“แซนวิช” เผยเรื่องที่ไม่มีใครรู้ เคยคิดฆ่าตัวตายพร้อมลูกในช่วงที่เจอมรสุมชีวิต แต่ผ่านมาได้เพราะครอบครัวและคนรอบข้าง ไม่ปิดกั้นไม่ให้ “เสก” เจอลูก ที่ผ่านมา 2 ปีก็ไม่เคยได้รับค่าส่งเสียเลี้ยงดู เพราะเป็นฝ่ายเลือกเดินออกมาเอง เปิดใจรักใหม่แต่ไม่คาดหวัง ถ้าใช่ก็พร้อมแต่งงานอีกครั้ง
เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรองอีกคน สำหรับสาว “แซนวิช ปภาดา โชติกวณิชย์” ที่ตอนนี้ “น้องลีออง” อายุได้ 5 ขวบแล้ว และกลายเป็นขวัญใจชาวโซเชียลไปเรียบร้อย เพราะด้วยความน่ารักหล่อเหลาตั้งแต่เด็ก เลยยิ่งกลายเป็นที่สนใจและเอ็นดูต่อคนที่พบเห็น ซึ่งล่าสุดสาวแซนวิชเพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาหารเสริม Sanderla พร้อมกับเปิดใจถึงการที่ต้องทำงานไปด้วย และเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวกับลูกชายวัยกำลังซน
“ตอนนี้น้องลีออง 5 ขวบแล้วค่ะ ซนค่ะ ตามปกติของเด็กผู้ชาย ตอนนี้คือซนมาก มีความคิดเป็นของตัวเอง มีโลกส่วนตัว ซนเหมือนลิงเลย แต่เขาเป็นเด็กที่ไม่ดื้อเลยค่ะ ไม่ร้องไห้ ไม่งอแงเลย ส่วนใหญ่แซนจะใช้เหตุผลคุยกับเขา ถ้าเราแว๊ดๆ ใส่ เขาจะไม่ฟัง เราก็เลยเปลี่ยน หันมาดูพฤติกรรมลูกเราว่าเขาเป็นคนแบบไหน เขาเป็นเด็กที่ชอบคนพูดเพราะ และถ้าเรามีอะไรที่ห้ามเขา เราต้องใช้เหตุผลคุยกับเขา เพราะเขาจะมีคำถามกลับมาว่าเพราะอะไรเขาถึงทำไม่ได้ เพราะอะไรม่าม๊าถึงห้าม เราก็ต้องมีเหตุผลที่ชัดเจนให้เขา"
น้ำตาซึมตอนที่ต้องทิ้งลูกวัยแบเบาะให้ตาเลี้ยง
“ตอนนี้ลูกคืออันดับหนึ่งเลยค่ะ แต่เมื่อก่อนเรามองว่างานคืออันดับหนึ่ง คือเราจะต้องทำงาน เพื่อเอาเงินมาเลี้ยงลูก แต่สุดท้ายแล้วมันไม่ตอบโจทย์เรา ทำแต่งาน แต่คนที่ลูกต้องการคือเรา เขามีแค่เรา เพราะช่วงวัยเขามันจะผ่านไปเร็วมาก มีอยู่ช่วงนึงที่แซนไม่ได้อยู่กับเขา ก็ให้เขาอยู่กับคุณตา คือเราไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการเรามากเลย"
"ด้วยความที่เราไปทำงาน ไม่ได้เจอลูกเป็นเดือนเลย เราก็ทำงานๆ ฝากลูกไว้กับตา หอบลูกไปไม่ได้ พอตาเขาลงยูทูปอันนั้นแล้วเราเข้าไปเห็น คือน้ำตาตกในเลย (เสียงสั่น) ลูกเขาต้องการเราจริงๆ พอมีเสียงขับรถผ่านเขาก็จะวิ่งไปเกาะรั้ว เขานึกว่าเรามา (น้ำตาซึม) แต่เรามองข้ามจุดนี้ไป เรามัวแต่มองว่าจะทำยังไงที่จะหาเงินให้ได้มากที่สุด จริงๆ เราก็ทำเพื่อเขานั่นแหละ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือเขาต้องการเรามากกว่า อยากอยู่ใกล้เรา อยากหาเรา และเขาเรียกเราตลอดเวลาเลย แล้วก็ร้องไห้ๆ"
