“มิว ศุภศิษฏ์” เผยสาเหตุขึ้นดิสดำทั้งไอจีและทวิตฯ เสพติดโซเชียลมากไปจนอยากดีท็อกซ์ รู้อย่าสนใจคอมเมนต์ลบแต่ทำไม่ได้ พังเป็นโดมิโนเมื่อจิตใจอ่อนแอและดึงตัวออกจากบทละครไม่ได้ ดีขึ้นแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์เพราะไปปรึกษาหมอ
แม้หน้ากล้องจะดูแฮปปี้อยู่ตลอด แต่หนุ่ม “มิว ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” ก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอเหมือนกัน ยิ่งตอนไหนที่จิตใจบอบบาง แล้วเผลอเข้าไปเสพคอมเมนต์ลบ ก็ทำเอาดิ่งจนถึงขั้นต้องปรึกษาหมอ ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้เปิดใจถึงประเด็นนี้ ยอมรับว่าต้องการหักดิบทำโซเชียลดีท็อกซ์ เพื่อให้จิตไปโฟกัสกับอย่างอื่น
“ขึ้นโปรไฟล์จอดำ ช่วงเดือนที่แล้วใช่ไหมครับ ตอนนั้นเหมือนรู้สึกว่าเราค่อนข้างจะเอาใจไปอยู่กับโซเชียลมากเกินไป แล้วช่วงนั้นเสพโซเชียลเยอะมากๆ ก็เลยรู้สึกว่าลองมาโซเชียลดีท็อกซ์ดู เบรกการเล่นโซเชียล
คือดีมากๆ เลยนะ ทำให้จิตเราโฟกัสกับหลายๆ อย่างได้เพิ่มมากขึ้นด้วย แล้วก็หลุดจากโซเชียลได้ครับ ตอนนั้นเอาจริงๆ ก็ด้วยความที่เราเป็นคนที่อยู่ข้างหน้า มันทำให้มีคอมเมนต์หลายๆ อย่างเข้ามาเยอะมากๆ แล้วบางอย่างก็เอาออกจากใจไม่ได้ พอเราเป็นนักแสดงด้วย เป็นศิลปินด้วย เหมือนเวลาที่เราต้องไปทำการแสดง บางทีเวลามีอะไรที่มันอยู่ในใจ มันจำเป็นต้องเคลียร์ออก พอเคลียร์ไม่ได้ก็รู้สึกว่ากระทบกับงานเหมือนกัน เลยลองดีท็อกซ์ดู”
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เก็บความรู้สึกไว้เยอะมาก ทั้งการแสดงที่ไม่ยอมคัทในชีวิตจริง
“ใช่ครับ อาจจะด้วยเรื่องบทบาทในการแสดงด้วยมั้ง บางทีเวลาคัทก็คัทไม่หมดนะ แล้วหลายๆ อย่างที่กระทบกับใจเรา
ถ้าจิตใจช่วงไหนแข็งแรงก็ไม่ค่อยเป็นไร แต่ถ้าช่วงไหนจิตใจบอบบาง มันก็จะโดนพวกนี้เข้ามาทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจเยอะเหมือนกัน”
เชื่อว่ามีภูมิคุ้มกันมากพอ แต่ก็มีช่วงที่ต้องการคนรับฟัง
“ใช่ครับ แต่มันก็จะมีช่วงที่รู้สึกว่าใจเราไม่แข็งแรงเหมือนกันนะ บางทีดูคนนี้เข้มแข็งจังเลย แต่เขาอาจจะต้องการคนที่รับฟังเขาบ้างเหมือนกัน”
ใช้วิธีหักดิบลบแอปฯ ทิ้ง แต่ถ้าให้แนะนำคือค่อยๆ เลิกดีกว่า
“ตอนนั้นคือจะตัดฉับเหมือนกันครับ ก็รู้สึกว่าอยากหักดิบเลย เลิกเล่นเลย ลบแอปฯ ทิ้งจะได้ไม่ต้องเห็น ลบแพลตฟอร์มสีฟ้า เพราะบางทีเผลอๆ เล่นมือถือก็กดเข้าไปดูอีกแล้ว มันก็ไม่ดี ก็เลยตั้งใจลบเลย แต่ถ้าให้แนะนำก็อาจจะใช้วิธีแบบค่อยๆ เลิกดีกว่า ณ วันนี้มันก็ดีขึ้นเยอะมากๆ ครับ”
