xs
xsm
sm
md
lg

นางสาวไทยไร้มงกุฏ “เจี๊ยบ ลลนา” ทำหาย ออกงานต้องไปเช่ามง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เจี๊ยบ ลลนา” สร้างตำนาน “นางงามมงหาย” กว่าจะรู้ตัวว่ามงหายไปก็ผ่านมา 2 ปีแล้ว รับเสียดายแต่ก็ได้แต่ทำใจเพราะยังไงก็ตามไม่เจอ ทุกวันนี้ต้องไปเช่ามงกุฎไปออกงาน แม้จะเป็นนางงามที่ไม่มง แต่ก็ยังมีตำแหน่งที่ใครก็มาพรากเอาไปไม่ได้

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะถ้าเล่าว่าเป็นฉากหนึ่งในละครก็เชื่ออยู่นะ สำหรับ “นางงามมงกุฎหาย” อย่าง “เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์” ที่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า มงกุฎที่ตนเองได้รับเมื่อตอนได้ตำแหน่ง “นางสาวไทย” เมื่อปี พ.ศ. 2549 และเป็นนางสาวไทยคนที่ 42 ของประเทศไทย ได้หายไป กว่าจะรู้ว่ามงกุฎหายไปก็ผ่านไป 2 ปีแล้ว จนทำให้เจ้าตัวต้องไปเช่ามงกุฎออกงานแทน ยอมรับว่าเสียดาย แต่สุดท้ายแม้มงจะหายไป แต่ตำแหน่งก็ยังอยู่กับตนไปจนวันตาย

“เจี๊ยบก็ไม่รู้ว่ามันหายไปไหน ถ้ารู้ว่าไปอยู่ที่ไหนก็จะไปตามคืนแล้ว คือตอนแรกมันเก็บอยู่ในกล่อง และก็ใส่ไว้ในกระเป๋าซึ่งดูไม่รู้เลยว่าเป็นมงกุฎ และเอาไปทำงานตอนที่เราต่อยที่เท็นไฟว้เท็นไง และมันก็ต้องมีชุดที่ก่อนจะแต่งเป็นนักมวย ก็ต้องใส่ชุดนางงามพร้อมมงกุฎก่อน เป็นภาพนางงามกับภาพนักมวย และเป็นงานสุดท้ายที่ได้ถ่ายและได้สวมมงกุฎของจริง และหลังจากนั้นก็คิดว่าทุกคนเก็บเรียบร้อยแล้ว จนผ่านมาเกือบปีกว่า เผลอๆ 2 ปีแล้วมั้ง ที่นี้มีงานที่ต้องเปลี่ยนลุคหน่อย ต้องเอามงกุฎมาสวม และเดียร์(แฟน)ก็เลยบอกว่า ให้ไปเอามงกุฎที่บ้านแม่มา นึกว่าอยู่บ้านแม่ แต่แม่ก็บอกว่าไม่ได้อยู่กับแม่ นึกว่าอยู่กับเจี๊ยบ อ้าว....ตายแล้ว แม่บอกว่าเจี๊ยบเอาไปตั้งแต่งงานนั้น ยังไม่เอากลับมาเลย เจี๊ยบก็คงคิดว่ามันหายตั้งแต่ตอนนั้นแน่ๆ เพราะย้อนกลับไปวันเท็นไฟว์เท็น คือยุ่งกันมาก ทุกคนก็เหนื่อยกันมาก ซึ่งคิดว่าเก็บแล้ว แต่สุดท้ายอาจจะลืมทิ้งไว้”

“ซึ่งย้อนกลับไปวันที่ได้สวมอีกครั้ง คือรู้สึกหนักมาก (ยิ้ม) คือคนที่ไม่เคยสวมจะไม่รู้ เพราะเจี๊ยบเคยสวมตอนเด็กๆ และน้ำตาไหลเพราะมันรัดมาก มันกดที่หัวหนักมาก และต้องมีการติดกิ๊บ แต่ก็ภูมิใจทุกครั้งที่เราได้ใส่ แต่น้องเขาหายไปแล้วนั้น เราก็ทำใจ”