"ก็เลยทำให้เราต้องเปลี่ยนตัวเอง เราก็คิดเลยว่าทำอาชีพอะไรก็ได้ที่ทำให้เราได้อยู่กับลูก เพราะเขาโตเร็วมาก ตอนช่วงเขา 3 ขวบแซนแทบจะไม่มีเวลาอยู่กับเขาเลย ก็เลยคิดทำโปรดักส์ของตัวเองขึ้นมา เพื่อที่เราจะได้คุมเวลาของตัวเองได้ เราสามารถที่จะออกไปหาเงินตอนไหนก็ได้ ไลฟ์สดตอนไหนก็ได้ และเราก็ได้อยู่กับลูกด้วย ทุกวันนี้ก็ไปรับไปส่งลูกเอง ทำทุกอย่างเอง อยู่กับเขาให้ได้นานที่สุด เพราะวันนึงที่เขาโตขึ้น เขาอาจจะมีสังคมของเขา มีเพื่อน แต่ช่วงเวลานี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดก็คือเรา”
เผยเคยคิดฆ่าตัวตายพร้อมลูก เพราะเจอปัญหารุมเร้า
“ช่วงเหนื่อย ช่วงท้อมันมีอยู่แล้วค่ะ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าแซนผ่านอะไรมาบ้าง เจออะไรมาบ้าง แซนเจอมาทุกรูปแบบ เจอถึงขั้นอยากฆ่าตัวตายพร้อมลูก อยากตายไปทั้งคู่เลยก็มี คือมันที่สุดของเราแล้ว เราไม่เคยเจออะไรที่มันเลวร้ายสุดๆ ขนาดนี้ ตอนที่เรารู้สึกเหนื่อย มันหมดกำลังใจ คิดไม่ออก มันมืดแปดด้าน ตอนนั้นเป็นช่วงที่คลอดน้องใหม่ๆ เลย ก่อนที่จะมีน้อง แซนก็เข้าวงการ และเป็นช่วงที่เรากำลังโตในวงการ แต่ทุกอย่างมันวูบไปเลย คือเราก็คาดหวังตรงนั้นอยู่แล้ว เรามีความฝันที่จะยืนอยู่ตรงนั้น แต่อยู่มาวันนึงทุกอย่างมันพังทลายหมดเลย"
"พอมีเขา เราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแม่ที่ดีได้มั้ย เราจะเลี้ยงเขายังไง เพราะเขายังเล็กมาก เราก็แม่มือใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าจะต้องเลี้ยงลูกยังไง บวกกับข่าวที่มันเกิดขึ้น ชีวิตคู่ ครอบครัว ทุกอย่างมันกระทบหมด ก็เลยคิดอยากจะหนีปัญหา แต่สิ่งที่ดึงสติเรากลับมาได้ก็คือลูก ตอนนั้นเขาเพิ่งจะ 3-4 เดือน ช่วงที่เป็นข่าวใหม่ๆ เลยค่ะ คือตอนนั้นเราอยากจะทำแหละ เราก็ต้องทำเขาก่อน เพราะเราอยากไปทั้งคู่ แต่พอหันไปเห็นหน้าเขา เราก็ทำไม่ลง”
บอกครอบครัวคือสิ่งสำคัญทำให้เปลี่ยนความคิดได้
“เราก็มองเห็นคุณพ่อแซน คนในครอบครัวพร้อมที่จะอยู่คอยซัพพอร์ตเรา เป็นกำลังใจให้เรา อยู่ข้างๆ เราตลอด แต่ตอนนั้นเราไม่ได้มองเลย เรามองอย่างเดียวว่าฉันจะหนีปัญหานี้ยังไงดี คือเราหนีอย่างเดียว เราไม่แก้ ก็เลยทำให้เราคิดสั้น แต่สุดท้ายแล้วคนรอบข้างเขาเข้มแข็งกว่าเราเยอะมาก เพราะส่วนตัวแซนเป็นคนไม่ค่อยพูด เก็บทุกอย่าง อะไรที่เราไม่สบายใจ อะไรที่เป็นปัญหาของเรา เราจะไม่อยากพูดให้ใครฟัง ไม่อยากให้คนรอบข้างเรารับรู้"
