xs
xsm
sm
md
lg

“บุ๋ม ปนัดดา” เตรียมฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด คนละ 1 ล้าน! เปิดแคมเปญรณรงค์ไม่นินทา บูลลี่คนท้อง พ้อผิดอะไรมีลูกมีผัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สวย สตรอง ที่แม้ทรู สำหรับ คุณแม่ลูกสอง “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี”ที่มาอัปเดตชีวิตคุณแม่มือใหม่ หลังคลอดลูกชายน้อง “อเล็กซ์”ได้ 1 เดือนในรายการ รายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 พร้อมตอบกระแส ชาวเน็ตที่คอมเมนต์แรง งานนี้แม่บุ๋มสั่งลุยฟ้องเรียกค่าเสียหายรายละ 1 ล้านบาท

วันนี้ครบ 1 เดือนของการเป็นคุณแม่มือใหม่พอดี เป็นยังไงบ้าง?
“เป็นคุณแม่มือใหม่ 1 เดือนพอดีเป๊ะสำหรับน้องอเล็กซ์ เลี้ยงง่ายมากเลย ร้องอย่างเดียวคือหิว เขาคอแข็งเร็วมากเลย”

“อเล็กซ์” กับ “อันดา” ห่างกัน 16 ปี ความรู้สึกที่เรามีลูกคนแรกกับตอนนี้มันต่างกันไหม?
“ต่างกันเยอะมากเลย เพราะว่า 16 ปีที่แล้ว ด้วยความรู้เกี่ยวกับแม่ลูก เทคโนโลยีต่างๆ มันเป็นอีกเรื่องนึง พอมาตอนนี้การดูแลตัวเองของคนเป็นแม่ อย่างเช่นน้ำหนัก แต่ก่อนเราจะรู้ว่าน้ำหนักขึ้นได้ 7-12 กิโล แต่ตอนท้องอันดา บุ๋มขึ้นไป 18 กิโล พอคลอดอันดามาคนยังทักอยู่เลย เมื่อไหร่ผ่าน้อง แต่พอมาเป็น อเล็กซ์ 16 ปีให้หลัง ตั้งท้องไม่ต้องเกิน 3 โลก็ได้ ในช่วง 3 เดือนท้ายที่เด็กกำลังจะโต แล้วก็ให้งดนมวัว กินได้แต่นมถั่วเหลือง กลายเป็นว่าบุ๋มขึ้นมาแค่กิโลเดียว เพราะพยายามคุมโปรตีน คุมน้ำหนักทุกอย่าง เพราะเราอายุเยอะแล้ว แล้วกลัวว่าถ้าน้ำหนักเหลือที่เราเยอะ เราจะดูแลตัวเองยาก ก็เลยพยายามหาอาหารที่ลงถึงเด็กจริงๆ น้องอเล็กซ์ออกมาก็เกือบๆ 3 กิโล”

พอรู้ว่าตั้งท้อง “อันดา” รู้สึกยังไงบ้าง?
“อันดามารู้ตอนอเล็กซ์เข้า 4 เดือนแล้ว บุ๋มเอาผลอัลตร้าซาวด์ไปให้ อันดาก็ฮัลโหลคำเดียวแล้วไม่ได้พูดอะไร”

“อเล็กซ์” น่ารักมาก ตอนนี้แย่งกันเลี้ยงไหม?
“พ่อเขาดูซะส่วนใหญ่ เขาจะหอม ฟัดของเขาตลอดเวลา จนกระทั่งอเล็กซ์ติดมือก็เพราะพ่อเขานี่แหละ”

เซอร์ไพรส์ไหม เราท้อง?
“ช็อกสิ เพราะว่าเราอายุเยอะแล้ว ถามว่าตั้งใจไหมก็ตั้งใจ เพราะว่าบุ๋มเตรียมฮอร์โมนตัวเองมา 2 ปี ไปหาคุณหมอเพื่อกินฮอร์โมน เรากินอยู่ประมาณ 2 ปี จนได้ผล ซึ่งหมอจะชัดเจนเลยว่ามีได้ แต่ต้องกินวิตามินนิดนึง อาจจะต้องบำรุงหน่อย แต่จะติดไม่ติดก็แล้วแต่โชคชะตา แต่วันที่ติดก็ยังสงสัยอยู่ว่าวัยทองหรือเปล่า เพราะอายุเราเยอะแล้ว คิดว่าฮอร์โมนสวิงเลยโทร.หาคุณหมอประจำตัวที่ดูแลอยู่ บอกว่าคุณหมอประจำเดือนไม่มาต้องกินยาอะไรไหม เป็นคนกังวลว่าถ้าประจำเดือนไม่มาเดี๋ยวฉันจะผิวไม่สวย คุณหมอบอกตรวจครรภ์ก่อนดีกว่าไหม เราก็อะไร 46 แล้ว

