"Avatar: The Way of Water" เปิดตัวด้วยทำรายได้ไม่น้อย แต่ก็ทำเงินน้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาด โดยผู้กำกับ "เจมส์ คาเมรอน" เคยเผยว่าหนังอาจจะสร้างถึงเพียงแค่ภาค 3 หากหนังภาค 2 ไม่ได้ทำเงินอย่างมหาศาล เพราะหนังใช้ทุนสร้างไปสูงมาก
ภาคต่อของ "Avatar" ของผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกด้วยเงิน 134 ล้านดอลลาร์เฉพาะในสหรัฐฯ
ถือว่าเป็นหนังที่เปิดตัวด้วยรายได้สูงสุดอันดับ 4 ในปีนี้ โดยทำเงินในช่วงสุดสัปดาห์เปิดตัวเท่า ๆ กับ "The Batman" และเป็นรองหนังแค่ 3 เรื่องคือ "Doctor Strange in the Multiverse of Madness" (187.4 ล้านเหรียญในเดือนพฤษภาคม), "Black Panther: Wakanda Forever" (181 ล้านเหรียญในเดือนพฤศจิกายน) และ "Thor : Love and Thunder" (144.2 ล้านเหรียญสหรัฐในเดือนกรกฎาคม)
ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายคาดว่าหนังน่าจะเปิดตัวในประเทศสหรัฐฯ และแถบอเมริกาเหนือ ด้วยรายได้ประมาณ 150 ล้านถึง 175 ล้านดอลลาร์ และทำรายได้เปิดตัวทั่วโลก 450 ล้านถึง 550 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก
ซึ่งสุดท้ายหลังจากฉายมาตลอดสุดสัปดาห์แรก Avatar: The Way of Water ทำรายได้ทั่วโลกที่ 435 ล้านดอลลาร์
Avatar: The Way of Waterใช้ทุนสร้าง 350 ล้าน-400 ล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูด จนก่อนหน้านี้ คาเมรอน กล่าวว่าหนังจะต้องทำรายได้ในช่วง 2 พันล้านดอลลาร์จึงจะถือว่าประสบความสำเร็จ
คาเมรอน เคยวางแผนจะสร้าง Avatar ออกมาทั้งหมด 5 ภาค แต่เขาก็ยอมรับว่าหากหนังภาค 2 ทำเงินต่ำกว่าเป้า ก็อาจจะจบเรื่องราวทั้งหมดในภาคที่ 3 ที่ถ่ายทำเสร็จแล้วไปเลย