้ลมัม ซึ่ง ตั๊ก มยุรา ได้มาอัปเดต เล่าถึงชีวิตคุณยาย ที่เจ้าตัวยอมรับว่าตนต้องเปลี่ยนมายเซตใหม่หมดเลยว่า….

“เราก็ใช้ชีวิตปกติ คุณตาคุณยายบางคนตื่นเช้ามาได้เจอหลาน เราไม่มี ไม่ได้เห็น จะได้เจอกันอาทิตย์ละครั้ง หลังจากที่น้ำตาลแยกตัวไปใช้ชีวิตของเขาเราก็แยกกันอยู่ เขาเลี้ยงลูกเอง แม้ตอนนี้เขาจะเริ่มกลับไปทำงานแล้ว เขาก็เลี้ยงลูกของเขาเอง ไม่มีมาถึงมือเรา เขาเลี้ยงเองด้วยนะ เขาจะทำงาน 3-4 ชั่วโมง ฝากแม่บ้านไว้แล้วก็กลับมา เขาจะมีกล้องไว้ส่องลูกเขาตลอด เราก็ทึ่งนะ เขาทำได้ยังไง เขาไม่เคยมาขอความช่วยเหลือเราเลย เขาสงสัย มีคำถามอะไรในการเลี้ยงลูก เขาหาอ่านหนังสือ เปิดกูเกิ้ล”

แม่-ลูก ความเห็นในการเลี้ยงเด็กไม่ตรงกันเลย
“ไม่ตรงกันเลย ขนาดแป้งเขาก็ไม่ให้ทาเลย เดี๋ยวแพ้ เราก็ต้องเข้าใจเขาแหละ ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจ แต่ตอนหลังเราก็ต้องเข้าใจว่ามันคนละสมัย สมัยแม่เราเลี้ยงเรา เด็กจะหยิบอะไร รีบร้องเลยอย่า เดี๋ยวผีหลอกนะ เวลาล้ม เดี๋ยวแม่ตีพื้นให้ เด็กสมัยใหม่ไม่เลย เขาจะไม่ให้เราไปทำแบบนั้นกับลูกเขา เขาจะไม่ตีลูกเขาเลย เวลาเห็นหลานล้ม เราจะเข้าไปช่วย น้ำตาลเขาจะไม่ให้เข้าไปช่วยเลย ให้ช่วยตัวเอง เราก็เลยไม่กล้าสปอย ไม่กล้าทำอะไรเลย เขาก็ทำถูกแล้วแหละ โตขึ้นลูกเขาจะเป็นยังไงเขาก็ต้องยอมรับ เรารู้แล้วว่าเราไปเป็นเจ้าชีวิตใครไม่ได้"

"เราเข้าใจในระดับนึงแล้วว่าที่ผ่านมาเราเลี้ยงน้ำตาลมาผิด เพราะเราไปคิดว่าสิ่งที่โบราณทำมันถูก แต่บางเรื่องมันผิด แล้วบางอย่างมันฝังอยู่ในหัวลูกเราไปแล้ว เช่น ทำไมปล่อยให้ตัวเหม็นเหงื่อเป็นผู้หญิง ทำไมทำหก เรื่องแค่นี้เอง พอเขามีเรื่องอะไรเขาไม่มาถามเรา น้ำตาลไม่ทำอะไรแบบนี้กับลูกเขาเลย คงเพราะว่าเขาไม่ชอบที่เราทำ พอเขามีลูกเขาก็ไม่ทำอย่างนั้น เขาจะยอมรับลูกเขาทุกอย่างไม่ว่าลูกเขาจะเป็นยังไงก็ตาม”