"แต่สุดท้ายแล้วการทำอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์ กลายเป็นเราเองก็คิดไม่ได้ว่าต้องแก้ปัญหายังไง สุดท้ายแล้วการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือเราอาจจะปรึกษาคนรอบข้าง พูดให้เขาฟังบ้างว่ามันเป็นยังไง ต้องแก้ทางไหน และพ่อแม่ยังไงเขาก็ไม่ทิ้งเรา เขาก็คอยแก้ปัญหาให้เราว่าเราจะต้องทำยังไง ลูกเราจะเลี้ยงยังไง วางแผนยังไง ก็เลยกลายเป็นว่าเราหันมามองคนที่รักเราดีกว่า และเขาเข้มแข็งกว่าเราเยอะ เขาไม่รู้เลยว่าเราคิดอะไรอยู่ แต่เขาก็ยังอยู่ข้างๆ เราไม่ไปไหน ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่แซนจมอยู่ตรงนั้น พอหันมาเจอหน้าลูกเขาก็ยิ้มให้เรา คือเขาบริสุทธิ์มาก ก็เลยทำให้แซนเปลี่ยนความคิดใหม่”
เครียดถึงขั้นต้องพบจิตแพทย์ เพราะนอนร้องไห้ทุกวัน
“จริงๆ มันก็ยังมีแว๊บๆ มาเรื่อยๆ แต่เป็นเราคนเดียวแล้ว กะจะให้เขาอยู่กับตา แต่สุดท้ายก็คิดว่าเราจะทำบาปทิ้งหลานไว้กับตาเหรอ ก็คือเป็นช่วงข่าวที่ 2 เข้ามาประดัง เรื่องคดีอีก ก็มีคิดว่าเราเป็นตัวปัญหากับทุกๆ คน คือสภาพจิตใจเรามันแย่ที่สุดแล้ว เหมือนพอจะหาย ก็กลับเข้ามาอีก ก็มีปรึกษาคุณหมอค่ะ ไปพบจิตแพทย์ ให้เราได้ไปคุย ได้ไประบาย ถ้าเราไม่พูดเลยจะกลายเป็นเก็บไว้คนเดียว ตอนนั้นนอนร้องไห้ทุกวัน ไปทางไหนก็มีแต่รู้สึกว่าคนไม่ชอบเรา เรารู้สึกไปเอง ด้วยความที่เราอ่านคอมเม้นต์เยอะ ก็จะมีทั้งคนรักและคนไม่รัก คนที่ไม่รักเขาก็พูดต่างๆ นานา เราก็เก็บเอามาคิด คือเราแคร์ไปซะทุกคน ก็เลยทำให้เราเก็บทั้งหมด"
"ตอนนั้นก็ต้องพบคุณหมอบ่อยค่ะ ต้องทานยา เพราะแซนนอนไม่หลับเลย เพิ่งมาเลิกได้สักเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ไม่ต้องไปพบคุณหมอ ไม่ต้องทานยาแล้ว หลับเองได้ ตอนนี้ก็ถือว่าชีวิตแฮปปี้นะคะ คือเราเข้มแข็งขึ้น อยากจะขอบคุณทุกปัญหาที่เข้ามาในชีวิตเลย เมื่อก่อนเป็นคนที่อ่อนแอมาก ขี้แงมาก เป็นคนที่ยอมแพ้อะไรง่ายมาก แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันทำให้แซนแกร่งขึ้น ให้แซนกล้าที่จะเผชิญทุกอย่าง อะไรที่เป็นปัญหาเข้ามาตอนนี้ กลายเป็นทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่มันยากกว่านี้ฉันก็เจอมาแล้ว ทุกอย่างแซนเอามาปรับใช้ในชีวิต มันทำให้เราแกร่งขึ้น ตอนนี้เหมือนเราเป็นคนใหม่เลย”