เตรียมปรึกษาแอ็กติ้งโค้ช เพื่อช่วยเรื่องเอาบทออกจากตัวไม่ได้
“อันนี้คิดว่าอาจจะต้องปรึกษาแอ็กติ้งโค้ชหลายๆ คนเพิ่มด้วย เพราะบางทีเรารู้สึกว่าเราเอาออกแล้ว แต่ถึงเวลามันเอาไม่ออก”
ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการแสดงมันรวมกัน เลยไม่รู้จะจัดสรรอะไรก่อน
“ใช่ หลายๆ ครั้งบางทีเราคิดว่าไม่เป็น แต่พอเรามาตกตะกอนจริงๆ มันเป็น มันมีความเอาเรื่องบางอย่างจากการแสดงมาด้วย เอาเรื่องบางอย่างจากโซเชียลต่างๆ มาปนไปปนมา แล้วตัดไม่ออกปุ๊บพังหมดเลย เลยรู้สึกว่าต้องตัดให้ได้”
เคยดิ่งหนักจนพังเป็นโดมิโน
“ด้วยความที่เราเป็นเบิร์นเอาต์อยู่ด้วย มันทำให้หลายๆ อย่างมันเป็นโดมิโน พอจิตใจเราอ่อนแอจากเบิร์นเอาต์อยู่แล้ว แล้วพอเจอแบดคอมเมนต์เข้ามา หรือว่าอะไรหลายๆ อย่างที่เอาไม่ออก ก็เลยพังเป็นโดมิโนเลย”
การคุยกับหมอทำให้ดีขึ้น เหมือนมีคนรับฟังอย่างเป็นกลาง
“ดีขึ้นครับ ทางคุณหมอเขาจะรับฟังเรา โดยที่เขาไม่ได้ตัดสินอะไร พูดตรงๆ บางเราไปปรึกษาคนโน้นคนนี้ปุ๊บ เขาก็จะมีความไบแอสของเขา ว่าเขารู้สึกว่าเรื่องนี่ถ้าเป็นเขา เขาจะรู้สึกยังไง แต่คุณหมอเขาจะเป็นกลางมากๆ เหมือนรับฟัง แต่ของผมยังอยู่ในเฟดที่ยังพูดคุยกันอยู่ ยังไม่ได้ถึงขั้นใช้เคมี ถ้าหายไปสัก 70-80 ตอนนี้ก็อาจจะกลับมาประมาณสัก 50 แล้ว เหลืออีกนิดหนึ่ง”
หันมาใส่ใจเรื่องงานมากขึ้น โชคดีมีกองละครที่น่ารักทั้งช่อง 7 และช่องวัน
“ตอนนี้ก็มาใส่ใจเรื่องงานเพิ่มมากขึ้น เราโชคดีที่ได้เข้ามาอยู่ในกองที่น่ารักมากๆ ตอนนี้ทั้งช่อง 7 ทั้งช่องวันเลย ทั้งสองกองคือน่ารักมากๆ ครับ อย่างช่องวันเนี่ย เราอยู่ในกลุ่มคนที่เขามีความสามารถมากๆ และตั้งใจในการทำงานมากๆ แล้วเหมือนเราได้รับสิ่งเหล่านี้เข้ามาอยู่ในตัวเราด้วย ยิ่งมีไฟในการแสดงเลย พอเราโฟกัสเรื่องการแสดงอย่างเดียว มันก็ตัดหลายอย่างได้”
เตรียมตั้งรับกับการเป็นนักแสดง ด้วยการมีสติมากขึ้น จะได้จัดการกับคอมเมนต์ลบได้
“ด้วยความที่เรามีประสบการณ์ทั้งเรื่องดีและไม่ดี ก็เริ่มรู้ว่าจะต้องทำยังไงบ้างตอนนี้ครับ พูดตรงๆ นะ ทุกคนรู้อยู่แล้วแหละ ว่าไม่ต้องไปใส่ใจ แต่ถึงเวลาทำได้ไม่ได้ ก็แล้วแต่ เพราะว่าผมเป็นคนหนึ่งที่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่บางทีก็มันทำไม่ได้ ก็รู้สึกว่าต้องหักห้ามใจมากขึ้น แล้วก็มีสติเพิ่มมากขึ้น ตลอดมาก็มองความเป็นจริงแหละ แต่บางทีก็อาจจะเผลอไปมองลบเยอะหน่อย ความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายขนาดนี้ (หัวเราะ) การอิกนอร์บางทีมันต้องมูฟออนก่อน”