คุณยาย “ตั๊ก มยุรา” ต้องเปลี่ยนมายเซตตัวเองใหม่ทั้งการเลี้ยงลูก เลี้ยงหลาน เลี้ยงเด็กยุคใหม่ ไม่ทาแป้ง งดจอทีวี ห้ามตี
“มันต้องเปลี่ยน ไม่ใช่แบบเดิมเลย เราเคยเป็นคนดุกับลูก ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเราโคตรผิด แต่เราก็กลับไปแก้อะไรไม่ได้ น้ำตาลเป็นแม่ที่ไม่ดุเลย เขาพูดคำนึงมาทำเราสะอึกเลยก็คือ สิ่งที่หนูเจอมาหนูจะไม่ทำกับลูกเลย เราเองยังคิดว่าดูจะอ่อนไปนิดนึงรึเปล่า แต่ก็ปล่อยเขา เราถึงจะเป็นยายก็ต้องคิดให้ได้ว่า มันชีวิตเขา ลูกเขา เราได้แต่ประคอง มองอยู่ห่างๆ"

"แล้วในใจก็คิดว่าไม่น่าเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราจะไม่ทำแบบนั้น ก็คงจะเลี้ยงอีกแบบ เราดุเขามาก ตอบเรื่องเรียนหนังสือไม่ได้ เราดีดเลย เรารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ตอนเด็กๆ เราก็ถูกแม่ตีมาเหมือนกัน เราก็คิดอย่างนี้ไง แต่น้ำตาลเขาบอกว่า เขาจะไม่ตีลูกเลย แต่ในมุมมองเราคือก็ต้องตีบ้างนะ ต้องมีดีดบ้าง ก็มีถามเขานะ ในเวลาที่ทีเคเอาเรื่อง น้ำตาลไม่อยากตีลูกบ้างเหรอ เขาบอกว่าเขาอยากฆ่าตัวตาย คือไม่ตีลูกแต่อยากจะชกตัวเอง แบบนี้มันดีเหรอ ไม่รู้เหมือนกัน เขาก็จะปล่อยให้ร้องไป ดิ้นก็ปล่อยให้ดิ้นไปเดี๋ยวก็เลิกเอง ซึ่งเขาก็เลิกเองจริงๆ เขาก็พูดรู้เรื่อง แบบรู้ฟัง แรกๆ เราก็มีเปิดให้ดู เวลาที่แม่เขาไม่อยู่ เจ้าทีเคก็จะมายื่นรีโมตให้ น้ำตาลก็จะโทร.มาบอกว่า อย่าเปิดทีวีให้ทีเคดูนะ การ์ตูนก็ไม่ให้ดู ก็ตามนั้น แต่เราก็จะมีแอบให้ขนมบ้าง ต้องแอบให้(หัวเราะ)”

หลงหลาน ใจอยากเลี้ยงด้วยตัวเอง แต่เกรงใจลูกสาว
“เราไปยุ่งไม่ได้ เวลาเราไปหาหลานก็เหมือนเราเป็นแขกบ้านเขานะ หาไรมากินกัน แล้วเราก็กลับ ไม่เคยได้มีโมเมนต์ยาย-หลานเลี้ยงกันตามลำพัง ขนาดบอกกับน้ำตาลว่า เอามาค้างบ้านแม่บ้างยังไม่เคยเลย เขาไม่มา ถามว่าเราอยากเลี้ยงไหม แม้จะเอาเรื่องแต่ก็อยากเลี้ยงนะ เพราะทีเคกำลังน่ารัก เคยอาบน้ำให้หนนึง เรารู้สึกดี"

"ให้คะแนนความหลงหลานตัวเองซัก 8 ถ้า 10 นี่คงจะต้องไปอยู่ด้วยแล้ว แต่ก็นั้นแหละ อย่าไปยุ่งกับเขามากเลย เกรงใจลูก ไม่รู้ว่าเขาจะชอบรึเปล่า เวลาไปหาเราก็จะต้องโทรบอกเขาก่อนว่า วันนี้คุณแม่ไปหาได้ไหม คือกลายเป็นเราเกรงใจเขามาก เพราะเคยเกรงใจแล้วมันไม่ได้ผล เขาบอกเราก็ดีใจแล้วว่า เขาจะไปทำอะไรที่ไหน บางทีก็ไม่ได้คุยกันเลย"