เขาบอกว่าตรวจไว้ก่อนดีกว่า วันนั้นเดินอยู่ห้าง ก็ไปร้านขายยา ซื้อโน่น ซื้อนี่ แล้วก็ซื้อที่ตรวจครรภ์มาอันนึง แต่ก็กลัวเหมือนกันถ้าฉันซื้อไปเดี๋ยวเขาหาว่าไปตรวจลูกหรือเปล่า เพราะลูกเราสาวแล้วไง แต่ก็ไปตรวจในห้องน้ำห้างนั่นแหละ ผลปรากฏว่า ตอนนั้นอัดวีดิโอไว้ด้วยนะ ขึ้น 2 ขีดไม่ใช่โควิดด้วย ลนลานโทร.หาหมอ คุณหมอบอกไปตรวจเพื่อความชัวร์อีกทีดีกว่า แล้วเหตุผลที่ไม่บอกใคร คือเราไม่รู้ว่าท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างที่สองคือกลัวลูกหลุด เพราะพออายุเยอะไข่ที่ไม่สมบูรณ์มันจะหลุดง่าย พอหลุดง่าย

ถ้าเสียเขาไปเราจะได้เสียใจแค่ในครอบครัว อีกอย่างหนึ่งเราต้องรอตรวจผลโครโมโซม ก็ลุ้นว่าจะยังไง แต่คุยกับหมอเรียบร้อยแล้ว ถ้าน้องไม่สมบูรณ์ น้องมีความผิดปกติ เราจะเอาเขาออกเพราะเราอายุเยอะแล้ว การที่เลี้ยงเขาในภาวะแบบนั้นโดยที่เราตายไปแล้ว เขาน่าสงสารเกินไป ก็เลยขอปิดไว้ก่อนจนกว่าจะรู้ว่าชัวร์หรือไม่ จนกระทั่งผลออกมาว่าน้องแข็งแรง 99% ด้วยคุณแม่วัย 46 อีก 1% ที่เหลือมันลุ้น มันยังเครียดอยู่ก็เลยปิดไว้ก่อนดีกว่า แต่ก็มานั่งคิดว่าถ้าเราระวังมากเกินไป เราจะเครียดเกินไป ก็เลยใช้ชีวิตตามปกติ”

ตอนท้องไม่บอกสามีเป็นคนแรก ได้บอกใครเป็นคนแรก?
“บอกหมอ เพราะมันมีคำถาม 108 พันเก้ามากเลย จะบอกสื่อดีไหม หรือไม่บอกดี หรือจะลองเล่นดู พอสามีรู้ว่าท้องเขาก็ดีใจ คือเราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะมีลูกกัน สามีบอกขอ 5 คน เดี๋ยวแค่ 1 คนฉันก็เครียดแล้ว”

ตอนคลอดลูกคุณสามีพูดอะไรบ้าง?
“วันที่ผ่าตัดคลอดนอนอยู่บนเตียง เหมือนมีม่านสีเขียวกั้น แล้วจับมือกัน ถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง เราตื่นเต้นมาก มันสด มันใหม่มากสำหรับเรา เขาจับมือแล้วบอกว่าเดี๋ยวรอคนต่อไป เดี๋ยวคนนี้ยังอยู่ในท้อง จะมารอคนต่อไปอะไร”

ตอนที่ “ก๊อต อธิป” ขอเป็นแฟน ประโยคเด็ดคือมีลูก?
“เป็นสิ่งที่เขาขอ คือการคบกันต้องมีลูกได้อีกใช่ไหม เราก็นึกในใจ ตอนนั้นอายุเราตอนที่เจอเขา 42-43 ได้ แต่นึกในใจไม่ได้หรอก เพราะอายุเยอะแล้ว แต่ก็บอกว่าได้หลอกๆ เขาไปก่อน ให้ได้เขาก่อน ตอนนี้เขาคุยทั่วบ้าน ทั่วเมืองเลย”

