xs
xsm
sm
md
lg

“เบนซ์ พรชิตา” ร่ายยาว ห้างดังยังไม่รับผิดชอบหลังแม่ประสบอุบัติเหตุ จนหน้าพังยับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทำเอาคนเป็นลูกอย่าง “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” แทบขาดใจเมื่อแม่ “เสาวณีย์ ณ สงขลา” วัย 75 ปีของเธอเองประสบอุบัติเหตุจากการไปจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง แต่กลับเกิดอุบัติเหตุจนทำเอาหน้าพังยับฟกช้ำและมีบาดแผลจนต้องเย็บไปอีกหลายเข็ม

งานนี้เจ้าตัวขอร่ายยาว เพราะหลังผ่านไป 2 เดือนครึ่ง ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆจากทางห้าง จึงขอเตือนเป็นอุทาหรณ์และวอนให้แก้ไขโดยด่วน

“เบนซ์ขอเล่าเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดกับคุณแม่เบนซ์เมื่อ 2 เดือนครึ่งที่แล้วเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนไปซื้อของนะคะ เมื่อวันที่ 24 กันยายนคุณแม่ได้แวะไปซื้อของในห้างแห่งนึงใกล้บ้านแม่ ซึ่งปกติก็ซื้อที่นี่เป็นประจำ ในส่วนที่เป็นที่ซื้อสินค้าอยู่ชั้นสองทำให้ลูกค้าต้องใช้รถเข็นลงจากชั้นสองโดยใช้ทางเลื่อนเพราะทางห้างไม่มีลิฟท์ให้เลือกใช้

ปรากฏว่าล้อรถเข็นไม่ล็อกกับทางเลื่อนที่ลาดลงมาจากชั้นสองด้วยน้ำหนักของบวกกับรถเข็นเลยลากแม่เบนซ์ลงมาตลอดทางลาดด้วยความเร็วและกระแทกเข้ากับเคาน์เตอร์ของร้านค้าด้านล่าง ศีรษะและใบหน้ากระแทกเข้ากับรถเข็น เลือดไหลเยอะมาก(เพราะเพิ่งทำบอลลูนหัวใจไม่ถึงเดือนและต้องกินยาละลายลิ่มเลือด) เย็บไป 4 เข็ม มีแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายจุดจากการลากลงทางลาด และต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลา 3 วัน จึงกลับมาพักฟื้นที่บ้านต่อ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังมีอาการเจ็บอยู่

เหตุผลที่แม่ไม่ปล่อยรถเข็นเพราะข้างหน้ามีคนยืนอยู่บนทางเลื่อน จึงกลัวว่ารถเข็นจะพุ่งไปกระแทกหลังหรือชนคนอื่นจนได้รับบาดเจ็บเลยพยาบามดึงไว้ ซึ่งหลังเกิดเหตุวันรุ่งขึ้นเบนซ์ได้ไปดูจุดเกิดเหตุก็มีคนเข้ามาเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้านี้ที่จะเกิดเหตุกับแม่ ก็เคยเกิดขึ้นแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุได้หนึ่งวัน ตอนที่แม่อยู่ที่โรงพยาบาล ก็มีเจ้าหน้าระดับผู้จัดการของทางห้างมาเยี่ยมโดยบอกกับทางเราว่าจะมีผู้ใหญ่เป็นอดีตนักการเมืองจะขอมาเยี่ยมแม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาแต่ที่มาคือผู้จัดการของห้าง ช่วงแรกที่คุยก็เหมือนจะไม่ราบรื่นแต่ก็สรุปจบตรงที่ ผู้จัดการห้างบอกว่าทางห้างจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาแม่ให้ แต่หลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากที่เกิดเหตุผู้จัดการห้างก็โทรมาถามถึงอาการแม่ 1 ครั้งโดยถามแค่อาการและบอกว่าจะโทรมาถามอาการเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากวันนั้นจนถึงวันนี้ทางห้างก็ไม่ได้มีการเยียวยา ชดใช้ หรือติดต่อกลับมาทางเราอีกเลย

ที่เบนซ์ออกมาเล่าให้ฟังเพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์กับทุกคนถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณหรือหัวหน้าครอบครัวจนต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัวมากน้อยจำนวนวันขึ้นอยู่กับอาการบาดเจ็บของแต่ละคน หรือแม้กระทั่งอาการที่หนักจนถึงชีวิต ทางห้างควรดูแลความเสียหายให้เป็นมาตรฐานไม่ใช่แค่แวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล 1 ครั้งและโทรมาถามอาการอีก 1 ครั้งโดยบอกว่าจะดูแลค่าใช้จ่ายแต่ผลคือกลับเงียบไปเฉยๆเหมือนทางห้างรอว่าผู้บาดเจ็บแต่ละคนจะใช้กฎหมาย หรือเอาเรื่องกับทางห้างขนาดไหนถึงจะยอมออกมาดูแล

กรณีแม่ของเบนซ์คือเรายังสามารถดูแลแม่ได้ และถ้ากรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับคนที่ไม่มีกระบอกเสียง ไม่มีสตางค์ ผู้สูงอายุที่ไม่มีญาติ หรือตาสีตาสาทั่วไปจะทำยังไงดังนั้นทางห้างควรมีการดูแลและเยียวยาคนเจ็บ
มากกว่านี้ ไม่ใช่เงียบไปแบบนี้

สิ่งที่เบนซ์อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็คือ

1.เมื่อเกิดเหตุในห้างสิ่งแรกคือรับผิดชอบโดยไม่มีข้อโต้แย้งเพราะเป็นพื้นที่ของคุณ โดยมีลูกค้าไปใช้บริการในพื้นที่ของคุณ การหาสาเหตุควรเป็นไปเพื่อแก้ไขและ
พัฒนาองค์กรของคุณไม่ใช่เพื่อแก้ต่างกับลูกค้า
2.ทางห้างควรหมั่นตรวจสอบ การล๊อคของรถเข็นและแผ่นล็อคล้อตรงทางลาดของห้างอย่างสม่ำเสมอให้ดีกว่านี้
3.สังคมไทยมีผู้สูงอายุจำนวนมากขึ้น ทางห้างควรจัดหาพนักงานมาบริการช่วยเหลือผู้สูงอายุตั้งแต่บริเวณแคชเชียร์โดยไม่ต้องรอร้องขอความช่วยเหลือ

เบนซ์หวังว่าอุบัติเหตุของแม่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงกับทุกคนที่เป็นผู้ใช้บริการโดยเฉพาะผู้สูงอายุทุกท่านให้ได้รับการบริการและการดูแล รวมถึงความปลอดภัยที่ดีขึ้นนะคะ

พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นกับแม่ตัวเอง คือไปไม่ถูกเหมือนกันนะคะแม่อายุ75ปีแล้ว ตอนนี้คือเดินช้ามาก ปวดขาปวดหลังไปหมด มีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างไม๊คะ ไม่อยากให้เกิดกับใครอีกแล้ว เราควรทำยังไงดีคะ”





กำลังโหลดความคิดเห็น