"แต่เราก็ตั้งรับและอยู่กับมันได้แล้ว จากที่แต่ก่อนเราต้องรู้ทุกอย่างของลูก เราไม่รู้หรอกว่าเราเลี้ยงมามันเป็นยังไง เราก็รู้สึกว่าเราก็เลี้ยงลูกเหมือนที่คนอื่นๆเขาเลี้ยงกัน ตอนนี้ เขา 26 ปีแล้ว เราจะไปอยากรู้เรื่องเขาไปหมดไม่ได้ อันนี้เรายอมรับว่าที่ผ่านมาเราก็ทำไม่ถูกจริงๆ แหละ ที่ไปบังคับให้ลูกทำนั้นทำนี่ ต้องถามเขาก่อนว่าเขาชอบไหม เขาอาจจะไม่ชอบสิ่งที่เราให้ทำ เขาอยากจะตัดสินใจชีวิตเขาเองแล้ว”

แนะนำแม่ๆ ที่มีลูกโตวัยไล่ๆ กับตน ต้องทำใจให้ได้ หยุดบงการชีวิตลูก ยิ่งทำลูกจะยิ่งถอยห่าง ก่อนจะแนะนำอะไรลูก ถามลูกก่อนอยากได้คำแนะนำไหม
“ใครมีลูกอายุ 20 กว่า จะบอกว่า คนรุ่นใหม่เขาไม่เชื่อเรา เขาจะตัดสินใจชีวิตของเขาเอง ฉะนั้นเราเป็นแม่ เรามองๆ ดูเขาห่างๆ อย่าไปเธอต้องอย่างนั้นอย่างนี้ พูดยังไงเขาก็ไม่เชื่อเรา เราทำได้แค่ดูห่างๆ แล้วให้เขาตัดสินใจชีวิตเขาเอง บงการไม่ได้ ยิ่งทำแบบนั้นลูกจะยิ่งถอยห่าง ดูแนวลูกก่อนว่าเป็นยังไง เขาอยากให้เราแนะไหม เราเป็นพ่อแม่ต้องทำใจให้ได้ อย่าเข้าไปยุ่งอะไรกับชีวิตเขา ไม่ดี ไม่ควร ปล่อยเขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขาไป"

"ทุกวันนี้ที่บ้านเราเจอสเปซที่ลงตัวสำหรับครอบครัวเราแล้ว บางทีเขาทำอะไรเขาไม่บอกเราแล้ว เรามารู้ทีหลังก็อย่าไปน้อยใจ คิดมาก นี่ก็ผ่านการน้อยใจ คิดมากจนเลิกคิดไปหมดแล้ว เราไม่รู้ เราไม่ไปยุ่งเราก็อยู่ได้ เดี๋ยวเราก็ตายแล้ว อย่าไปอะไรมากมาย คือเราปลงแล้วจริงๆ แต่เราไม่เคยพูด ไม่เคยแช่งลูกนะว่า เดี๋ยวก็จะรู้ เราอวยพรให้เขาเจอแต่สิ่งดีๆ คุณยายก็ซัพพอร์ตอยู่ห่างๆ ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยมาขอความช่วยเหลืออะไรเราเลย มีแต่เราแสล๋นไปยุ่งกับเขาเอง อีกหน่อยเขาก็คงมีครอบครัว"

"ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่เคยพาใครมาแนะนำเราเลยนะ เขาคงอยากจะไปมีชีวิตของตัวเอง เพราะตลอดชีวิตเขาได้รับการซัพพอร์ตจากเรามาตลอด พอเขาโตขึ้นมาเขาเลยอยากจะทำอะไรด้วยตัวเอง ให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ ฉันทำงานได้ ฉันเลี้ยงลูกได้ ฉันอยากจะทำอะไรให้ฉันภูมิใจในตัวเอง ซึ่งเราก็ควรจะยินดีกับเขา ถ้าเขาจะพาใครมาแนะนำ เราก็คงจะไม่ไปพูดทำไมมาเลือกแบบนี้อีก แบบนั้นมันหมดยุคแล้ว”









กำลังโหลดความคิดเห็น