วินาทีที่เห็นหน้าลูกคุณพ่อคุณแม่เป็นยังไงบ้าง?
“ตอนที่เขาออกมา สิ่งแรกที่ถามคุณพ่อเขาคือ 32 ครบไหมพ่อ เขาบอกเท่าที่ดูครบ ผิวเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่เพราะในอัลตร้าซาวด์ไม่เห็นสีผิว เขาบอกเหมือนคุณนะ”

ตอนที่ท้อง สามีดูแลคือโปรโมชั่นที่สุดแล้ว?
“คือบุ๋มหิวจัดๆ อย่างเช่น ตอนตี 2 แล้วตอนน้องคลอด น้องก็หิวอย่างนั้นจริงๆ ตอนนั้นเราต้องมีสติไม่คว้าทุกอย่างกิน ต้องกินของที่มีประโยชน์ อย่างนมถั่วเหลืองไม่มีน้ำตาลมารองท้อง เขาวิ่งลงไปเอาให้ จะดึกแค่ไหนเขาก็จะวิ่งลงไปเอามาให้ ใส่ตู้เย็นไว้ บางทีก็วางไว้หัวเตียง เป็นช่วงโปรโมชั่นที่แฮปปี้มาก เพราะปกติเขาไม่ค่อยหวานไง แต่การหวานของเขาคือการกระทำ แล้วทุกเย็นถ้าใครดูไอจีสตอรี่บุ๋ม ทุกคืนจะมีน้ำผลไม้ปั่น หลักๆ เป็นแตงโม เขาจะเดินไปในครัวทำให้แล้วเอามาวาง”

เห็นว่าน้องมีการบีบตัวก่อนกำหนด?
“ใช่ๆ 37 เองกลายเป็นว่าน้องบีบตัวแล้วก็เลยต้องไปโรงพยาบาลอย่างที่เห็น แล้วมันเป็นวันใกล้ๆ วันที่เรานัดคุณหมอไว้อยู่แล้ว พอวันที่ 22 จะคลอด แต่วันที่ 21 บีบตัวหนัก นึกว่าจะคลอดคืนนั้น อย่าเพิ่งลูก นัดหมอพรุ่งนี้”

ความเห่อของคุณพ่อ คุณแม่ ระดับไหน?
“บางที บางคืน ผลัดกันหอมเขา ด้วยความเอ็นดูเขา แล้วกลิ่นเด็กจะหอมมากเลย”

เห็นว่าแพลนจะเลี้ยงเขาแบบลุยๆ?
“ใช่ เนื่องจากเรามีลูกสาว 4 คน ก๊อต 3 คน ของบุ๋ม 1 คน ลูกสาว 4 คนที่เราพาไปสวน ไปไร่ แล้วพี่ก๊อตเขาซื้อที่ไว้เยอะ ทำสวน ทำไร่ รอลูกๆ ตอนแก่ๆ พวกเราก็เดินเก็บผัก ผลไม้ ผลปรากฏว่าลูกสาวไป นั่นเป็ด อันนั้นนก แล้วก็ขึ้นรถเถอะ ร้อน ผู้หญิงจะไม่ค่อยทนเท่าไหร่ เราอยากได้ทนๆ ลุยๆ คุณแม่ก็สายลุย อย่างเดินป่า ดำน้ำ ยิงปืน เราเลยรู้สึกว่าจะไม่มีลูกคนไหนมาลุยกับเราเหรอ เราเลยอยากได้ลูกชายกัน แล้วก็ได้สมใจ”

น้องๆ ฝั่งบ้าน “ก๊อต อธิป” เขาเห่อน้องชายไหม?
“โอ้โห มะรุมมะตุ้มเลยค่ะ ล้อมรอบแล้วถ่ายรูปกัน”

มีผู้ใหญ่ใจดีมอบเงินรับขวัญหลาน 1 ล้านบาท?
“อะไรดีบุ๋มก็ว่าดีนั่นแหละค่ะ เขารับขวัญหลาน 1 ล้านบาท แต่เขาก็เกรงใจอันดา เขาเลยเขียนว่า มอบให้น้องอันดามัน และน้องอเล็กซ์ 1 ล้านบาท แล้วสักพักอันดาก็แคปอันนั้นมาบอกว่าของหนูครึ่งหนึ่งใช่ไหม สุดยอดอันดา”