“ซึ่งพอเรารู้ว่าน้องได้หายไปแล้ว เราก็โทรหาผู้จัดการว่า ช่วยโทรถามตามที่งานนั้นหน่อยว่ามีใครเก็บไว้หรือเปล่า ทีมงานที่นั่นก็บอกว่าไม่มีใครเจอเลย ซึ่งเจี๊ยบก็คิดว่าคงพลัดหายไปแล้วล่ะ ก็ทำใจ เพราะถ้าเรารู้ตัดตั้งแต่วันแรก มันก็คงหาเจอ มันน่าจะมีโอกาสมากกว่า แต่นี่มันผ่านมาเป็นปีแล้ว จะไปหวังอะไร ซึ่งก็ไม่ได้แจ้งความอะไร เพราะก็ไม่ได้มีใครผิดอะไร ผิดที่เราเอง ที่เราดูแลของไม่ดีพอ และทำไงได้ เราก็ต้องไปเช่ามงกุฎมาทำงานก่อน เพราะต้องทำงานในวันรุ่งขึ้น (หัวเราะ) ซึ่งมงกุฎที่หายไป ในส่วนมูลค่านั้นเจี๊ยบไม่รู้ว่ายังไง แต่สำหรับเจี๊ยบมันคือคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งมันเป็นครั้งนึงที่คนอย่างเจี๊ยบจะไปคว้ามันมาได้ เพราะเราคงไม่มีโอกาสไปคว้าที่ไหนได้อีกแล้ว และรุ่นที่เราได้มาเป็นคริสตัล เป็นรุ่นลิมิเต็ด ปกติมงกุฎนางสาวไทยจะเป็นสีน้ำเงิน แต่ของเจี๊ยบจะมีสีเหลืองด้วย ซึ่งถามว่าเสียดายไหม ก็เสียดายนะ เพราะแต่ละมงก็จะเป็นของแต่ละปีของแต่ละคน อย่างวันก่อนไปรวมตัวกับพี่ๆ นางงาม เขาก็คุยกับเรื่องมงกุฎของเราที่หายไปนี่แหละ ทุกคนก็บอกว่าจะไปเช่าทำไม มายืมของพี่ก็ได้ ต้องเป็นคนไปยืมมงกุฎของคนอื่นแทนแหละ และพี่ๆ บางคนก็บอกว่า ให้เราลองไปทำมงกุฎกระดาษดู (หัวเราะ)”

“ในมุมของเราที่เป็นนางสาวไทย เรารู้สึกเสียดายของแต่สุดท้ายแล้วมงกุฎมันก็อยู่ในใจเราแหละ แต่ตำแหน่งก็ไม่มีใครสามารถมาพรากจากเราไปได้หรอก มันไม่ใช่ว่าจะไม่มีมงกุฎแล้วจะห้ามเป็นนางงามอีกต่อไป แต่ตอนนี้เป็นอดีตนางงามไปแล้ว และครั้งนึงเราเคยสวมน้องเขาที่หัวเรา ซึ่งถือว่าเป็นความทรงจำดีๆ ต่อกัน และเราก็ภูมิใจทุกครั้งที่พูดถึงเราว่าเราเป็นนางงาม ถึงแม้จะเขินๆ นิดนึง แต่เราก็ดีใจที่เราพรากเพียรหามาเนอะ ครั้งนึงเราสามารถข้ามขีดจำกัดของเราได้”

“ถามว่าเราแปลกประหลาดไหม เจี๊ยบว่าเจี๊ยบผิดเองแหละที่ไม่ดูแลน้องเขาให้ดีพอ เพราะว่าวันนั้นเราก็คิดว่ามีคนเก็บมาให้แล้ว วันนั้นของมันเยอะมาก ปกติเราไปแค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์เท่านั้น ไม่พกของอะไรทั้งนั้น แต่วันนั้นของพะรุงพะรัง ชุดราตรีอีก และรองเท้าขนไป 3-4 คู่ และเจี๊ยบว่าคนที่เขาได้มงกุฎไป เขาอาจจะเอาไปเก็บไว้ก็ได้นะ ยินดีด้วยคุณได้มงนั้นไปครอบครอง ซึ่งถ้าใครได้น้องไป ก็ดูแลน้องดีๆ นะ”











กำลังโหลดความคิดเห็น