เผยตัดขาด “เสก โลโซ” พ่อของ “น้องลีออน” มาได้ 2 ปี ไม่เคยคิดต่อกันอีกเลย
“เขาไม่ได้ติดต่อมาเลยค่ะ ก็น่าจะประมาณ 2 ปีแล้ว เรื่องค่าเลี้ยงดูอะไรต่างๆ ก็ไม่มีค่ะ แต่อันนี้เราเป็นคนเสนอเขาเอง เพราะเราไม่ต้องการในส่วนนั้น คือเราต้องการจะดูแลลูกเอง เราต้องการอยู่ในส่วนของเราแบบสงบ อยากจะอยู่กับลูกแบบที่ไม่ต้องเจอปัญหาอะไร ไม่ต้องมีใครมาวุ่นวาย เพราะเราก็เลี้ยงเขาได้ ก็เลยได้มีการพูดคุยตกลงกันไปแล้วอย่างเป็นทางการว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว"
"แต่ว่าไม่ได้เกลียดกันหรือบาดหมางอะไรกันนะคะ ก็คือจบกันด้วยดี เพราะเรากลับมาคิดกันแล้วว่า ปัญหาที่มันเกิดขึ้นมันคืออะไรบ้าง และถ้ามันเกิดแบบนี้ เราจะแก้ยังไง ในส่วนของแซนและทุกๆ ฝ่ายหาทางออกกันว่าแบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว ตัวแซนเองก็สบายใจ ได้ออกมาทำงาน ได้เจอเพื่อน คือเราไม่ต้องมาเจอปัญหาอะไรที่มันไร้สาระเดิมๆ แซนเบื่อ แซนเหนื่อยแล้ว แซนอยากเอาสมองไปคิดกับเรื่องลูก เอาเวลาไปทำมาหากิน เอาเวลาให้กับครอบครัวของแซน แค่นี้เราก็มีความสุขแล้ว"
"ถ้าเขาขอมาเจอลูกก็ได้นะ เพราะเราไม่เคยปิดกั้นอะไรเลย ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ติดต่อมานะคะ น้องก็มีถามถึงบ้าง เราก็ให้เหตุผลเขา ให้เขาเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้อะไรนะ ส่วนใหญ่แล้วลูกจะห่วงเรามากกว่า ถามหาคนที่เขาเห็นหน้ากันทุกวันมากกว่า”
เผยมีคนคุยใหม่แล้ว แต่ไม่คาดหวัง ถ้าใช่ก็พร้อมแต่งอีกครั้ง
“ความรักครั้งใหม่เหรอ ก็เปิดนะ (ยิ้ม) ก็มีเข้ามาค่ะ แต่ก็ไม่ได้เยอะ เพราะเราไม่ได้ไปเจอสังคมอะไรเยอะแยะ ไม่ได้ไปเที่ยว ส่วนใหญ่ก็ทำงาน แต่ก็มีคนคุยๆ บ้างค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้อะไร คือถ้าตกลงก็แต่งงานเลยแหละ ก็ยังเปิดใจนะ ไม่ได้ปิดใคร แต่สุดท้ายแล้วคนที่เราเลือกก็คือลูกมากกว่า รักลูกเรา อยู่กับลูกเราได้ ดูแลเราได้ เป็นคนดี ไม่มีสเป็กที่เลอเลิศ เพราะสุดท้ายแล้วเราก็มองลูกเป็นหลัก"
"ก็ไปเรื่อยๆ ค่ะ ไม่อยากคาดหวังอะไร มันไม่ใช่วัยที่มาคาดหวังเรื่องของความรักแล้ว ตอนนี้คิดอย่างเดียวคือเรื่องงานกับเรื่องลูก เรื่องอื่นก็เป็นเรื่องรอง ปล่อยให้มันเป็นตามสเต็ปค่ะ ถ้ามันจะใช่ก็ใช่ ถ้าจะไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ไม่ได้คาดหวัง เอาลูกเป็นหลัก งานเป็นรอง ความรักก็รองลงไปอีก (ยิ้ม)”