เห็นว่ามีบางคอมเมนต์แรงมาก อันไหนที่กระทบใจ แล้วรู้สึกว่าปรี๊ดแตกเลย?
“ถ้าขนาดปรี๊ดแตกไม่มีนะ เพราะว่าเราอยู่ตรงนี้เราแกร่งพอ แต่บุ๋มแค่รู้สึกว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ท้อง ฮอร์โมนด้วย แล้วถ้าเขาไปเจอคำพูดพวกนี้บุ๋มว่ามันไม่ดีกับเขาเลย กระทบกระเทือนจิตใจแม่มากเลย อย่างเช่นด่าว่า เคอรี่ ทำตัวเป็นเคอรี่มาก ทำตัวสำส่อนมาก สำส่อนตรงไหนฉันมีลูกกับผัวตัวเอง ก็เลยงงทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนั้น แล้วเราแต่งงานครั้งนี้โอเคบุ๋มแต่งงานเป็นครั้งที่ 3 เขาก็เขียนว่าต่อไปก็ต้องมีผัวคนที่ 4 แล้วไง”

โกรธไหม?
“แค่รู้สึกว่าการเป็นดาราก็ไม่ใช่ว่าจะโดนใครดูถูกกันอย่างนี้นะ เราเป็นคนเหมือนกัน อีกอย่างบุ๋มไม่ได้ทำอะไรผิดบุ๋มแค่มีลูกกับผัวตัวเอง การมีลูกมันควรจะเป็นโมเมนต์ดีๆ ของแม่คนหนึ่ง ไม่ใช่จะมาเป็นดรามาวิกฤตขนาดนี้ แล้วดรามาหนักมาก คืนนั้นในโซเชียลกระหน่ำบุ๋มหนักมาก ต้องมีคำด่าเกิดขึ้น บวกกับคำว่ายินดี เราเลยรู้สึกทำไมการแสดงความยินดีมันยากตรงไหน”

คิดจะจัดการไหม?
“บุ๋มเองเป็นโรคขี้สงสารแล้วชอบให้อภัย ที่ผ่านมา โดนมาก็ให้อภัยทั้งหมดเลย ไม่เคยได้ฟ้องใครเลย แต่รอบนี้ทีมงานทุกคน คนรอบตัวบุ๋ม โทร.มา พี่ๆ ในวงการ บุ๋มไม่เคยเจอพี่ๆ ในวงการโทร.มาเยอะขนาดนี้มาก่อน บอกว่าบุ๋มอย่ายอม ต้องฟ้อง กลายเป็นว่าทีมทนายขององค์กรทำดีจัดการฟ้องเรียบร้อยแล้วรู้สึกทีมงานแจ้งไปคนละ 1 ล้านบาท บางคนเขาส่งคลิปขอโทษมาบ้างแล้ว แต่ทีมงานไม่ยอมส่งให้บุ๋ม กลัวบุ๋มใจอ่อน ทีมงานบอกยังไงให้ไปอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ก่อน”

ตอนนี้ข่าวมีดารากำลังตั้งท้องกำลังเป็นข่าวใหญ่ตอนนั้นเรารู้สึกยังไง มันเป็นโมเมนต์ของเรา แต่อยู่ดีๆ มีคนเฉลยก่อนที่เราจะพูด?
“ตอนที่เห็นข่าว บอกเลยว่าตัวชา มันเย็นวูบไปหมดเลย อ้าว มันไม่ใช่เวลาของเราเหรอ เราตั้งท้องมาตั้ง 9 เดือนให้เราเป็นคนประกาศหน่อยก็ไม่ได้ แล้วอีกอย่างมันมาพร้อมกับคำด่า คำพูดต่างๆ ซึ่งมันไม่ได้แค่ประเด็นข่าว มันมาพร้อมกับคำแย่ๆ อีกหลายอย่าง แทนที่เราจะได้มีโมเมนต์ดีๆ ความรู้สึกดีๆ กลายเป็นว่ามีคำพูดแย่ๆ มาใส่เราในช่วงเวลานั้น อยากจะบอกเขาว่าคุณไม่ควรขโมยโมเมนต์ของแม่คนหนึ่ง แต่ละคนเขามีเหตุและผลว่าเขาจะประกาศหรือไม่ประกาศมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล

แล้วหลายคนอาจจะอยากประกาศในช่อง ยูทิวบ์ของตัวเอง อย่างบุ๋มอยากให้น้องแข็งแรงที่สุดในวินาทีที่เขาออกมา ถ้าเขาไม่สมบูรณ์แล้วมีความเสียใจเกิดขึ้น คุณแบกรับความรับผิดชอบตรงนั้นไหวไหมนี่คือสิ่งที่ถามกลับ คุณไม่ได้มาเสียใจกับเรา สิ่งหนึ่งก็อยากจะรณรงค์เหมือนกัน บุ๋มว่าแสดงความยินดี มันไม่ได้ยากนะคะกับคนที่เขาท้อง ดังนั้นใครท้องเราควรจะแสดงความยินดี ไม่ใช่มานั่งว่าเขา หรือถามว่าท้องกับใครยังไง มันเรื่องส่วนตัวของเขา”

ก็เลยมีโปรเจกต์ขึ้นมา?
“ก็เป็นการรณรงค์เรื่องนี้ ในเรื่องของการแสดงความรัก ความเข้าใจ อย่างน้อยให้กำลังใจ แล้วกล่าวคำว่าแสดงความยินดี มากกว่าคำนินทาหรือว่าคำบูลลี่อื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นกับคนเป็นแม่ เพราะในโซเชียลวันนี้สิ่งที่อเล็กซ์จะเจอในอนาคต มันจะมีคำฟ้องร้อง โน่นนี่นั่นเกิดขึ้นกับตัวเขาไปแล้ว มันแย่ไปแล้ว”

แสดงว่าเราเตรียมความพร้อมในอนาคตเมื่อลูกถาม?
“ถามก็ต้องอธิบายว่าอาจจะเป็นหน้าที่การงานของแม่ในจุดยืนในสังคม ในบทบาทของการเป็นดารา ซึ่งอาจจะทำให้เขารู้สึกไม่อยากเป็นดาราเหมือนอย่างน้องอันดาก็ได้ เพราะอันดาจะรู้สึกแย่กับวงการ ทำไมคนในวงการต้องโดนอะไรขนาดนี้”

โกรธไหมกับข่าวที่ออกมาทำให้คนมานั่งด่า?
“เสียใจมากกว่า แต่เสียใจยิ่งกว่าเมื่อโทร.ไปหาเขาถามว่าเอามาจากไหน เราถามเขาตรงๆ เพราะเราจำได้ว่าเราบอกอยู่ 2 คน เขาก็อ้างอย่างอื่นไป โกหกซ้ำ ยิ่งรู้สึกแย่ว่าทำไมต้องโกหกขนาดนี้ พออีกวันที่ต้องพูดข่าวจริง เขาบอกว่าแค่พูดข่าว คนไปพูดกันเอาเองว่าชื่ออะไร เขาไม่ได้เป็นคนเฉลย มันเป็นการแสดงความไร้ความรับผิดชอบมากๆ ไร้จรรยาบรรณ ไร้จิตสำนึกมากๆ จนเรารู้สึกว่า แค่แสดงความยินดีมันยากตรงไหน แค่นั้นเอง”

มีอะไรอยากบอกเขาไหม?
“ไม่มีแล้วค่ะ เรารู้สึกว่ามันจบแล้ว วันนั้นเราพูดจบแล้ว แล้วผลของการกระทำของเขามันจบแล้ว เรารอดูด้วยนะครั้งต่อไปเขาจะพูดอะไร เขากลับพูดว่า ก็คนไปพูดเอาเอง แค่ทำหน้าที่ของเขา ก็โอเคถ้าทำได้แค่นั้นก็คือจบ”

เห็นว่ากับคุณสามีเป็นเพื่อนกันมาก่อน?
“ก็ยังงงๆ กันอยู่ ก่อนจะมาเป็นเฟรนด์ก็คือได้สัมภาษณ์กันในรายการ 6 ปีก่อนหน้าที่จะมานั่งเป็นเพื่อนกันสัมภาษณ์ในรายการด้วยความที่เขาเป็นแชมป์โลกเพาะกายมา แล้วเราสัมภาษณ์เขา โดยที่เราไม่ได้ใส่ใจเขาเท่าไหร่แต่รู้ว่าเขาโกหกอายุเราว่าเขา 30 กว่า เราก็คิดว่าเด็ก แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะเขาดูเด็กจริงๆ แล้วลืมไป เพราะตอนนั้นเรามีคนที่เราคบอยู่ จนกระทั่งเลิกกัน แล้วเราก็โสดของเรามา แล้วเพื่อนเขาที่รู้จักกับเราติดต่อมาว่าเพื่อนผมคนหนึ่งปลื้มคุณบุ๋มมาก เคยสัมภาษณ์กัน เราก็เอ๊ะใคร ก็เลยได้คุยกัน ก็เลยกลายเป็นเพื่อนที่คุยได้ทุกเรื่อง กลายเป็นว่าเขาไม่ได้มาจีบเหมือนคนอื่นๆ ตอนนั้นฮอตมาก โทรศัพท์เข้าตลอด แต่เขามาเพื่อพูดคุยทำให้เรารู้สึกว่าทำไมมุมนี้ไม่มีใครพูดกับเราเลย กลับกลายเป็นว่าเขามองในความเหนื่อยของเรา

ทุกคนจะมองในมุมของความแรง ความสำเร็จหรือว่าสิ่งที่บุ๋มทำ หรือว่าชื่อเสียงที่บุ๋มมี หรือว่าอะไรต่างๆ แต่เขากลับมองว่า บุ๋มทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เพื่อลูกเพื่อทุกๆ คน เพื่อสังคม เพื่อประชาชน แล้วบุ๋มทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ทำไมบุ๋มไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย จนเขาพูดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจากนี้พี่เข้ามาในชีวิตหนูแล้ว พี่จะเป็นคนสร้างอนาคตให้หนูเอง”

แล้วตอนเจอครั้งแรกรู้สึกว่าคนนี้ใช่ไหม?
“ไม่ได้แบบนั้นเลย ครั้งแรกที่เจอกันคือบุ๋มล้างปืนอยู่ แล้วลูกสาวหันมาบอกว่า หนูอยากเรียนยิงปืนบ้าง เราเลยโอเค ถามพี่ก๊อตว่ามีครูสอนยิงปืนในกรุงเทพฯ ไหม เพราะตอนนั้นเขาอยู่ภูเก็ต เขาบอกเดี๋ยวพี่บินขึ้นมาสอนให้เองเราก็โห ใจดีจังเลย คือเขามาแบบเป็นเพื่อน เป็นพี่อย่างนี้มากกว่า ไม่ได้มารุกจิตใจเราว่าต้องบีบบังคับ จะต้องแต่งงาน ไม่ใช่ แล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายหวานเลยค่ะ แต่เป็นผู้ชายที่คำพูดจริงจังมาก และใช้การกระทำมากกว่าคำพูดจริงๆ”

อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจว่าคนนี้แหละ?
“เนื่องจากเขาไม่ค่อยพูดอะไรหวานๆ แล้วก็ไม่ได้รุกอะไรเรามาก เราเลยอยากทดสอบว่าตกลงมายังไง ก็เลยมีอยู่ครั้งหนึ่งบุ๋มไปทำงานที่เชียงใหม่ เราก็เลยคุยกัน ถามว่ามาไหม มาจริงๆ บินจากภูเก็ตตรงขึ้นเชียงใหม่ แล้วหลังจากวันนั้นเลยคบกันเลย ก็เลยถามเขาว่า พี่ค่ะ หนูยังมีโอกาสเลือกไหม เรียกตัวเองว่าหนูเพราะเขาอายุเยอะกว่า เขาบอกไม่มีแล้ว เราเป็นพวกเชื่อคนง่ายไง เขาบอกไม่มีแล้วก็เลยไม่ได้เลือกใคร”

แล้วโมเมนต์การขอแต่งงาน?
“ไม่มีอะไรเลย อยู่บนรถ แล้วก็เขาพูดแค่ว่าถ้าจะคบกันจริงจัง ถ้าคบแล้วต้องมีลูกนะ ไม่ได้พูดเรื่องแต่งงาน จะเอาลูกอย่างเดียว เห็นฉันเป็นแม่พันธุ์อย่างเดียวเลย (แสดงว่าคนนี้เอาเราอยู่?)ใช่”

จากเมื่อก่อนเราเป็นผู้นำ แต่คนนี้นำเราได้?
“นำทุกเรื่อง เรารู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับเขา เพราะเราได้เป็นตัวของตัวเอง จะทำอะไร จะลงพื้นที่ เขาไม่ว่าอะไรเลยสักคำ ยิ่งช่วงโควิดที่หนักๆ แล้วเราต้องโทรศัพท์ตี 2-3-4 เพื่อหาออกซิเจนให้คน หาเตียงให้คน เขาคือคนที่อยู่ตรงนั้นแล้วไม่ว่าอะไรสักคำ ถ้าเป็นผู้ชายบางคนเขาอาจจะด่าไปแล้ว”











กำลังโหลดความคิดเห็น